Abe the Wizard 100 จอมเวทย์

ตอนที่ 100 จอมเวทย์

AtW ตอนที่ 100 จอมเวทย์

“หยุด!” มีเงาชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับเสียงคารามที่ดังกู่ก้องหลังจากเสียงคารามดังขึ้นก็มีคลื่นพลังอะไรบางอย่างที่มีแรงกดดันอันมหาศาลตามมาในทันทีเมื่อถึงตอนนั้นลอร์ดมาแชลพร้อมกับทหารทั้ง 30 คนก็ได้หยุดที่จะโจมตีแล้วตอนนี้พวกเขาไม่สามารถที่จะต่อต้านแรงกดดันอันมหาศาลที่มาจากเสียงเมื่อครู่นี้ได้

“นี่มันหัวหน้าผู้บัญชาการ!” อาเบลเบิกตากว้างทันทีแรงกดดันที่เยอะขนาดนี้ไม่สามารถที่จะทําอะไรร่างกายรวมไปถึงจิตวิญญาณของอาเบลได้แม้ว่าพลังแห่งแรงกดดันนี้จะถูกปลดปล่อยมามากมายขนาดไหนแต่พลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวเขานั้นก็จะสามารถปัดป้องไปได้อยู่ดี

ตอนนี้ผู้บัญชาการได้ทําให้ศัตรูทั้งหมดของเขานั้นตกอยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อสถานการณ์นั้นดูสงบสุขผู้บัญชาการคนนี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากแต่ไม่ทันที่เขาจะได้พักตัวผู้บัญชาการเองก็รู้สึกถึงสายลมที่พัดผ่านอย่างรุนแรงจากด้านบนก่อนที่ตัวเขานั้นจะได้ตอบโตไปหอกยาวของอัศวินเล่มหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่เหนือหัวของผู้บัญชาการคนนั้นแล้ว

“บ้าเอ้ย!” ผู้บัญชาการคนนั้นอุทานขึ้นมา ตอนนี้ร่างกายของผู้บัญชาการคนนั้นว่าลังเต็มไปด้วยพลังลมปราณสีขาว

“ซึ้ง!” หอกยาวของอัศวินเล่มนั้นได้ซัดเข้าใส่ชุดเกราะที่ถูกทําขึ้นมาจากพลังลมปราณแม้ว่าผู้บัญชาการคนนี้จะถูกหอกโจมตีที่หัวของตัวเองแต่พลังลมปราณที่เป็นเหมือนกับชุดเกราะนั้นก็สามารถที่จะต้านทานหอกเล่มนั้นได้อยู่ดีแต่ถึงหอกเล่มนั้นจะถูกหยุดเอาไว้โดยพลังลมปราณแต่ด้วยพลังของรูนหมายเลข 4 รูนเนิฟก็ทําให้ผู้บัญชาการคนนั้นจะต้องกระเด็นถอยหลังไปถึง 10 เมตรด้วยกัน

อาเบลไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น เขารู้ว่าตอนนี้เป็นโอกาสของเขาแล้วที่จะจัดการกับผู้บัญชาการคนนี้ และนี้เป็นเหตุผลที่ทําให้อาเบลเลือกใช้หอกเล่มนี้ในการโจมตีนั่นเอง

การโจมตีของอาเบลนั้นยังคงเต็มไปด้วยความรวดเร็วเช่นเคย ผู้บัญชาการคนนี้ไม่มีเวลาที่จะโต้ตอบอะไรการโจมตีได้เลย ตัวเขานั้นทําได้แต่ใช้พลังลมปราณเป็นเกราะป้องกันตัวเองอีกครั้งและผลลัพธ์จากการปะทะครั้งนี้ก็เป็นเหมือนกับครั้งที่แล้วเมื่อหอกปะทะเข้ากับเกราะที่ถูกสร้างมาจากพลังลมปราณผู้บัญชาการคนนี้เองก็ถูกกระแทกให้กระเด็นถอยหลังไปอีก 10 เมตรด้วยพลังของหอกเช่นเคย

ในการโจมตีแต่ละครั้งจากการต่อสู้ในครั้งนี้ทําให้เหล่าขุนนางทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในถนนไทรอัมพ์แห่งนี้ต่างก็ตกใจด้วยกันทั้งนั้น ขุนนางเหล่านี้รู้แล้วว่ากาลังมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นดูเหมือนว่าจะมีทหารของพวกราชวงศ์นั้นกําลังทําอะไรกับเหล่าขุนนางอยู่นั่นเอง ขุนนางที่ตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้คือลอร์ดทั้ง 2คน พวกเขานั้นถูกโจม ตีโดยเหล่าทหารคาวาลี่ข่าวการโจมตีในครั้งนี้ทําให้ความตึงเครียดที่เหล่าขุนนางที่มีต่อราชวงศ์นั้นไม่อาจที่จะเก็บซ่อนได้อีกต่อไป

ในตอนแรกนั้นมีเพียงอัศวินไม่กี่คนที่ได้เข้าร่วมการสู้รบในครั้งนี้ด้วยแต่เมื่อข่าวได้ถูกแพร่ออกไปอัศวินทั้งหลายก็เริ่มที่จะเข้ามาร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดแล้วเหล่าขุนนางทั้งหลายนั้นก็ได้ส่งอัศวินที่คอยรับใช้ครอบครัวของตัวเองเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยเช่นกัน

ผู้บัญชาการคนนี้ได้ถูกอาเบลโจมตีไปแล้ว 3 ครั้งด้วยกัน ข้อต่อในร่างกายของเขารวมไปถึงกระดูกต่างๆ ทําให้ตัวผู้บัญชาการนั้นรู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมาแล้วกล้ามเนื้อของผู้บัญชาการคนนี้เริ่มที่จะกระตุกอย่างผิดจังหวะถ้าหากตัวผู้บัญชาการยังคงรับการโจมตีของอาเบลไปแบบนี้เรื่อยๆตัวเขานั้นจะต้องพบกับจุดจบของชีวิต อย่างแน่นอน

“หยุด!” หลังจากสิ้นเสียงนี้เองบรรยากาศรอบตัวอาเบลก็เหมือนจะถูกกับแรงกดดันแรงใหม่เข้าครอบนําอีกครั้ง ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาก่อนที่จะหยุดการโจมตีของอาเบลไว้ด้วยมือเปล่าของตัวเองพลังอันมหาศาลของหอกอาเบลนั้นเปรียบเสมือนกับพลังของเด็กน้อยที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของชายชราคนนี้ในทันที

“หัวหน้าผู้บัญชาการฮูเวอร์!” ใครบางคนตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจตอนนี้เกือบทุกคนที่กําลังสู้รบอยู่นั้นต่างก็หยุดการโจมตีในทันที

อาเบลเคยได้ยินตํานานเกี่ยวกับหัวหน้าผู้บัญชาการฮูเวอร์คนนี้มาบ้างเขาเป็นอัศวินที่ทรงพลังมากที่สุดที่อยู่ภายใต้การปกครองของดยุคคาร์เมลเขาเป็นผู้พิทักษ์ของท่านดยุคนั่นเอง

“เด็กน้อยเอ๋ย ตัวเจ้านั้นมีพลังมากมายมหาศาลจริงๆ เจ้าควรจะเป็นความภาคภูมิใจของท่านดยุคมากกว่าที่จะต้องเป็นศัตรูแบบนี้นะ” หัวหน้าผู้บัญชาการฮูเวอร์ได้พูดออกมาอย่างใจเย็นดวงตาของชายชราคนนี้นั้นเหมือนจะมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างก็ว่าได้

หัวหน้าผู้บัญชาการฮเวอร์ได้หันไปหาเหล่าขุนนางทั้งหลายที่อยู่ในที่แห่งนี้ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันจะเป็นคนหาเองว่าใครกันที่ส่งทหารพวกนี้ออกมาไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายคนไหนฉันจะต้องให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่ทําอย่างแน่นอน!”

“และเจ้าเอง…เด็กน้อยเอ๋ย ฉันปรมาจารย์ฮูเวอร์จากสหพันธ์ช่างตีเหล็กขอกล่าวสวัสดี” หัวหน้าผู้บัญชาการฮูเวอร์พูดในขณะที่ตัวเขานั้นโค้งคํานับให้กับอาเบล

“คุณมาจากสหพันธ์ช่างตีเหล็กอย่างงั้นหรอ?”อาเบลรีบโค้งคํานับกลับในทันทีก่อนจะพูดต่อไปว่า “ผมปรมาจารย์อาเบลจากสหพันธ์ช่างตีเหล็กขอกล่างสวัสดีเช่นกัน”

“ฮาฮ่า! ฉันได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้มีปรมาจารย์ช่างตีเหล็กคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนของท่านดยุคคาร์เมล เขาคนนั้นมีพรสวรรค์มากและดูเหมือนว่าเขาจะต้องเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอนในตอนที่ฉันได้ยินข่าวมาฉันก็อยากจะเจอนายอยู่เสมอ แต่ด้วยงานที่รัดตัวแล้วฉันจึงออกไปจากเมืองเมืองนี้ไม่ได้น่ะ”ฮูเวอร์พูดขึ้นตัวเขานั้นยังคงสงบและเยือกเย็นเช่นเคยในตอนที่เขาเริ่มพูดแนะนําตัวเองออกมาอาเบลก็รู้สึกถึงความเป็นมิตรที่มาจากผู้บัญชาการคนนี้ได้ในทันที

“ต่อจากนี้ไปนายจะได้รับการปกป้องจากสหพันธ์ช่างตีเหล็กร่วมไปถึงฉันที่อยู่ในเมืองแห่งนี้เองไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถที่จะทําร้ายนายได้อีกต่อไป” หัวหน้าผู้บัญชาการฮูเวอร์พูดสัญญาออกมาพร้อมกับรอยยิ้มหลังจากนั้นผู้บัญชาการฮูเวอร์คนนี้ก็ได้หายตัวไปในอากาศตรงหน้าอาเบล

“เมื่อกี้ผู้บัญชาการฮูเวอร์พูดอะไรกับลูกกัน?” ลอร์ดมาแชลได้เอยถามอาเบลด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“เมื่อกี้พ่อไม่ได้ยินหรอกหรอ?” อาเบลคิดว่าลอร์ดมาแชลที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าไรนั้นจะต้องได้ยินสิ่งที่ฮูเวอร์พูด ไม่มีทางเลยที่ตัวเขานั้นจะไม่ได้ยินในสิ่งที่ผู้บัญชาการคนนั้นพูดได้

“พ่อเห็นแค่เขาขยับปากเท่านั้น พ่อไม่ได้ยินอะไรเลยด้วยซ้ําไป” ลอร์ดมาแชลตอบกลับ

อาเบลไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้จริงๆ ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการคนนี้จะมีพลังมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากไม่มีพลังที่สูงพอแล้วละก็เขาก็คงจะหายตัวไปในกลางอากาศแบบนั้นไม่ได้อย่างแน่นอนและนอกจากนี้เขายังสามารถพูดออกมาโดยทําให้คนอื่นนั้นไม่ได้ยินได้อีก

“ตอนที่พ่อเห็นผู้บัญชาการปรากฏตัวออกมา พ่อก็อยากที่จะเรียกเพื่อนของพ่อให้มาที่นี้ในทันทีแต่ดูเหมือนว่าถ้าพวกเขามาก็คงจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอน”ลอร์ดมาแชลพดในขณะที่กําลังหยิบเหรียญที่แตกเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเช่นเดิม
หลังจากที่หัวหน้าผู้บัญชาการฮูเวอร์ได้ปรากฏตัวขึ้นก่อนที่จะพูดสัญญาขุนนางบทั้งหลายก็ต่างแยกย้ายกลับบ้านในทันทีอาเบลเองก็เริ่มที่จะถอดชุดเกราะออกเช้ นกัน เนื้อตัวของเขาในตอนนี้นั้นกาลังเต็มไปด้วยเลือดอาเบลคิดเพียงแต่ว่าจะต้องกลับไปอาบน้ําแต่เพียงเท่านั้นในขณะนั้นเองชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดคลุ่มก็ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา

“มาแชล นายยังมีชีวิตอยู่อย่างงั้นหรอ? ฉันคงจะมาสายแล้วสินะ” ชายคนนั้นพูดนมาก่อนที่จะยิ้มให้กับลอร์ดมาแชล

“โอ้พระเจ้า แซม นั่นนายเองหรอ ทําไมนายยังดูเด็กตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปีแบบนี้?” ลอร์ดมาแชลเดินไปหาชายหนุ่มคนนั้นก่อนที่จะกอดเขาไว้

ชายหนุ่มคนที่ถูกเรียกว่าแซมนั้นหัวเราะออกมาอย่างเสียงดังก่อนจะพูดว่า “นายก็รู้อยู่แล้วนิว่าทําไมก็เพราะแบบนั้นแหละฉันเลยยุ่งอยู่ตลอดเวลา”

“เกิดอะไรขึ้นกัน ทําไมนายไม่รีบเรียกฉันให้เร็วกว่านี้” แซมได้มองไปที่ศพของเหล่าทหารคาวาลี่ก่อนจะเอยปากพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม”ดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่สินะ”

ลอร์ดมาแชลตอบกลับในทันที “ผู้บัญชาการเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมาน่ะฉันคิดว่าฉันคงไม่สามารถที่จะสู้กับเขาได้ฉันก็เลยเรียกนายมา

“นายโชคดีจริงๆ ตั้งแต่ที่ฉันอยู่ในเมืองเบกองมาฉันเห็นผู้บัญชาการคนนั้นไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง ตอนนี้เขาไปไหนแล้วล่ะ?” ดูเหมือนว่าแซมจะไม่ได้กลัวผู้บัญชาการคนนั้นเลยเขาแค่จะล้อเล่นกับเพื่อนเขาอย่างลอร์ดมาแชลเท่านั้น

“หัวหน้าผู้บัญชาการฮเวอร์พาเขาไปแล้วน่ะ” ลอร์ดมาแชลชี้ไปยังทิศทางที่ฮูเวอร์ได้หายจากไป

“หัวหน้าผู้บัญชาการฮูเวอร์อย่างงั้นหรอ? ดูเหมือนว่าจะต้องมีพวกราชวงศ์เกี่ยวข้องกับเรื่องในครั้งนี้อย่างแน่นอน” แซมได้พูดออกมาอย่างเรียบง่าย

“อาเบลมานี่หน่อย นี้ลูกบุญธรรมของฉันเอง เขาชื่อว่าอาเบล ฉันจะพาเขาเข้าทดสอบการเป็นจอมเวทย์ใน 2 ปีหน้านี้เอง พวกเราอาจจะต้องรบกวนนายหน่อยนะ”ลอร์ดมาแชลได้พูดกับแซมก่อนที่จะแนะนําอาเบลให้กับแซมรู้จักด้วยเช่นกัน

อาเบลรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มที่กาลังคุยกับลอร์ดมาแชลนั้นเป็นใครเพื่อของลอร์ดมาแชลคนนี้ดูแตกต่างจากลอร์ดมาแชลเป็นอย่างมากในตอนที่ลอร์ดมาแปลได้กลายเป็นชายวัยกลางคนเพื่อนของเขาคนนี้ยังดูเหมือนกับวัยรุ่นอยู่

“สะ..หวัด…สวัสดีครับ!” อาเบลได้ทักทายแซมอย่างปราะหม่าก่อนที่จะโค้งคํานับให้กับเขา

“ไม่ต้องรู้สึกกังวลหรอกนะ นายเรียกฉันว่าลุงแซมก็แล้วกัน” จอมเวทย์แซมได้พูดกับอาเบลพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ไปหาลอร์ดมาแชลก่อนที่จะถามอย่างสงสัยต่อไปว่า “ทําไมนายต้องให้เขารออีก 2 ปีเพื่อที่จะรับการทดสอบด้วยล่ะ?”

“เขามีอายุแค่ 13 ปีเอง จะต้องรอให้ถึงอายุ 15 ปีก่อนสิ” ลอร์ดมาแชลตอบกลับ

อาเบลรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากเมื่อเห็นพวกเขาทั้ง 2 คนกําลังคุยกันถึงอนาคตของตัวเขาเองที่จะต้องเป็นจอมเวทย์

“ตอนนี้ดูเขาก็แข็งแรงมากแล้ว ทําไมจะต้องรอจนถึงอายุ 15 ด้วยล่ะ? ข้อกาหนดทางด้านอายุนั้นมีไว้สาหรับเด็กจากพวกขุนนางที่อ่อนแอเพียงเท่านั้นด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งแบบนี้แล้วเขาจะไปทดสอบตอนไหนก็ได้”จอมเวทย์แซมได้พูดกับอาเบลพร้อมกับรอยยิ้ม

“ตอนนี้ผมเข้ารับการทดสอบได้แล้วหรอครับ?” อาเบลถามด้วยความตื่นเต้น “ไม่ใช่ตอนนี้หรอก แต่ถ้าหากนายต้องการแล้วละก็นายสามารถมาเป็นผู้ติดตามของจอมเวทย์ได้เลยนะตอนนี้ฉันเองก็พอมีเวลาว่างอยู่บ้างถ้าหากนายจะเริ่มเข้ารับการทดสอบเลยก็ย่อมได้!”แซมตอบกลับอาเบลพร้อมกับรอยยิ้มเช่นเคยตอนนี้อาเบลรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“แน่นอนครับ ผมอยากจะเป็นจอมเวทย์!”อาเบลได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นโดยที่ไม่ได้คิดอะไร

ลอร์ดมาแชลไม่รู้เลยว่าอาเบลนั้นกําลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่เด็กคนนี้ต้องการที่จะเป็นจอทเวทย์ไม่ผิดแน่ตัวอาเบลนั้นไม่ได้สนใจที่จะเป็นอัศวินที่ทรงพลังรวมไปถึงเกียรติยศจากปรมาจารย์ช่างตีเหล็กเลยแต่ถึงอาเบลจะคิดอะไรอยู่แต่ลอร์ดมาแชลก็ต้องการที่จะช่วยให้ความปรารถนาอาเบลนั้นเป็นจริงได้อยู่ดี

“แซม อาเบลเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของฉันเอง ฉันหวังว่านายจะดูและเขาเป็นอย่างดีนะ”ลอร์ดมาแชลได้โค้งคํานับให้กับแซมหลังจากพูดเสร็จแซมสัมผัสได้ว่าลอร์ดมาแชลนั้นพูดอย่างจริงจังแค่ไหน

“นายหมายความว่าอะไรกัน? อาเบลก็เป็นเหมือนกับหลานแท้ๆ ของฉัน ฉันจะต้องดูแลเขาอย่างดีเหมือนกับครอบครัวตัวเองอย่างแน่นอน นายไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ” แซมได้พูดขึ้นด้วยความจริงใจ

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset