Abe the Wizard 16 สภาวการณ์

ตอนที่ 16 สภาวการณ์

AtW ตอนที่ 16 สภาวการณ์

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

 

เบธแฮมได้คว้าค้อนปอนด์ที่หนักกว่า 30 ปอนด์ขึ้นมาจากโต๊ะ ในขณะเดียวกันเบธแฮมก็ได้โยนเหล็กเข้าไปในเตาเผาก่อนที่จะพูดกับอาเบลว่า “อาเบล นายเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์จริงๆ ฉันไม่เคยเห็นใครมีพรสวรรค์เท่านายมาก่อน ตั้งใจสิ่งที่ฉันจะทำต่อไปให้ดี ฉันจะทำแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นี้เป็นโอกาสเดียวที่นายจะได้เรียนรู้”

 

หลังจากพูดเสร็จเบธแฮมก็ได้นำเหล็กที่ผ่านการหลอมไปไว้ที่ทั่งตีเหล็ก เบธแฮมยกค้อนขึ้นสูงสักพักก่อนที่จะมองไปที่เหล็กที่ผ่านการหลอมอย่างระมัดระวัง เบธแฮมค่อยๆ เหวี่ยงค้อนลงบนเหล็กอย่างช้าๆ การเหวี่ยงค้อนอย่างข้าๆ ของเบธแฮมเต็มไปด้วยพลังของเขา ดูเหมือนว่าเบธแฮมจะใส่พลังของตัวเองลงไปที่ค้อนมากกว่าช่างตีเหล็กทั่วไปซะอีก เมื่อค้อนของเบธแฮมกระทบเข้ากับเหล็กก็เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโรงตีเหล็กแห่งนี้

 

“นายจะต้องรักษามาตรฐานในการตีเหล็กโดยใช้ค้อนนี้หให้ได้ 80 ครั้ง การใช้ค้อนที่หนักขึ้นจะทำให้การกำหนดรูปทรงของตัวดาบเป็นไปได้ยากด้วยเช่นกัน ถ้าหากนายทำได้ไม่ดีพอแล้วละก็มันก็จะส่งผลเสียต่อภายในร่างกายนายเอง เพราะฉะนั้นแล้วนายจะต้องใช้ค้อนอันนี้ด้วยความระมัดระวัง ดังนั้นระวังตัวไว้ให้ดี นอกจากพลังที่มั่นคงแล้วความแม่นยำเองก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน”

 

อาจารย์เบธแฮมได้อธิบายหลังจากที่สาธิตการใช้ค้อนหนัก 30 ปอนด์ตีเหล็กให้อาเบลดู “นายเป็นเด็กที่แข็งแกร่งมากนะอาเบล ถ้าหากนายใช้ความพยายามอย่างถูกต้องแล้วละก็ฉันมั่นใจเลยนะว่านายจะต้องทำได้”

 

อาเบลตั้งใจมองดูเบธแฮมตีเหล็กอย่างต่อเนื่อง ค้อนที่ถูกเหวี่ยงโดยเบธแฮมถูกเหวี่ยงเป็นเส้นตรงโดยไม่เอียงแม้แต่องศาเดียว ทุกๆ ครั้งที่เบธแฮมลงค้อนเขาจะลงด้วยแรงด้วยแรงที่เท่าๆ กันโดยตลอด การตีเหล็กแต่ละครั้งทำให้รูปทรงของเหล็กเองเปลี่ยนไป

 

หลังจากที่เบธแฮมได้ตีเหล็กครบ 81 ครั้ง เบธแฮมก็โยนเหล็กชิ้นนี้กลับไปที่เตาหลอมก่อนจะพูดกับอาเบลว่า “ลองดูสิ” เบธแฮมพูดเสร็จพร้อมกับยื่นค้อนให้กับอาเบล

 

อาเบลหยิบเหล็กชิ้นนั้นออกมาจากเตาหลอมก่อนที่จะวางไว้บนทั่งเหล็ก อาเบลพยายามจ้องมองไปที่เหล็กชิ้นนี้อย่างไม่ลดละ ในครั้งแรกที่อาเบลพยายามทำแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมาก แต่เมื่ออาเบลใช้สมาธิในการจ้องมองไปมากขึ้นทำให้อาเบลรู้สึกถึงสิ่งต่างๆ ได้น้อยลง สิ่งที่เหลือในสายตาของมูอี้ตอนนี้มีเพียงแท่งเหล็กชิ้นนี้เท่านั้น ในตอนที่อาเบลสังเกตการสาทิตของเบธแฮมตอนนี้ทุกรายละเอียดในการตีเหล็กอาเบลได้ซึมซับมันไปจนหมดแล้ว

 

ฮาฮ่านั่นฉันก็ทำได้นิ

 

อาเบลรู้สึกดีใจภายในใจลึกๆ ของเขาหลังจากที่อาเบลเหวี่ยงค้อน 30 ปอนด์ลงไปที่เหล็ก เสียงค้อนกระทบกับเหล็กนั้นดังไปทั่วทั้งโรงหลอม แต่เสียงนั่นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับอาเบลเลย ทันทีที่อาเบลใช้ค้อนทุบไปที่เหล็กครั้งนี้เสร็จในครั้งแรกอาเบลก็เห็นจุดต่อไปที่เขาจะต้องใช้ค้อนทุบในทันที

 

การตีเหล็กในแต่ละที่ก็เป็นเหมือนกับการเล่นของเล่นชิ้นใหม่ของอาเบล เมื่อเหล็กถูกตีที่จุดหนึ่งจนเปลี่ยนรูปร่างไปอาเบลก็จะเห็นอีกจุดที่สามารถตีได้ อาเบลเริ่มรู้สึกสนุกจนลืมความเหนื่อยล้าไปแล้ว หลังจากที่ใช้ค้อนตีไปสักพักอาเบลก็สามารถที่จะใช้ค้อนตีตามจังหวะแบบเดียวกันกับเบธแฮมอาจารย์ของเขาได้

 

เบธแฮมตกใจในสิ่งที่อาเบลทำได้ ในใจของเบธแฮมรู้สึกถึงความอิจฉาอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ใช่แล้ว เบธแฮมอิจฉาอาเบลที่สามารถเรียนรู้วิธีการหลอมเหล็กได้โดยใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น

 

“มันคือพลังแห่งความตั้งใจ” เบธแฮมเรียกสิ่งที่อาเบลมีอยู่ว่าพลังแห่งความตั้งใจ เบธแฮมรู้ดีว่าอะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้อาเบลสามารถเรียนรู้การหลอมเหล็กได้เร็วขนาดนี้ อาจารย์ของเบธแฮมเองอย่างโรบิ้นก็สามารถที่จะเชี่ยวชาญในการหลอมเหล็กได้เร็วเหมือนกับอาเบล ต่างจากเบธแฮมโดยสิ้นเชิง เขาคนนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะสร้างชื่อเสียงในฐานะช่างตีเหล็กที่ดีที่สุดในเมืองฮาเวสแห่งนี้ได้ อาจารย์ของเขาอย่างโรบิ้นเองได้รับยกย่องว่าเป็น”อัจฉริยะ”ของแท้จากคนทั่วทั้งทวีป

 

เนื่องจากตัวเบธแฮมเองขาด”พลังแห่งความตั้งใจ”เบธแฮมจึงต้องกลับบ้านของเขาหลังจากอยู่เรียนรู้สิ่งต่างๆ กับอาจารย์โรบิ้นถึงสิบปี เบธแฮมพยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองโดยการทำงานอย่างหนักและสั่งสมประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด แต่น่าเสียดายเบธแฮมไม่สามารถที่จะทำได้ดั่งหวัง นี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เบธแฮมไม่สามารถที่จะตีเหล็กได้เงินแปดสิบครั้งนั่นเอง

 

ในตอนที่เบธแฮมมีความตั้งใจที่จะอยากเป็นช่างตีเหล็กที่ดีที่สุดเขาสังเกตสิ่งที่อาจารย์ของเขาอย่างโรบิ้นทำทุกๆ อย่างอย่างละเอียด แต่สิ่งที่เบธแฮมไม่มีคือ”พลังแห่งความมุ่งมั่น” นั่นเอง พลังนี้จะสามารถมองหาจุดที่เหล็กควรจะใช้ถูกค้อนปอนด์ตีได้ มันเป็นพลังแบบเดียวกับที่อาเบลกำลังใช้อยู่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าอาเบลจะรู้ทุกอย่างดีจนเกินไป

 

เบธแฮมไม่ได้หยุดอาเบลด้วยความอิจฉาของเขา เบธแฮมตัดสินใจแล้วว่าจะให้อาเบลช่วยเติมเต็มความฝันที่เขาไม่สามารถไปถึงได้

 

ในตอนนี้อาเบลกำลังมีสมาธิในการตีเหล็กเป็นอย่างมาก หลังจากที่อาเบลตีเหล็กและให้ความร้อนใหม่ไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว

 

82,83,84…98,99,100

 

อาเบลกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากตีเหล็กครบ 100 ที ทันใดนั้นเองอาเบลรู้สึกเหมือนกำลังล้มป่วย ร่างกายของเขาเหนื่อยอ่อนไปทั้งตัว จิตใจของอาเบลเองก็เหนื่อยล้าด้วยเช่นกัน การตีเหล็กของอาเบลในครั้งนี้เหมือนกับการใช้พลังงานจากสมองอย่างไม่ลดละ ซึ่งความเหนื่อยที่ตามมานี้เองทำให้ตัวอาเบลรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานอาเบลก็อาเจียนออกมา ค้อนในมือของอาเบลถูกทิ้งไว้บนห้องตีเหล็ก มือขวาของอาเบลเองก็กระตุกอย่างไม่หยุดพัก

 

อาเบลพยายามที่จะนึกถึงสิ่งที่เรียกว่า “โซน” มันกำลังกลับมาอีกแล้วนั่นเอง แขนข้างซ้ายของอาเบลเองก็เริ่มจะรู้สึกเช่นเดียวกับแขนข้างขวาของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าตอนนี้อาเบลจะไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกต่อไป ในตอนนี้มือทั้งสองข้างของอาเบลกำลังขยับไปตามสัญชาตญาณ อาเบลไม่สามารถที่จะควบคุมมือของเขาได้เลย

 

อาเบลกำลังพยายามกลับมามีสติอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่รวบรวมสติอีกครั้งได้อาเบลก็รู้สึกประหลาดใจ ร่างกายของอาเบลมีพลังลมปราณไหลเวียนอยู่ใกล้ๆ กับเมอริเดียน

 

อาเบลไม่สนใจแล้วว่าพื้นตรงที่อาเบลยืนอยู่นั้นจะสกปรกเพียงใด อาเบลรีบนั่งก่อนที่จะกำหนดลมหายใจในแบบการฝึกฝนของวิถีอัศวินทันที เมอริเดียนที่ห้ากำลังปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ บนร่างกายของอาเบล

 

“อย่าไปยุ่งกับอาเบลในตอนนี้” เบธแฮมได้สั่งจีดอนเอาไว้ “ทำไมนายชอบทำอะไรรุ่มร่ามแบบนี้?”

 

เมื่อเหล่าผู้ฝึกงานคนอื่นเห็นอาเบลมีท่าทีที่แปลกไปพวกเขาทั้งหมดจึงรีบเข้ามามุงดูว่าอาเบลกำลังทำอะไร สุดท้ายเบธแฮมก็ได้ไล่พวกเขาทุกคนให้กลับไปทำงานต่อ

 

“บอกอัศวินมาแชลให้มาที่นี่ซะ” เบธแฮมหันไปดูกับจีดอน

 

“ครับท่านอาจารย์” จีดอนรีบทำตามคำสั่งของเบธแฮมก่อนที่จะรีบวิ่งออกจากโรงตีเหล็กแห่งนี้ไป

 

“ทำไมไอบ้ามาแชลมันถึงได้โชคดีแบบนี้กันนะ” เบธแฮมกำลังสบถออกมาคล้ายกับว่าตัวเขากำลังอิจฉาอะไรมาแชลอยู่ เบธแฮมเข้าใจดีว่าตอนนี้อาเบลกำลังทำอะไรอยู่ “นายจะรู้ไหมนะว่าลูกบุญธรรมของนายคนนี้กำลังเลื่อนระดับอยู่”

 

เบธแฮมไม่ได้รู้สึกชอบอาเบลแม้แต่น้อย เขารู้สึกไม่ชอบอาเบลในหลายเหตุผลหนึ่งในเหตุผลนั่นก็คือการที่อาเบลสามารถคืบหน้าพัฒนาตัวเองจนเร็วเกินไป มันเป็นเรื่องที่หายากมากการที่ใครสักคนจะเลื่อนระดับเป็นอัศวินระดับห้าภายในระยะเวลาเพียงชั่วโมงครึ่ง

 

แต่จริงๆ แล้วอาเบลไม่รู้เลยว่าเขาจะเลื่อนขั้นตัวเองในเวลาแบบนี้ ในตอนนี้อาเบลไม่ได้ดื่มน้ำยาเดิมลมปราณแล้วแต่อาเบลใช้เวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้นเขาก็สามารถที่จะพัฒนาตัวเองเป็นอัศวินฝึกหัดระดับห้าได้

 

คำถามมากมายกำลังเกิดขึ้นในจิตใจของเบธแฮม หลังจากที่เบธแฮมคิดอะไรคนเดียวอยู่อาเบลก็ได้ยืนขึ้นจากพื้นในเวลานั้น ทุกคนได้แต่ยืนมองอาเบลอยู่ห่างๆ มีเพียงเบธแฮมคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับอาเบลในตอนนี้ แต่สำหรับคนเป็นอาจารย์อย่างเบธแฮมแล้วเขาไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้ลูกศิษย์ของเขาต้องรู้สึกโดดเดี่ยว ถ้าหากทำแบบนั้นอาเบลคงรู้สึกไม่สบายใจอย่างที่เขาเคยเป็น

 

 

ปั้ง!

 

มีเงาขนาดใหญ่เปิดประตูโรงตีเหล็กอย่างเสียงดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับอาเบล?” คำถามนี้ดังขึ้นมาตามเสียงที่ดังของประตู เสียงของผู้ถามคล้ายกับเสียงคำรามอย่างไงอย่างงั้น

 

คนที่เพิ่งจะมาถึงโรงตีเหล็กคืออัศวินมาแชลนั่นเอง อัศวินมาแชลพยายามที่จะมาถึงโรงตีเหล็กให้เร็วที่สุด ตอนนี้ผมสีทองของเขากำลังชุ่มไปด้วยเหงื่อจากการวิ่ง หลังจากที่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับอาเบลเขาก็ส่งเสียงคำรามอย่างดังด้วยความโกรธก่อนที่จะจ้องมองคล้ายกับกำลังหาคำตอบจากผู้คนที่อัศวินมาแชลพอจะมองเห็น

 

“จีดอน! แกกล้าดียังไงไปหลอกเขาแบบนั้น! ออกมาเดี๋ยวนี้ฉันจะสอนบทเรียนให้กับแกเอง!”

 

เบธแฮมพูดอย่างโมโหเพื่อตามหาจีดอนแต่ทันใดนั้นเองอาเบลก็ได้เดินออกมาหลังจากได้ยินเสียงเรียกของอัศวินมาแชล

 

“เอ่อ ผมเพิ่งจะเลื่อนระดับน่ะครับ” อาเบลกำลังพูดอย่างเขินอาย

 

“เลื่อนระดับอะไรกัน? เดี๋ยวก่อนนะของพ่อคุยกับเบธแฮมก่อน… หะลูกเลื่อนระดับอย่างงั้นหรอ?”

 

อัศวินมาแชลกำลังเดินตรงไปเพื่อคุยกับเบธแฮมแต่หลังจากได้ยินคำพูดของอาเบลทำให้เขาตกใจในทันที อัศวินมาแชลรีบมองอาเบลตั้งแต่จากหัวลงล่าง อัศวินมาแชลยังสงสัยว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นจริงไหมเขาจึงใช้มือข้างหนึ่งผลักไปที่ตัวของอาเบล อาเบลไม่ทันได้ตั้งตัวตอบโต้ด้วยพลังใหม่ของเขาในทันที

 

“อะไร! อะไรนะ?” อัศวินมาแชลเผลอร้องออกมาเสียงดัง “มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมลูกถึงเลื่อนระดับในที่แบบนี้ได้ ลูกได้ทำอะไรไปบ้าง?”

 

อาเบลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป “ผมก็…ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ ผมแค่ยุ่งอยู่กับการตีเหล็กเพียงเท่านั้นเอง”

 

“ลูกได้กินอะไรไปไหมวันนี้?”

 

อาเบลพยายามคิดอีกครั้งก่อนที่จะตอบกลับมาแชลไปอย่างมึนงง “ผมก็กินอาหารเช้ากับพ่อไง แต่มื้อเที่ยงผมไม่ได้กินอะไรเลยเพราะกำลังยุ่งอยู่กับการหลอมเหล็ก”

 

“มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน? ลูกเลื่อนระดับโดยการใช้ค้อนตีเหล็กเนี่ยนะ? เป็นไปได้ยังไงกัน? งั้นฉันมาตีเหล็กพรุ่งนี้ด้วยเลยจะได้ไหม?”

 

อัศวินมาแชลกำลังถามเบธแฮมอยู่นั่นเอง “ไร้สาระหน่า! ถ้าการตีเหล็กจะทำให้เลื่อนระดับได้ละก็ลูกศิษย์ทั้งหมดของฉันไม่กลายเป็นนักรบกันไปหมดแล้วอย่างงั้นหรอ พวกเขาตีเหล็กกันมาหลายปีแล้วนะ!”

 

เบธแฮมพูดอย่างเหน็บแนมอัศวินมาแชล “มันต้องใช่แน่ๆ งั้นนายก็มาหลอมเหล็กที่นี่นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยละกัน การที่จะเลื่อนระดับโดยการตีเหล็กได้คงจะต้องอยู่ในสภาวการณ์ที่ถูกต้องสินะ”

 

“จริงๆ อย่างงั้นหรอ?”

 

อัศวินมาแชลเบิกตากว้างขึ้น “อาเบล ทำไมลูกไม่หลอมเหล็กต่อไปตอนนี้ล่ะ? ลูกจะได้เข้าสู่”สภาวการณ์” อีกครั้งก่อนที่จะเลื่อนระดับใหม่อีกรอบถ้าลูกทำได้ลูกต้องเป็นอัศวินที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน”

 

เมื่อเบธแฮมและอาเบลได้ยินสิ่งที่มาแชลพูดพวกเขาทั้งสองคนก็ทำได้แต่หน้าเอือมระอา

 

[หมายเหตุ: สภาวการณ์ แปลว่า เหตุการณ์ที่เป็นไปตามธรรมชาติ]

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset