A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1363

ตอนที่ 1363
ผลเห็ดมังกร

 

“ผลเห็ดมังกร!” ในเวลาเดียวกันที่ในหัวของหานลี่มีคำนี้ผุดขึ้นมา หญิงสาวชุดขาวก็ชิงร้องตะโกนขึ้นมาก่อน

พวกของหล่งตงและสตรีเองก็มีสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจ เห็นได้ชัดว่ารู้จักสมุนไพรวิญญาณชนิดนี้

“นี่คือวัตถุดิบหลักที่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาถึงจะใช้ปรุง ‘ยาลูกกลอนมังกรทะยาน’ ได้ สามหมื่นปีถึงจะออกผลครั้งหนึ่ง ต่อให้กินดิบๆ ก็สามารถเพิ่มพลังการฝึกวรยุทธ์ไปได้หกสิบปี ที่นี่คาดไม่ถึงว่าจะมีอยู่ต้นหนึ่ง ดูจากท่าทางแล้วเพิ่งจะโตเต็มวัยได้ไม่นาน หากพวกเราได้มาคงโชคดีมาก” สตรีพึมพำกับตัวเองด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

สตรีชุดขาวและหล่งตงแววตาเปล่งประกายวิบวับ เห็นได้ชัดว่าสนอกสนใจเป็นอย่างมาก

วัตถุดิบหลักในการปรุงยาลูกกลอนระดับหลอมสุญตามีความหมายอย่างไร เกรงว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาทั่วๆ ไปคงไม่มีโอกาสได้พบ ปกติแล้วในงานประมูลยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีคนนำสมุนไพรวิญญาณถ้าดินมาประมูลแน่ มากสุดก็คงแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงเท่านั้น มิเช่นนั้นโลหิตคางคกวิญญาณที่ใช้ปรุงยาของระดับเทพแปลงขั้นปลายในวันนั้น คงไม่มีคนแย่งประมูลกันอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น

ประสิทธิภาพของยาสมุนไพรระดับเทพแปลงและระดับหลอมสุญตานั้น ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนว่าแตกต่างกันเพียงขั้นหนึ่ง แต่ทั้งสองกลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

หากมีผู้บำเพ็ญเพียรเอาผลเห็ดมังกรว่าไว้ตรงหน้าและไปตามหาผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตา อีกฝ่ายคงเอายาลูกกลอนระดับเทพแปลงกองโตมาแลกกับสมุนไพรวิญญาณชนิดนี้ด้วยความยินดีแน่

ถึงอย่างไรเสียแม้นว่าในแดนป่าเถื่อนจะมีสมุนไพรฟ้าดินจำนวนมาก แต่สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อระดับเทพแปลงก็ยังคงมีอยู่น้อยมาก ทุกต้นที่พบจำเป็นต้องมีวาสนาเท่านั้น

และหากสมุนไพรเหล่านี้ปรากฏตัวหรือโตเต็มวัยเข้า ก็จะดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจำนวนมาก ไม่อาจคงอยู่ในระยะยาวได้

หานลี่และพวกไม่ได้เข้ามาในส่วนลึกของแดนป่าเถื่อนเพื่อตามหาวัตถุดิบล้ำค่า แต่อยู่แค่ไม่กี่เดือน ก็พบกับเต่าอสนีถือกำเนิด จากนั้นก็พบกับผลเห็ดมังกร โอกาสเช่นนี้นับว่าเป็นโชคหนาชั้นแล้ว มีผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงมากมายที่อาศัยอยู่ในแดนป่าเถื่อนหลายสิบปี ก็ยังไม่ได้ได้อะไรเลย

“ลงไปดูสถานการณ์ด้านล่างให้ชัดแจ้งก่อนเถิด!” ชายหนุ่มคิ้วขาวกลับแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมาขณะเอ่ย

“มนุษย์ยักษ์คือมนุษย์ยักษ์เผ่าพันตาของมนุษย์ยักษ์แดนป่าเถื่อน ทว่าดวงตาบนร่างของเขาล้วนเป็นสีเงินขาว เห็นได้ชัดว่ายังไม่โตเต็มวัย ส่วนกิ้งก่าตัวนั้นแม้ว่าจะดูไม่สะดุดตา แต่ในเมื่อทำให้มนุษย์ยักษ์พันตาหวาดกลัวได้ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา สัตว์ประหลาดทั้งสองตัวไม่ว่าตัวไหนก็เกรงว่าจะมีพละกำลังอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นต้น” หานลี่พิจารณาตัวประหลาดสองตัวที่อยู่ด้านล่างชั่วครู่ แล้วเอ่ยอย่างเชื่องช้าออกมา

ครั้นเมื่อเขาอยู่ในเมืองเทวะสวรรค์ ก็ได้ซื้อตำราที่เกี่ยวกับแดนป่าเถื่อนมาจากย่านร้านค้า เพื่อเตรียมใช้เข้าไปในแดนป่าเถื่อนในวันข้างหน้า ดังนั้นมองปราดเดียวก็รู้จักเผ่ามนุษย์ยักษ์ที่อยู่ด้านล่าง และทำการตัดสินอย่างเยือกเย็น

ได้ฟังคำพูดของหานลี่ จากต้นกำเนิดของสตรีและหล่งตงที่ลึกล้ำไม่ธรรมดา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งที่พันปีจะพบสักครั้ง ทุกคนจะไปละทิ้งง่ายๆ ได้อย่างไร หลังจากมองสบตากันแวบหนึ่ง ก็อดที่จะเผยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นไม่ได้

ในตอนนั้นเอง เสียงหึ่งๆ ก็ดังมาจากจุดที่ไกลออกไป หานลี่และพวกจึงมองไปด้วยความตกตะลึง

เห็นเพียงตรงขอบฟ้าที่มีเสียงดังนั้น มีแมลงยักษ์รูปร่างเหมือนรังไหมยักษ์ยาวสองสามจั้งอยู่เจ็ดแปดรัง รอบกายแผ่ลำแสงหลากสีสันออกมา กำลังบินพุ่งมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ดูแล้วไม่ได้มีท่าทีเป็นมิตร

หานลี่ขมวดคิ้ว แต่หลังจากที่แผ่จิตสัมผัสไป ก็มีสีหน้าปกติในทันใด

แมลงยักษ์เหล่านี้ดูแล้วน่ากลัว กลิ่นอายบนเรือนร่างไม่ได้แข็งแกร่งนัก ไม่ได้สร้างความน่ายำเกรงให้พวกเขามากนัก หล่งตงและพวกที่อยู่ด้านข้างก็เห็นแมลงเหล่านี้เช่นกัน ต่างเตรียมตัวรอให้แมลงเหล่านั้นเข้ามาใกล้ แล้วจะจัดการสังหารแมลงยักษ์เหล่านั้นทิ้งทั้งหมด

แต่ฉากที่ทำให้พวกเขาตกใจจนสะดุ้งโหยงก็ปรากฏขึ้น

แมลงยักษ์เหล่านี้อยู่ห่างจากพวกเขาไปประมาณร้อยจั้ง ก็ผ่านตรงจุดที่กิ้งก่ายักษ์อยู่พอดี ฉับพลันนั้นกิ้งก่าพลันอ้าปากออก ดูเหมือนว่าจะพ่นอะไรสว่างวาบออกมา

แมลงยักษ์ตัวหนึ่งที่ดูน่าเกรงขามเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ชั่วขณะนั้นฝูงแมลงเหล่านี้ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ตัวที่เหลือต่างหมุนวนโคจรอยู่ที่เดิม ในเวลาเดียวกันปากก็เปล่งเสียงร้องแหลมๆ ด้วยความโมโหออกมา

แต่การเคลื่อนไหวนี้กลับไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ครู่ต่อมา แมลงยักษ์ตัวหนึ่งก็หายไปอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน

เมื่อเห็นฉากนี้ พวกของหล่งตงและสตรีก็ใจหายวาบ

หานลี่หรี่ตาลง รูม่านตามีลำแสงสีฟ้าสว่างวาบ

ชั่วพริบตาที่แมลงยักษ์สลายหายไป อาศัยความสามารถของเนตรวิญญาณ ในที่สุดเขาก็มองเห็นทุกอย่างอย่างชัดแจ้ง

สิ่งที่เรียกว่าหายไป คาดไม่ถึงว่าจะเป็นลิ้นยาวๆ ที่เกือบโปร่งใสของกิ้งก่า ทะลวงผ่านท้องของแมลงยักษ์ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ จากนั้นก็ม้วนมันลงไปในปากของกิ้งก่ายักษ์ที่ด้านล่าง แต่แค่ลิ้นยาวๆ ดีดออกมาด้วยความเร็วที่ยากจะเหลือเชื่อ นี่จึงทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกว่าแมลงยักษ์หายไปจากกลางอากาศ

ชั่วพริบตาแมลงยักษ์ที่เหลือก็ถูกกิ้งก่ากลืนลงไปในท้อง จากนั้นอสูรตัวนี้ก็หมอบนิ่งอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน

แต่เมื่อสายตาของหานลี่เหลือบไปมองอสูรตัวนั้น แน่นอนว่าก็ตะลึงงันไปเล็กน้อย

“อาจจะเป็นอสูรโบราณกลายพันธุ์ มิเช่นนั้นการโจมตีของมันคงไม่น่าตกตะลึงเช่นนี้ ดูแล้ววิหคเมฆาวิญญาณคงถูกอสูรตัวนี้ใช้ลิ้นโจมตีจนสลายไป” ไม่รู้ว่าหล่งตงใช้เคล็ดวิชาอะไร คาดไม่ถึงว่าจะมองเห็นการโจมตีด้วยลิ้นยืดยาวของกิ้งก่ายักษ์ หลังจากสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง ก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึมออกมา

“ทว่าพวกเราอยู่ที่นี่ เหตุใดกิ้งก่านั่นถึงไม่โจมตีพวกเรา แต่กลับกลืนแมลงเหล่านั้นลงไป” หญิงสาวชุดขาวเอียงศีรษะ ราวกับว่าไม่เข้าใจ

“ใครจะไปรู้ล่ะ? บางทีอสูรตนนี้อาจจะคิดว่าพวกเราตัวเล็กเกินไป จึงไม่สนใจก็ได้ หรือแมลงยักษ์เหล่านั้นอาจจะเป็นของชอบของมันก็ได้” สตรีตอบกลับด้วยรอยยิ้มจางๆ

หญิงสาวสวมชุดสีขาวหน้าเปลี่ยนสี ดูเหมือนว่าจะรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้หลายส่วน

“อย่าไร้สาระนัก เกรงว่าทุกคนคงไม่อยากละทิ้งผลเห็ดมังกรสินะ ในเมื่อมีโชคขนาดนี้มาอยู่ตรงหน้า ต่อให้ข้าน้อยตัวคนเดียวก็ไม่มีทางละทิ้งแน่” ชายหนุ่มคิ้วขาวจ้องเขม็งไปยังพวงเจียงกั่วในกอหญ้าพวงนั้น แววตาฉายแวบละโมบขณะเอ่ย

“ทั้งสองที่อยู่ด้านล่างต่างมีพละกำลังระดับหลอมสุญตา พี่หลี่ช่างอาจหาญไม่น้อย” หญิงสาวชุดขาวกลับหัวเราะคิกคักขณะเอ่ย

“หึ หากอยู่แค่ระดับหลอมสุญตาตนหนึ่ง ข้าก็อาจจะหนี ในเมื่อมีสองตัวอยู่ที่นี่ ก็พูดยากแล้ว” ชายหนุ่มคิ้วขาวไม่โกรธขึ้ง แต่กลับเอ่ยอย่างเย็นชาออกมา

“อ๋อ ความหมายของพี่หลี่คือ…” หญิงสาวมีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที

“ใช่แล้ว! ถึงแม้อสูรโบราณกลายพันธุ์ตัวนี้จะรับมือยากก็ตาม เจ้ามนุษย์ยักษ์พันตาที่ยังไม่โตเต็มวัยก็ไม่ธรรมดา เมื่อทั้งสองสู้กัน กว่าครึ่งคงบาดเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย หรือไม่ก็อาจจะตายกันไปข้าง ครานั้นหากค่อยลงมือ แน่นอนว่าก็มีความหวังแล้ว” หล่งตงกลับหัวเราะหึๆ ขณะเอ่ย

“รอจนพวกมันลงมือ เช่นนั้นต้องรอนานเท่าไหร่ บางทีสิบวันหรือครึ่งเดือนพวกมันก็ยังไม่ลงมือนะ!” สตรีกลับสั่นศีรษะ

“นั่นมันยุ่งยากไปหน่อยแล้ว! พวกเราเองก็มีภารกิจอยู่กับตัว ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก” หล่งตงกวาดสายตาไปบนเรือนร่างของสตรี แล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ต่อให้ภารกิจจะรีบร้อนขนาดไหน เวลาแค่นี้พวกเราก็พอเสียได้ ต้องเอาผลเห็ดมังกรมาให้ได้! เสียเวลาแค่นี้จะเป็นอะไรกัน” ชายหนุ่มคิ้วขาวกลับมีท่าทางเหมือนต้องเอาผลวิญญาณด้านล่างมาให้ได้“พูดอย่างนั้นไม่ได้! ต่อให้ระดับหลอมสุญตาทั้งสองได้รับบาดเจ็บหนักจริงๆ แต่หากพวกมันสู้สุดชีวิต พวกเราก็ไม่อาจรับมือได้ง่ายๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีสหายต้องเพลี่ยงพล้ำด้วยเหตุนี้ จากความเห็นของข้า อย่าต่อความยาวสาวความยืดเลย รีบไปกันเถิด”

ถึงแม้ว่าหล่งตงจะอยากได้ผลเห็ดมังกรมาก แต่เทียบกับอีกเรื่องที่อยู่ในใจนั้นก็ไม่นับว่ามีค่าอะไร แน่นอนว่าจึงไม่ยอมเสี่ยงอันตราย ก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก ดังนั้นถึงได้ระงับความละโมบในใจ แล้วเอ่ยปากเช่นนี้ออกมา

“ก็มีเหตุผล ข้าคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าหากพวกเราชิงสมบัติมานั่นไม่ใช่เรื่องที่ชาญฉลาดอะไร อย่าลืมล่ะ เผ่ามนุษย์ยักษ์ชอบอยู่กันเป็นฝูง ผลวิญญาณที่สุกงอม มนุษย์ยักษ์และกิ้งก่าตัวนี้ยืนกรานใส่กัน ไม่แน่ว่าจะกำลังรอทัพเสริมของมนุษย์ยักษ์ก็ได้ กิ้งก่าตัวนั้นก็ไม่ได้ลงมือก่อน น่าจะมีแผนอื่น หากพวกเราต่อไปแล้วไม่ทันระวัง ก็อาจจะต้องดึงตนเองเข้าไปด้วยได้” สตรีคิ้วดำขลับขมวดคิ้วพลางวิเคราะห์เล็กน้อย แล้วคัดค้านการลงมือ

“ไม่ว่าพวกเจ้าจะพูดอะไร ข้าจะต้องได้ผลวิญญาณด้านล่างนี้มาให้ได้” หญิงสาวชุดขาวฟังคำพูดของหล่งตงและสตรี คาดไม่ถึงว่าริมฝีปากสีแดงจะขยับยืนอยู่ฝั่งเดียวกับชายหนุ่มคิ้วขาว

เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมา ไม่เพียงหญิงสาวและหล่งตงที่ตกตะลึง ชายหนุ่มคิ้วขาวก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน

ทว่าเช่นนี้ สองคนเห็นด้วย อีกสองคนไม่เห็นด้วย ภายใต้การยืนกรานใส่กัน

หานลี่พ่นลมหายใจออกมาในใจ ไม่สนใจสายตาของทั้งสี่ มือหนึ่งลูบไปที่ใต้คาง จมสู่ภวังค์แห่งความครุ่นคิด

“เพื่อผลวิญญาณเหล่านี้ เสี่ยงอันตรายหน่อยก็ถือว่าคุ้ม แต่เหมือนกับที่เซียนเสี่ยวพูด พวกเราไม่อาจเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก ต่อให้พวกมันไม่มีผู้ช่วย ผลวิญญาณก็อาจจะดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งตนอื่นมา จำเป็นต้องลงมือภายในสามวันถึงจะค่อนข้างปลอดภัย” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบออกมา

คนที่เหลืออีกสี่คนจึงอดที่จะมองสบตากันไม่ได้

“ต้องลงมือภายในสามวัน มันเป็นไปไม่ได้กระมัง” เสี่ยวหงมองลึกเข้าไปในแววตาของหานลี่แวบหนึ่ง แล้วสั่นศีรษะอย่างเชื่องช้า

ถึงแม้ว่าชายหนุ่มคิ้วขาวและหญิงสาวจะไม่ได้เอ่ยอะไร แต่เห็นได้ชัดว่ารู้สึกว่าเป็นไปไม่ค่อยได้

“ให้พวกเขาต่อสู้กันเอง ภายในระยะเวลาสั้นๆ นั้นเป็นไปไม่ค่อยได้ แต่หากพวกเราคอยหาหนทางอื่นอยู่ด้านข้าง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสสำเร็จ ตัวอย่างเช่นดึงความสนใจของพวกมัน หรือว่าทำให้พวกมันโกรธ” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา

“ความหมายของพี่หานคือ…” หล่งตงชักสีหน้า ไม่เข้าใจความหายของหานลี่

“แน่นอน หากทำเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องรอนานนัก” ชายหนุ่มคิ้วขาวพลันรู้สึกยินดี

“ดึงความสนใจไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่หากทำให้พวกมันโกรธเกรี้ยว และให้พวกมันฆ่ากันเอง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” หญิงสาวชุดขาวฉีกยิ้มเบิกบานออกมา

“หากไม่มีอันตรายอะไร ข้าก็ตกลง” สตรีกวาดดวงตาคู่นั้นไปบนใบหน้าของหานลี่ เปลี่ยนความคิดอย่างมีแผนการ

หล่งตงกลับขบคิดไปชั่วครู่ แล้วถึงได้ฝืนพยักหน้า

“เอาล่ะ ในเมื่อเหล่าสหายตัดสินใจว่าจะลงมือแล้ว ผู้แซ่หล่งก็ไม่อาจวางตัวออกห่างได้ แต่แผนการต้องใช้ได้จริง!”

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1800


เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน…

คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว

มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Options

not work with dark mode
Reset