Abe the Wizard 44 ทดลองดาบ

ตอนที่ 44 ทดลองดาบ

AtW ตอนที่ 44 ทดลองดาบ

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

 

อัศวินมาแชลกู่ร้องออกมาอย่างเสียงดัง ตอนนี้อัศวินมาแชลได้ใช้พลังลมปราณในการต่อสู้แล้ว แต่เนื่องจากอัศวินมาแชลไม่อยากที่จะทำร้ายอาเบลเขาจึงไม่ได้ใช้พลังลมปราณทั้งหมดของเขาในการต่อสู้ครั้งนี้ อัศวินมาแชลใช้พลังลมปราณของตัวเองเคลือบอยู่ที่ดาบเพียงเท่านั้น

 

“ลองอีกครั้ง!”

 

อัศวินมาแชลไม่พอใจที่ก่อนหน้านี้เขาจะต้องเป็นคนถูกบีบบังคับให้ต้องถอยหลังกลับไปหลังจากที่ได้รับการโจมตีจากอาเบลมา ก่อนหน้านี้อัศวินมาแชลได้ประเมินพลังของดาบอาเบลต่ำไป แต่ต่อจากนี้เป็นต้นไปอัศวินมาแชลตั้งใจที่จะรับการโจมตีของอาเบลให้ได้ อัศวินระดับกลางอย่างอัศวินมาแชลมั่นใจในการใช้พลังลมปราณในการต่อสู้มาก

 

อาเบลที่เฝ้าดูอัศวินมาแชลตอนนี้เห็นร่างกายของอัศวินมาแชลเต็มไปด้วยพลังลมปราณแล้ว อาเบลสงสัยว่าการส่งเสียงกู่ร้องออกมาจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการใช้พลังลมปราณไหม แม้ว่าร่างกายของอาเบลกำลังอ่อนแรงเป็นอย่างมากแต่ดวงตาของอาเบลก็ไม่ได้ละสายตาไปจากอัศวินมาแชลเลย ตอนนี้อาเบลสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะยกดาบขึ้นมาเหนืออีกครั้ง

 

หลังจากตั้งท่าที่จะโจมตีอาเบลก็รู้สึกถึงความอ่อนล้าที่เพิ่มมากขึ้นในทันใด ความอ่อนล้านี้แทบจะทำให้อาเบลไม่เหลือแรงที่จะโจมตีอีกต่อไป ตอนนี้อาเบลรู้สึกกลัวการใช้พลังลมปราณในการต่อสู้ของอัศวินมาแชลแล้ว แต่ถึงความกลัวจะเริ่มเข้าปกคลุมหัวใจของอาเบลแต่อาเบลก็รู้ดีว่าที่แท้จริงแล้วโลกใบนี้นั้นโหดร้ายแค่ไหน ถ้าหากมีสถานการณ์ไหนที่ทำให้อาเบลต้องเข้าตาจนจริงๆ แน่นอนว่าอาเบลก็คงจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้เลย

 

ดาบขนาดใหญ่ของอาเบลกำลังพุ่งเข้าใส่อัศวินมาแชลอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าแรงดึงดูดของโลกจะเป็นแรงที่อาเบลใช้ฟาดฟันดาบมากกว่า ในเวลานั้นเองอัศวินมาแชลรู้สึกได้ทันทีว่าการโจมตีของอาเบลครั้งนี้อ่อนแรงกว่าการโจมตีครั้งที่แล้วมาก

 

ดาบของอาเบลและอัศวินมาแชลเข้าปะทะกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้อาเบลไม่ได้ออกแรงของเขาเลย ดาบของอาเบลจึงถูกดีดกระเด็นขึ้นไปโดยดาบของอัศวินมาแชล อัศวินมาแชลสามารถสัมผัสได้ถึงแรงอันแผ่วเบาของอาเบลที่โจมตีมาเมื่อครู่นี้ อัศวินมาแชลต้องการที่จะตะโกนถามอาเบลว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่สุดท้ายแล้วอัศวินมาแชลก็ไม่ได้ทันถามอะไรออกไป ทันใดนั้นเองก็มีแรงอะไรบางอย่างผลักดาบของอาเบลให้พุ่งเข้าใส่ดาบของอัศวินมาแชลอีกครั้งหนึ่ง

 

อัศวินมาแชลไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด เขาต้องการที่จะต้านแรงที่ลึกลับนี้ด้วยพลังลมปราณของตัวเขาเอง แต่ไม่ว่าอัศวินมาแชลจะพยายามแค่ไหนสุดท้ายแล้วเขาก็เป็นแค่มนุษย์เพียงเท่านั้น ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถต้านทานแรงที่มีพลังมหาศาลแบบนี้ได้

 

1 ก้าว, 2 ก้าว, 3 ก้าว… 10 ก้าว

 

คราวนี้อัศวินมาแชลได้ถอยหลังกลับไปถึง 10 ก้าว ดูเหมือนว่าการต่อสู้โดยใช้พลังลมปราณนั้นจะไม่ได้แตกต่างกับการต่อสู้ที่ไม่ได้ใช้พลังลมปราณเลย เรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้เป็นเหมือนกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย อาเบลแทบจะไม่ได้ออกแรงของเขาในการโจมตีครั้งนี้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนเดิม อัศวินมาแชลถูกแรงจากดาบบีบบังคับให้ตัวเขาต้องถอยหลังกลับไป

 

“อาเบล ลูกรู้อะไรไหม… พ่อเก่งกาจในการใช้ดาบคู่มากเลยนะ” อัศวินมาแชลพูดพร้อมกับดวงตาสีแดงก่ำ เสียงที่อัศวินมาแชลพูดออกมาเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่น่าขนรุก

 

อัศวินมาแชลคิดว่าดาบเล่มนี้จะต้องมีประโยชน์ต่อตัวเขาในการต่อสู้แน่นอน ถ้าหากอัศวินมาแชลสามารถผลักศัตรูให้ถอยหลังไปได้อัศวินมาแชลเองก็จะสามารถวางแผนจัดการศัตรูคนนั้นด้วยการโจมตีสุดท้ายของเขาได้อย่างแม่นยำ นี้เป็นเหมือนการเพิ่มโอกาสในการเอาชีวิตศัตรูของอัศวินมาแชล

 

หรือในอีกสถานการณ์หนึ่ง ถ้าหากอัศวินมาแชลจะต้องเจอกับศัตรูหรือคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง แน่นอนว่าการทำให้ศัตรูคนนั้นถอยหลังกลับไปได้ถึง 10 ก้าวจะสร้างโอกาสในการหลบหนีให้กับอัศวินมาแชลนั่นเอง

 

ดาบเวทย์ที่อาเบลสร้างเล่มนี้เป็นเหมือนกับดาบที่ช่วยชีวิตของเหล่าอัศวินอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าดาบเล่มนี้จะไม่ใช่ดาบปกติ แต่ถ้าถึงคราวที่เข้าตาจนจริงๆ แล้วแน่นอนว่าดาบเล่มนี้ย่อมมีประโยชน์อย่างแน่นอน และน้ำหนักของดาบเล่มนี้เองก็เท่ากับดาบใหญ่ของอัศวินอยู่แล้ว การที่อัศวินมาแชลที่เป็นอัศวินระดับกลางจะพกดาบ 2 เล่มไปในสนามรบด้วยก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไรเลย

 

“เอ่อ…พ่อครับ” ก่อนที่อาเบลจะพูดเสร็จเขาก็ตัดสินใจที่จะโยนดาบเล่มนี้ไปตรงหน้าของอัศวินมาแชลทันที อาเบลตั้งใจที่จะสร้างดาบเวทย์เล่มนี้ให้กับอัศวินมาแชลอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่อาเบลได้มาอยู่ที่นี่อัศวินมาแชลก็ช่วยอะไรอาเบลหลายๆ อย่าง การที่จะให้ดาบเวทย์เล่มนี้ไปจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับอาเบลเลย

 

หลังจากที่ให้ดาบกับอัศวินมาแชลไปแล้วอาเบลก็ยังพูดต่อไปอีกว่า “ดาบเวทย์เล่มนี้ผมสร้างมาจากรูนที่พ่อให้ผมเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ารูนอันนั้นทำอะไรได้กันแน่”

 

อัศวินมาแชลไม่รู้มาก่อนเลยว่าสัญลักษณ์รูนที่เขาได้มานั้นทำอะไรได้กันแน่ สุดท้ายแล้วอัศวินมาแชลก็ได้แต่เก็บสัญลักษณ์รูนอันนั้นไว้ในห้องของเขามากว่า 10 ปี การที่อัศวินมาแชลได้มอบสัญลักษณ์รูนอันนั้นกับอาเบลในไม่กี่วันก่อนอาเบลก็สามารถที่จะสร้างดาบเวทย์ที่มีพลังเหมือนกับรูนอันนั้นได้แล้วอย่างงั้นหรอ? เหลือเชื่อจริงๆ

 

แต่รูนของดาบเล่มนี้ตรงกับสัญลักษณ์รูนที่อัศวินมาแชลให้จริงๆ อย่างงั้นหรอ หรือว่าสัญลักษณ์รูนอันนั้นจะต้องถูกทุบตีหรือไม่ก็โจมตีก่อนมันถึงจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้กัน อย่างไรซะตอนนี้อัศวินมาแชลก็ได้ดาบเวทย์ที่สามารถส่งผลเหมือนกับสัญลักษณ์รูนอันนั้นได้แล้ว เมื่อใดก็ตามที่ดาบเวทย์นี้โจมตีดาบเวทย์นี้ก็จะแสดงผลออกมานั่นเอง

 

เหนือสิ่งอื่นใดนั้นดาบเวทย์นี้มีพลังอันลึกลับอยู่อย่างมหาศาล ถึงแม้ว่าอัศวินมาแชลจะรู้แล้วว่าดาบเวทย์ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นดาบเวทย์ที่มีความสามารถของ น้ำแข็ง, ไฟ, ไฟฟ้า และพิษ แต่อัศวินมาแชลไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะมีดาบเวทย์ที่ทำให้ศัตรูของผู้ใช้ดาบนั้นต้องกระเด็นถอยหลังกลับไปแบบนี้

 

ในตอนนี้อัศวินมาแชลได้แต่จ้องมองไปที่อาเบล อัศวินมาแชลได้แต่ตกใจว่าเด็กคนนี้สามารถสร้างอาวุธที่ทรงพลังแบบนี้ได้โดยการคัดลอกรูนจากสัญลักษณ์รูนที่เขาได้มอบให้กับอาเบลเพียงเท่านั้น การที่จะเรียกอาเบลว่าเป็นเด็กอัจฉริยะนั้นอาจจะเป็นอะไรที่ไม่สามารถพิสูจน์ความสามารถของอาเบลได้อีกต่อไป อัศวินมาแชลพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป สิ่งเดียวที่อัศวินมาแชลพอจะคิดออกนั้นคือการส่งอาเบลไปเป็นจอมเวทย์นั่นเอง ถ้าหากในโลกใบนี้มีอัจฉริยะแบบอาเบลแล้วละก็การที่จะให้เขาอยู่ในโลกของมนุษย์ต่อไปก็คงเป็นอะไรที่เสียของอย่างแน่นอน

 

“งั้นพ่อครับ พ่อลองใช้ดาบเล่มนี้ต่อไปนะครับ ผมขอตัวก่อน” เมื่ออาเบลเห็นอัศวินมาแชลกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิดอาเบลก็ไม่อยากที่จะอยู่รบกวนอัศวินมาแชลอีกต่อไป ตอนนี้อาเบลได้เดินจากไปจากห้องฝึกฝนห้องนี้แล้ว

 

“อาเบล พ่อว่าลูกควรจะกลับไปพักผ่อนจะดีกว่านะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพยายามอย่าใช้พลังลมปราณในการต่อสู้ในอีกสองสามวันข้างหน้าล่ะ โอเคไหม?” อัศวินมาแชลพูดเตือนอาเบลในตอนที่อาเบลกำลังเดินจากเขาไปอย่างช้าๆ

 

เมื่ออัศวินฝึกหัดใช้พลังลมปราณในการต่อสู้ครั้งแรก แน่นอนว่าอัศวินฝึกหัดคนนั้นจะต้องใช้พลังลมปราณที่มีอยู่ทั้งหมดไป ตอนนี้ร่างกายของอาเบลจะต้องเหลือแต่เพียงเมอร์ริเดียนที่ไร้พลังลมปราณเท่านั้น การที่เหลือแต่เพียงเมอร์ริเดียนเอาไว้ก็เหมือนเป็นการเหลือแต่เปลือกเอาไว้นั่นเอง แต่ถ้าหากได้พักฟื้นสัก 2-3 แล้วละก็เมอร์เดียนก็จะสามารถฟื้นฟูพลังลมปราณจนเต็มแบบเดิมได้นั่นเอง

 

แน่นอนว่าอาเบลนั้นไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นอาเบลก็ไม่ได้วางแผนออกจากห้องในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้ ตอนนี้อาเบลอยากที่จะใช้เวลาทั้งหมดในการฝึกเขียนรูนด้วยตัวเองต่อไป การฝึกเขียนรูนนี้เองจะทำให้ตัวอาเบลเองเพิ่มพลังแห่งความมุ่งมั่นได้

 

หลังจากที่อาเบลได้เดินจากไป อัศวินมาแชลก็ได้แต่จ้องมองดาบเวทย์ที่ไร้คุณลักษณะในมือ หลังจากที่จ้องมองดาบได้พักหนึ่ง อัศวินมาแชลก็มั่นใจว่าตอนนี้เขาทรงพลังมากพอที่จะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพของศัตรูด้วยตัวคนเดียวแล้ว ด้วยดาบเล่มนี้เองทำให้อัศวินมาแชลอยากที่จะไปเมืองฮาเวสในทันที อัศวินมาแชลต้องการที่จะท้าประลองการต่อสู้กับไวเคานต์ดิ้กเคนนั่นเอง

 

แต่แน่นอนว่านี้เป็นเพียงแค่ความใฝ่ฝันของอัศวินมาชลเท่านั้น ตอนนี้ระดับของไวเคานต์ดิ้กเคนนั้นยังคงห่างไกลกับอัศวินมาแชลมาก ในฐานะที่ไวเคานต์ดิ้กเคนนั้นเป็นเหมือนกับผู้บัญชาการ แน่นอนว่าเขาจะต้องจัดการอัศวินมาแชลได้อย่างง่ายดายแน่นอน ดังนั้นแล้วไม่ว่าอาวุธจะทรงพลังแค่ไหนแต่ก็ยังคงอุดช่องว่างของความแตกต่างของพลังไม่ได้อยู่ดี ถ้าหากจะต้องสู้กับศัตรูที่ทรงพลังกว่าแล้วการมัวแต่พึ่งพาอุปกรณ์เสริมนั้นก็คงจะไม่ใช่คำตอบของการต่อสู้นั้น

 

ในฐานะที่เป็นถึงกับผู้บัญชาการ คนคนนั้นจะต้องใช้พลังลมปราณในการป้องกันตัวเองเป็นเหมือนกับเกราะได้นั่นเอง ดังนั้นแล้วการโจมตีทุกประเภทนั้นจะถูกทำให้อ่อนแรงลงเมื่อต้องเจอกับพลังพลังนี้ การโจมตีปกติธรรมดาก็คงจะไม่สามารถทะลุการป้องกันของพลังลมปราณไปได้แม้แต่น้อย ถ้าจะยกตัวอย่างธนูแฮรี่ที่อาเบลสร้างนั้นอาจจะเป็นฝันร้ายให้กับทหารระดับต่ำ แต่แน่นอนว่าธนูแฮรี่คงจะไม่สามารถที่จะทำอะไรทหารที่มีระดับเป็นถึงผู้บัญชาการได้

 

อัศวินมาแชลเริ่มฟาดฟันดาบเวทย์ที่ไร้คุณลักษณะพิเศษต่อไปในห้องฝึกฝนอีกครั้ง ตอนนี้อัศวินมาแชลเริ่มเข้าใจแล้วว่าดาบเล่มนี้นั้นมีความสามารถอะไรกันแน่ ความสามารถในการขับไล่ศัตรูนั้นจะแสดงออกมาเมื่อดาบเล่มนี้โจมตีไปที่ศัตรูนั่นเอง อัศวินมาแชลชอบความสามารถลึกลับของดาบเล่มใหม่เล่มนี้มาก ตอนนี้อัศวินมาแชลมีดาบเวทย์ถึง 2 เล่มด้วยกันแล้ว อัศวินมาแชลได้สะภายดาบเวทย์ไว้บนหลังของเขาทั้ง 2 เล่ม ตอนนี้ดาบเวทย์ทั้ง 2 เล่มกำลังไขว้กันเป็นรูปกากบาทอยู่บนหลังของอัศวินมาแชล ตอนนี้อัศวินมาแชลรอให้พวกออร์คนั้นมารวมตัวไม่ไหวอีกต่อไป อัศวินมาแชลต้องการที่จะไปหาอัศวินเบ็นเน็ตต์เพื่อที่จะประลองดาบกับเขาในทันที

 

ในตอนนี้อาเบลกำลังนั่งพักอยู่ที่ห้องของเขาเอง อาเบลที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นั้นกำลังคิดว่าเขาควรที่จะสร้างอาวุธเวทย์มนตร์สุดพิเศษดีไหม ตอนนี้อาเบลสามารถเพิ่มพลังหมึกที่ใช้สำหรับการเขียนรูนได้แล้ว ถ้าหากอาเบลสร้างดาบเวทย์น้ำแข็งสุดพิเศษด้วยอัญมณีสีน้ำเงินที่เขามีในตอนนี้ก็คงจะเป็นอะไรที่เหมาะเจาะแล้ว

 

หลังจากที่อาเบลมีไอเดียขึ้นมา อาเบลก็กลับไปที่โรงตีเหล็กในทันที แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ร่างกายของอาเบลยังรู้สึกอ่อนล้าอยู่ มันคงจะดีกว่าถ้าอาเบลพักผ่อนก่อนที่จะลงมือสร้างดาบอีกครั้ง

 

อาเบลหยิบพู่กันเขียนอักษรรูนของเขาจุ่มลงไปในหมึกที่ใช้สำหรับเขียนรูน ตอนนี้อาเบลกำลังเขียนรูนอยู่บนบล็อกไม้บล็อกหนึ่ง นี่เป็นวิธีเดียวที่อาเบลจะสามารถเพิ่มพลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวเขาได้ การฝึกเขียนอักษรรูนนั้นเป็นเหมือนการฝึกฝนของอาเบลนั่นเอง การที่จะฝึกแบบนี้ได้การใช้หมึกทั่วไปนั้นเป็นอะไรที่ไม่ได้ผลเลย การใช้หมึกทั่วไปในการเขียนก็เท่ากับว่าเป็นอะไรที่เสียเปล่าเท่านั้น แต่ตอนนี้อาเบลได้ขอให้พ่อบ้านลินด์เซ่หาวัสดุส่วนผสมใหม่จากสหพันธ์ทหารรับจ้างมาแล้ว อาเบลใช้เงินในการหาวัสดุส่วนผสมใหม่ทั้งหมด 5 เหรียญทองด้วยกัน ตอนนี้เงิน 5 เหรียญทองสำหรับอาเบลนั้นไม่ได้มากมายอะไรเลย

 

บางครั้งอาเบลตวัดพู่กันของเขาอย่างดุร้ายราวกับว่าเป็นงูที่เกรี้ยวกราดยังไงยังงั้น แต่บางครั้งอาเบลก็ตวัดพู่กันอย่างละมุนราวกับว่าเป็นสายน้ำที่สงบเยือกเย็น ตอนนี้หมึกสำหรับเขียนรูนนั้นกำลังดูดซับพลังแห่งความมุ่งมั่นของอาเบลไปเรื่อยๆ เมื่ออาเบลรู้สึกได้ว่าตัวเขากำลังเขียนรูนสำเร็จแล้วทันใดนั้นรูนบนไม้นั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นสีดำไป การที่รูนเปลี่ยนกลายเป็นสีดำนั้นเป็นเหมือนกับว่ารูนนั้นสามารถดูดซับสสารอะไรบางอย่างจากบรรยากาศรอบๆ ตัวไป ในไม่ช้าไม้ทั้งบล็อกที่อาเบลได้ฝึกเขียนรูนก็ได้กลายเป็นถ่านไม้ไปในที่สุด ดูเหมือนว่ารูนที่อาเบลวาดนั้นจะสามารถดูดซับพลังงานจากบรรยากาศรอบๆ ตัวได้นั่นเอง นี่เป็นครั้งแรกที่อาเบลได้ฝึกเขียนรูนบนของที่ไม่ใช่โลหะ อาเบลไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้

 

รูนเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์เวทย์มนตร์ที่ไม่มีความสมดุลนั่นเอง ถ้าหากการเขียนรูนนั้นไม่มีความสมดุลมากพอหมึกที่ใช้สำหรับเขียนรูนก็จะดูดซับพลังงานจากบรรยากาศโดยรอบเพื่อที่จะเพิ่มความสมดุลของรูนให้มากขึ้น การดูดซับพลังงานเองจะมีจนกว่าวัสดุที่เป็นพื้นผิวในการเขียนรูนนั้นทนต่อพลังที่เอ่อล้นต่อไปไม่ไหวนั่นเอง สุดท้ายแล้วอาจจะจบลงด้วยการระเบิดในแบบที่อาเบลเคยเจอมา

 

ดูเหมือนว่าหมึกสำหรับเขียนรูนที่อาเบลได้สร้างขึ้นนั้นเหมาะสำหรับที่จะเขียนลงบนพื้นผิวที่เป็นโลหะเท่านั้น ตอนนี้อาเบลไม่รู้เลยว่าหมึกสำหรับการเขียนบนพื้นผิวอื่นๆ นั้นมีอยู่จริงไหม แต่ในขณะเดียวกันอาเบลก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก ตอนนี้อาเบลได้ฝึกเขียนรูนเพื่อเพิ่มพลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาเท่านั้น อาเบลไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะสร้างอะไรให้สำเร็จ

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset