Abe the Wizard 4 ฟอร์ตลี

ตอนที่ 4 ฟอร์ตลี

AtW ตอนที่ 4 ฟอร์ตลี

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

 

ฟอร์ตลี ควรจะเป็นเพียงแค่ชื่อของป้อมปราการเก่า แต่ผู้คนก็เริ่มสร้างเมืองรอบๆ ป้อมปราการแห่งนี้จนมันกลายเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นในที่สุด แต่กjอนฟอร์ตลีเป็นที่อยู่อาศัยของลอร์ดเร็กซ์ ผู้ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีคนปัจจุบันของเมืองแห่งนี้

 

เป็นเวลาเที่ยงแล้วที่อาเบลและนอร์แมนเดินทางมาถึงที่เมืองฟอร์ตลีแห่งนี้ หลังจากที่ตกลงกัน ทั้งสองคนตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังโบสถ์เพื่อรับการรักษาก่อน นักบวชที่นั่นใช้ ‘พลังแห่งแสง‘ ในการเยียวยารักษาขาของนอร์แมน พวกเขาคิดค่าใช้จ่ายเป็นเงินทั้งหมดจำนวน 10 เหรียญเงิน

 

อาเบลเข้าใจสถานการณ์ในโบสถ์เป็นอย่างดี ในตอนนี้เขากำลังเดินออกและคิดอะไรไปด้วย ดูเหมือนว่าธุรกิจของโบสถ์ในการเยียวยารักษาผู้คนจะเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้อย่างดีเยี่ยม 10 เหรียญเงินเป็นเงินที่สามารถทำให้ครอบครัวครอบครัวหนึ่งอยู่ได้เป็นเวลา 1 เดือน แต่นักบวชกลับได้เงินจำนวนนี้มาเพียงแค่ใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยที่โบสถ์แห่งนี้จะดูสูงใหญ่มาก

 

ภายใต้การนำทางของนอร์แมน อาเบลได้เดินทางมาถึงร้านขายเครื่องหนังทางฝั่งตะวันตกของเมือง สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่รับเสื้อหนังของสัตว์ป่าที่ลูกล่า

 

ผู้จัดการร้านตกใจทันทีที่เห็นคนทั้งสองคนหิ้วเสือดำเข้ามาในร้าน เสือดำนั้นมีระดับความยากในการล่าที่สูงมาก พวกมันเป็นนักล่าที่ร้ายกาจ การที่จะล่าเสือดำโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่านักล่าคนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน และนั้นเองเป็นสิ่งที่อาเบลและนอร์แมนทำได้ ดูเหมือนว่าเสือดำตัวนี้จะมีบาดแผลเพียงที่เดียวก็คือที่ด้านหลังของมันนั่นเอง ทุกๆ ส่วนอื่นของฃเสื้อดำตัวนี้ยังไม่ได้ถูกแตะต้องหรือทำให้เสียหายแต่อย่างใด

 

เจ้าของร้านได้บอกกับพวกเขาไว้ว่า เสือดำตัวนี้ดูสมบูรณ์แบบมาก เขายินดีที่จะรับซื้อมันในราคา 10 เหรียญทอง ในขณะที่นอร์แมนดูยินดีที่จะรับข้อเสนอนี้แต่อาเบลยังไม่ได้ยอมรับเหมือนกับนอร์แมน เขาไม่รู้ว่าตลาดการซื้อขายหนังสัตว์เป็นอย่างไร แต่ราคา 10 เหรียญทองฟังดูดีเลยทีเดียว

 

10 เหรียญทอง ถ้ารวมกับเงินที่ซัคให้มากับเงินที่อาเบลเก็บออมไว้อีก 5 เหรียญ ตอนนี้อาเบลจะมีเงินทั้งหมด 16 เหรียญทอง เช่นเดียวกับโลกที่เขาจากมา ทองนั้นมีกำลังในการซื้อขายมากที่สุดในชนิดเงินแล้ว

 

เขาไม่ได้มาที่ฟอร์ตลีเป็นเวลานานแล้ว อาเบลมาที่นี่เพื่อจะซื้ออะไรบางอย่าง อาเบลขอนอร์แมนไว้ว่าเขาอยากเดินซื้อของตามลำพัง เขาต้องการที่จะซื้อของโดยที่ไม่ให้คนอื่นรู้

 

หลังจากแยกกับนอร์แมนอาเบลเดินตรงไปที่ใจกลางเมืองฟอร์ตลี อาเบลมาที่ศูนย์การค้าใจกลางฟอร์ตลี มันเป็นแหล่งการค้าที่มีตลาดขนาดใหญ่ ตลาดแห่งนี้มีสัญลักษณ์เป็นป้อมปราการที่เก่าแก่นั่นเอง ในตอนที่อาเบลมาถึงตลาดแห่งนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ในตอนนี้มีคนเดินไม่เยอะเท่าไรนัก

 

อาเบลไม่แน่ใจว่าของที่เขากำลังหาซื้อนั้นอยู่ที่ไหน เขาจึงไปสอบถามข้อมูลที่เคาน์เตอร์แห่งหนึ่ง จากที่อาเบลเห็นตลาดแห่งนี้มีร้านขายของทั่วไปจนถึงระดับสูงจำนวนมาก มีสินค้าที่ขายประจำวัน ทั้งอัญมณี เสื้อผ้า และอื่นๆ อีกมากมาย อาเบลไม่แน่ใจสิ่งที่เขาต้องการจะหาซื้อนั้นมีอยู่ในตลาดแห่งนี้ไหม

 

“คุณจะต้องเป็นท่านอาเบลอย่างแน่นอน” ชายรูปร่างอ้วนวัยกลางคนเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง ชายคนนี้ทักทายอาเบลด้วยรอยยิ้มพร้อมกับโค้งคำนับด้วยท่าทางที่แปลกประหลาด

 

แม้การทักทายในครั้งนี้ดูไม่มีมารยาทเท่าไรนัก แต่อาเบลก็ทักทายกลับไปอย่างสุภาพ เขารู้ดีว่าคนธรรมดาสามัญมักจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับมารยาทเพิ่มเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่อยากถือสาอะไร

 

“ใช่ ฉันเอง ทำไมคุณถึงรู้จักฉันได้อย่างงั้นหรอ?”

 

“ขออภัยด้วยที่เรียกชื่อท่านแบบห้วนๆ ฉันชื่อทิม ฉันเป็นเจ้าของสถานประกอบการนี้เอง” ทิมคำนับอีกครั้ง แม้ว่าจะยังเป็นการคำนับที่แปลกประหลาดอีกเช่นเคย “ฉันจำหนามบนชุดเกราะของคุณได้น่ะ พี่ของคุณซัคก็มีหนามบนชุดเกราะเช่นนี้เหมือนกัน ฉันรู้จักกับเขามานานแล้ว”

 

ชุดเกราะที่มีหนามอยู่ในส่วนแขนเป็นสัญลักษณ์ชุดเกราะของตระกูลอัศวินเบ็นเน็ตต์ เพื่อที่จะจดจำคนจากตระกูลต่างๆ ได้ พวกเขามักจะเลือกจดจำจากเสื้อคลุมแขน เสื้อคลุมแขนนี้เป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งของอัศวิน มันจะสามารถบ่งบอกวรรณะ ฐานะ และความสามารถของอัศวินคนนั้นได้

 

“คุณมีเศษเสี้ยวของอัญมณีบ้างไหม?” อาเบลถามทิมไป ดูเหมือนว่าเบลจะไม่ต้องพูดคำนำหน้าว่า ‘คุณ‘ กับทิม อาเบลพิจารณาแล้วว่าทิมไม่ใช่คนที่เจ้าพิธีรีตรองเขาจึงเลือกที่จะเรียกแบบนี้ไป

 

“ท่านมาถูกที่แล้ว” ทิมตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าตอนแรกที่เขาพบกัน “ที่นี่เรามีอัญมณีหลากลายมากเลยล่ะ ท่านมองหาอัญมณีแบบไหนอยู่หรอ?”

 

ทิมได้สั่งให้ลูกน้องของเขาปลดล็อกกล่องใบหนึ่งที่เก็บไว้หลังเคาน์เตอร์ ในกล่องมีอัญมณีมากมายหลายชนิด แต่อัญมณีส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นชิ้นเล็กๆ คนส่วนใหญ่ในฟอร์ตลีไม่สามารถซื้ออัญมณีเหล่านี้ได้ และอัญมณีที่ใหญ่และสมบูรณ์แบบมากกว่านี้จะถูกย้ายไปในที่ที่ปลอดภัยกว่า อัญมณีในโลกแห่งนี้สามารถใช้งานได้หลายอย่างนอกเหนือจากการใช้เป็นเครื่องประดับอันหรูหรา

 

“ทั้งหมดนี้เท่าไรหรอคุณทิม?” อาเบลถามในขณะที่หยิบอัญมณีทั้ง 6 ชิ้นออกมากจากกล่อง

 

“6 เหรียญทองครับท่านอาเบล”

 

ดูเหมือนว่าราคานี้จะเป็นราคาที่สมเหตุสมผล พ่อค้าส่วนใหญ่มักจะโก่งราคาจากลูกค้าหน้าใหม่เสมอ แต่อาเบลเป็นเหมือนกับคนรู้จักของซัคที่เจ้าของร้านคนนี้สนิทด้วย และอาเบลยังเป็นลูกชายของอัศวิน ราคาข้อตกลงนี้ดูยุติธรรมสำหรับอาเบลดี

 

เมื่อได้รับเงินจากอาเบล ทิมได้นำทับทิมทั้ง 6 ชิ้นใส่ในถุงผ้าเล็กๆ ก่อนที่จะมอบให้กับอาเบล เขานำทางอาเบลออกจากร้านแห่งนี้ไป ดูเหมือนว่าเขาจะเคารพนับถืออาเบลอยู่พอสมควร

 

เมื่อออกจากศูนย์การค้ามาแล้ว อาเบลวิ่งไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ ที่ลับตาแห่งหนึ่งอาเบลหยิบทับทิม 3 ชิ้นออกมาก่อนที่จะวางไปในฮอร์ราดริกคิวบ์ เขาจำสูตรการสร้างไอเท็มได้ดี หากวางเศษอัญมณีทั้ง 3 ชิ้นลงในฮอร์ราดริกคิวบ์มันจะสามารถสร้างอัญมณีชนิดเดียวกันที่เม็ดใหญ่กว่าออกมาได้

 

อาเบลอยากพิสูจน์ว่ามันจะสามารถสร้างไอเท็มได้จริงไหม เขาใช้มือแตะช่องสร้างไอเท็มในทันที ทับทิมทั้ง 3 เม็ดหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีแสงอะไรบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากนั้น ทับทิมเม็ดใหญ่ปรากฎขึ้นในช่องเก็บของของฮอร์ราดริกคิวบ์

 

ช่างเป็นความงามที่งดงามอะไรแบบนี้ หลังจากที่อาเบลนำทับทิมออกมาจากคิวบ์ ทับทิมเม็ดนี้สะท้อนประกายแสงสีแดงออกมาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะดูทั้งขนาด คุณภาพ ดูเหมือนว่าจะเป็นทับทิมที่ระดับสูงกว่าเศษทับทิม 3 เม็ดก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก อาเบลยังไม่สามารถประเมินราคามันได้ แต่เขารู้สึกว่ามันจะต้องมีมูลค่าเกิน 3 เหรียญทองอย่างแน่นอน

 

การสร้างอัญมณีเม็ดใหญ่ที่สมบูรณ์แบบได้จะเป็นหนทางทำเงินที่ดีสำหรับอาเบล เขาไม่แน่ใจว่าจะนำอัญมณีที่พึ่งสร้างขายกลับที่ศูนย์การค้าของฟอร์ตลีได้ไหม การที่จะซื้อเศษอัญมณีมาจากที่นั่นแล้วนำอัญมณีชิ้นใหญ่กลับไปขายเป็นการกระทำที่ผิดปกติอย่างมาก

 

อาเบลเดินสำรวจเมืองอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เขาเดินตามถนนสายหลัก เขาสังเกตเห็นร้านขายเครื่องประดับร้านหนึ่งอยู่ตรงหน้าเขา ร้านนี้เป็นธุรกิจร้านเครื่องประดับของเอ็ดมันด์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาขุนนาง อาเบลจำได้ว่าทุกเมืองที่เขาเคยไปมักจะมีธุรกิจร้านเครื่องประดับของเอ็ดมันดูอยู่ทุกเมือง มันเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 500 ปี ทุกๆ ปีธุรกิจที่กลุ่มเอ็ดมันด์เป็นเจ้าภาพเปิดการประมูลจะมีพวกขุนนางและชนชั้นสูงจากหลายประเทศเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนั้น

 

“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ร้านเครื่องประดับเอ็ดมันด์ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”

 

มีหญิงสาวคนหนึ่งทักทายอาเบลทันทีที่เขาเดินเข้ามาในร้านแห่งนี้ เธอมีผมบลอนด์ ใบหน้ากลมมนคล้ายรูปไข่ เธอมีดวงตาที่ใหญ่ ผิวของเธอสวยไร้ที่ติ ชุดเดรสที่เธอกำลังใส่นั้นทำมาจากผ้าไหมสไตน์ของชาวตะวันออก เธอคนนี้พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน ขณะที่เธอทักทายอาเบลเธอโค้งคำนับเขาไปด้วยเช่นกัน

 

“สวัสดีตอนบ่ายมาดามคนสวย” อาเบลทักทายกลับ “ฉันกำลังมองหานักประเมินราคาอัญมณีอยู่”

 

ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนกับชายรูปร่างท้วมวัยกลางคนคนนั้น เธอรู้มารยาทการทักทายเป็นอย่างดี เธอพูดอย่างสุภาพและนอบน้อม เธอทำท่าโค้งคำนับได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับช่วงเวลาเป็นอย่างดี มารยาทแบบนี้ไม่ใช่คนทั่วไปที่จะเรียนรู้มันไว้ ธุรกิจในเครือเอ็ดมันด์คงจะลงทุนฝึกอบรมพนักงานต้อนรับอย่างดีเยี่ยม

 

“โปรดเรียกฉันว่าวีเว็ตต์ ท่านชายหนุ่มผู้รูปงาม คุณสามารถให้ฉันช่วยดูได้หากต้องการตรวจสอบตีราคาของอัญมณี ฉันเป็นผู้จัดการร้านเครื่องประดับนี่เอง ได้โปรดตามฉันขึ้นมาที่ชั้นบนเพื่อคุยธุระของเราต่อ”

 

เพียงแวบแรกที่วีเว็ตต์มองเห็นอาเบล เขาบอกได้ทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องเกิดจากตระกูลของชนชั้นสูงอย่างแน่นอน นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เธอต้องการคุยกับอาเบลเป็นการส่วนตัวต่อ

 

ทั้งสองคนขึ้นไปห้องรับแขกชั้นสอง วินาทีที่อาเบลนั่งลงบนที่นั่ง วินาทีนั้นมีคนเสิร์ฟกาแฟสดในทันที อาเบลไม่ต้องการทำตัวไร้มารยาท แต่การเดินภายในเมืองเป็นเวลากว่าหลายชั่วโมงทำให้เขากระหายน้ำเป็นอย่างมาก อาเบลนั่งจิบกาแฟอย่างไม่รีบร้อนก่อนที่จะเริ่มการสนทนาขึ้น

 

กาแฟที่อาเบลกำลังจิบเป็นกาแฟคุณภาพดี ถึงแม้ว่าอาเบลจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟแต่เขาสามารถบอกได้ทันทีว่ามันคุณภาพดี

 

อาเบลเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อาเบลเด็กจนทำให้สามารถเรียกว่า ‘เด็กชาย‘ ได้เลย แต่อย่างไรก็ตามอายุเป็นเพียงตัวเลข มันไม่มีความหมายหากเกิดในตระกูลขุนนางและชนชั้นสูง ไม่ว่าพวกเขาจะอายุเท่าไรพวกเขาก็จะได้รับความยกย่องนับถืออยู่ดี ความคิดเห็นแบบนี้เป็นกันทั่วไปในหมู่ขุนนาง

 

“อัญมณีชิ้นนี้มีมูลค่าเท่าไรกัน มาดามวีเว็ตต์?” อาเบลนำทับทิมขนาดใหญ่ออกมาให้วีเว็ตต์ดู

 

เมื่อเธอรับอัญมณีไป เธอจึงเริ่มตรวจสอบประเมินราคาของมันในทันที หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าของเธอเหมือนกำลังดีใจอยู่

 

“นี้เป็นของที่สมบูรณ์แบบมาก! โครงสร้างของอัญมณีชิ้นนี้สวยงามราวกับเกิดขึ้นจากงานฝีมือของมนุษย์ ฉันขอพูดตรงๆ เลยว่ามันไม่มีตำหนีแม้แต่รอยเดียว ถ้าฉันอยากจะซื้อต่อจากคุณในราคา 300 เหรียญทองคุณจะตกลงไหม?”

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset