“ฉันชอบเธอ” เขาก็เลยพูดย้ำๆ ชัดๆ ให้เธอแน่ใจ แต่มันเหมือนทำให้ร่างบางแทบหยุดหายใจ ตัวแข็งทื่อ
แกริค ซีคีเลียโน บอกชอบเธอ เขาชอบเธอ เขาพูดว่าชอบเธอ
หญิงสาวทวนคำพูดพวกนี้วนซ้ำๆ อยู่หลายรอบในใจ คิดว่าตัวเองฝันไปลองจิกเล็บลงบนฝ่ามือปรากฏว่าเธอเจ็บไม่ได้ฝัน เรื่องที่อยู่ตรงหน้ามันคือเรื่องจริง
ผู้ชายที่เธอคิดมาตลอดว่าเอื้อมไม่ถึง บอกชอบเธอ
“ฉันไม่เชื่อ” เสียงแผ่วเบาออกมาจากปากบาง ทำให้แกริคต้องลุกขึ้นเดินเข้าไปหาร่างบางที่แทบครองสติตัวเองไม่อยู่ ดึงลากให้เธอมานั่งโซฟาตัวเดียวกัน
“ทำไมถึงไม่เชื่อสาวน้อย” เขาจับหน้าสวยๆ ที่มองเขาตาค้างไม่หายให้สบตากัน
“คุณเนี่ยนะชอบฉัน ไม่จริง” เธอหลบตาเขาแล้วพึมพำออกมาเบาๆ
“ทำไมฉันจะชอบใครไม่ได้” การที่คนอย่างเขาบอกชอบเธอ ทำไมเธอไม่เชื่อ เธอต้องดีใจต่างหากที่ผู้ชายอย่างเขาชอบเธอ ซึ่งเขาก็ไม่เคยชอบใครไม่เคยให้ความสนใจใครนอกจากคนในครอบครัว
“เราต่างกันเกินไป” นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เขารู้อยู่ว่าแล้วพิรุณรักมีความคิดกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ต่างไม่ต่างไม่สำคัญ สำคัญที่เธอคิดเหมือนฉัน” เขาไม่ใช่คนที่จะมาพูดอะไรหวานๆ เลี่ยนๆ แบบนี้ แต่ก็ต้องพูด เพราะอยากให้หญิงสาวเข้าใจและเปิดใจให้เขา
“ฉัน….” พิรุณรักส่ายหน้าไปมา เธอกำลังสับสน ไม่อยากจะเชื่อกับคำพูดของเขา กลัวว่าเขาจะมาหลอกให้เธอนอนด้วย พอถึงเวลาที่เขาต้องกลับประเทศตัวเองก็ปล่อยให้เธอต้องอยู่กับความคิดถึง แต่พอได้สบตากับเขาเธอกลับเห็นความจริงใจอยู่ในนั้น
“แทนตัวเองว่าปลายหรือว่าหนูเหมือนตอนนั้น ฉันชอบแบบนั้น” แกริคพูดเสียงอ่อนโยนลูบผมเธอแผ่วเบา น้ำเสียงและความอ่อนโยนของเขาที่พิรุณรักไม่เคยเห็นทำให้หัวใจเธออ่อนยวบลงทันที
“หนู..”
“ไม่มีอะไรต้องคิดมาก ปลายฝน เธอต้องทำตามความรู้สึกของตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอคิดถึงฉัน ฉันคิดถึงเธอ นั่นมันคือความชอบไม่ใช่หรือ ตอบฉันหน่อย” แกริคเลื่อนมือมาจับมือบางแล้วลูบไล้เบาๆ คำพูดแสนนุ่มนวลไม่กระดากหูของคนตัวโตทำให้หญิงสาวโอนอ่อนผ่อนตาม พยักหน้าตอบรับเขาอย่างง่ายดาย
เธอคิดถึงเขา เธอไม่เคยลืมเขา เพราะเธอชอบเขา หรือรักเขานั่นแหละ และตอนนี้เขาก็บอกว่าเขาคิดเหมือนเธอ ถึงจะไม่ได้ยินคำว่ารัก แค่คำว่าชอบมันก็ทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว
“คุณไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม” เธอไม่อยากเป็นคนโง่ ในความรัก
“เกือบสองปีที่ผ่านมา มันพิสูจน์แล้วว่าฉันคิดยังไง สาวน้อย” ปากบางเม้มเข้าหากัน
“แต่เรา..”
“ฉันไม่สนเรื่องฐานะ เงินฉันมีมากพออยู่แล้ว ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนั้น” แค่มองตาเธอเขาก็รู้ว่าเธอคิดอะไร
“แต่ฉันเคยขายตัวแลกเงิน”
“เธอขายให้แค่ฉันคนเดียวไม่ใช่รึ” หน้านวลแดงเปล่งเมื่อปากหนาพูดชิดปากบาง
“หนูไม่ใช่นางบำเรอชั่วคราวของคุณใช่ไหมคะ” เธออยากทำตามหัวใจตัวเอง จะผิดไหม อยากลองรักเขาแบบเต็มหัวใจ เมื่อเขาเปิดรับเธอ
“ไม่ใช่สาวน้อย ฉันบอกแล้วว่าเธอไม่ใช่นางบำเรอของฉัน เราจะเป็นแฟนกัน” พูดจบปากหนาก็กดลงหนักที่ปากบางเพื่อเป็นการยืนยันถึงสถานะของเธอและเขา
“แฟนเหรอคะ” พิรุณรักครางออกมาอย่างแผ่วเบา ไม่อยากจะเชื่อในสถานะที่ได้รับ
“ใช่แฟน เราจะเป็นแฟนกัน เธอจะได้ไม่มองว่าฉันเห็นเธอเป็นนางบำเรอ เราจะทำทุกอย่างที่คนเป็นแฟนเขากันทำ” ปากของเขายังคลอดเคลียร์อยู่ที่แก้มนวลไม่ห่าง
“บอกทุกเรื่องไม่มีอะไรปิดบังกัน ไม่นอกใจ นอกกายซึ่งกันและกัน ใช่ไหมคะ” เมื่อได้คืบเธอก็อยากได้ศอก เธออยากมั่นใจในสถานะนี้ เมื่อเขาเปิดโอกาสให้เธอ เธอก็กล้าที่จะร้องขอ เพื่อป้องกันความเจ็บช้ำของตัวเองในอนาคตเมื่อตกลงเป็นแฟนกับเขาแล้ว
“ใช่ ตามที่เธอต้องการ แต่เธอต้องทำให้ฉันอิ่ม ทุกวัน” เขาไม่มีทางบอกเธอหรอกว่าเขานอนกับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้เลย เพราะเอาแต่คิดถึงแต่หน้าเธอ
คำพูดตรงๆ และสีหน้าเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้าทำให้เธอเขินอาย กัดปากตัวเองเบาๆ มันคือเรื่องจริง เธอจะได้เป็นแฟนกับผู้ชายตรงหน้า
“เข้าใจแล้วใช่ไหม ฉันไม่ชอบที่เธอต่อต้าน ฉันชอบตอนที่เราอยู่บนเกาะ” พิรุณรักไม่คิดว่าเขาจะจำได้
“หนูอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น หนูไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น” ตอนนั้นเธอยอมรับว่าตัวเองพยายามทำตัวให้เรียบร้อยอ่อนหวาน ไม่อยากให้เขารำคาญ
“ฉันรู้ ไม่งั้นเด็กดื้อย่างเธอจะกล้าเถียงท่านประธานรึ” เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็ส่งค้อนให้เขางามๆ ก็ใครจะไปทนไหว เขาไม่ยอมพูดตรงๆ กับเธอหนิ
“งั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ท่านประธานหายมานานแล้ว” เธอกลัวว่าคนที่แผนกจะสงสัย เธอไม่อยากตอบคำถามใคร
“พรุ่งนี้มาทำตำแหน่งเลขา”
“ไม่ค่ะ หนูไม่ทำ และหนูก็อยากให้คุณอย่าพึ่งบอกเรื่องของเรากับใคร” คำพูดของพิรุณรักทำให้คิ้วหนากระตุก
“ทำไม” เอ่ยขึ้นเสียงแข็ง
“หนูอยากทำงานอย่างสงบ ไม่อยากให้คนมอง”
“งั้นก็ลาออกแล้วก็อยู่บ้านเฉยๆ” หญิงสาวตาโต
“คุณอย่าเผด็จการสิคะ หนูไม่ชอบ คนเป็นแฟนกันก็ต้องฟังความคิดเห็นของกันและกันสิคะ” หญิงสาวพูดจริงจัง แกริคได้แต่เข่นเขี้ยวแม่คนเป็นแฟน ที่ได้ทีเอาใหญ่
“แต่เรื่องของเราไม่เห็นต้องปิด เป็นแฟนฉันมันน่าอายรึไง” ให้เธอรู้ว่าเขาไม่พอใจเรื่องนี้ เขาอยากให้ทุกคนรู้จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับผู้หญิงของเขา
พิรุณรักอมยิ้มเมื่อเห็นอีกด้านของเขา เธอชอบที่เขาเป็นแบบนี้ เธอยากเห็นทุกด้านของเขา
“ยิ้มอะไร สนุกรึไง” ถึงจะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้ามากนัก แต่ก็พอรู้ว่าคนตัวโตงอน หญิงสาวหัวเราะออกมาเบาๆ กับความน่ารักของเขา ซึ่งเธอเชื่อว่าเธอได้เห็นแค่คนเดียว
“หนูไม่อายเลยค่ะ ออกจะภูมิใจมีแต่คุณนั่นแหละที่จะอาย”
“ฉันไม่เคยอาย เพราะฉันไม่สนใจคนอื่น” ช่างกระทบกระทั่งดีจริงๆ พ่อคุณ
“แต่คนอื่นที่ว่า คือคนที่ทำงานร่วมกับเรา เขาจะทำตัวยังไงเมื่อรู้ว่าหนูเป็นแฟนคุณ”
“ถึงบอกให้มาเป็นเลขาให้ไง”
“ไม่ค่ะ หนูอยากทำตำแหน่งเดิม ห้ามบังคับนะคะ” แกริคมองเธออย่างเข่นเขี้ยว ได้จังหวะก็ยกเธอขึ้นมานั่งบนตักด้วยความหมั่นไส้ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ขัดขืน
“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ ก่อนหน้านี้ยังกลัวฉันจนหัวหด”
“ใครกลัวไม่ทราบ” เธอเชิดหน้าอมยิ้ม ใช่ก่อนหน้านี้เธอกลัวเขา แต่เมื่อเขาเปิดเผยความรู้สึกกับเธอ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย ไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่ มีแต่ความตื่นเต้นและมีความสุข
“เด็กดื้อคนนี้ไง”
“โอ๊ย เจ็บนะคะ” แกริคบีบจมูกเชิดๆ ของเธออย่างมันเขี้ยว
“งั้นย้ายเข้ามาอยู่กับฉันตั้งแต่คืนนี้” ในเมื่อเขาไม่ได้อย่างเขาก็ต้องได้อีกอย่าง
“ไม่เอา”
“ห้ามต่อรอง ไม่งั้นก็เตรียมตัวขึ้นมาทำงานเป็นเลขาได้เลย” เธออยากข่วนหน้าหล่อๆ ของคนเจ้าเล่ห์นัก คนขี้เก๊กหน้าตายก่อนหน้านี้หายไปไหนหมด
“คนเจ้าเล่ห์”
“ใครบอกให้เด็กดื้ออย่างเธอมีข้อต่อรองเยอะ”
“ชิ” เธอเชิดหน้าใส่เขา
“เย็นนี้รอกลับพร้อมกันจะได้ไปเก็บของเลย” ดูความเผด็จการของเขา
“โอเคค่ะ งั้นก็ปล่อยได้แล้วหนูจะได้ลงไปทำงาน” เธอดิ้นลงจากตักเขา ยอมรับข้อเสนอ เพราะใจจริงเธอก็อยากอยู่กับเขาเหมือนกัน คิดถึงอ้อมกอดของเขา คิดถึงทุกสัมผัสจากเขา แค่เธอนั่งอยู่บนตักเขายังรู้สึกวูบวาบในช่องท้องแล้ว
“พักเที่ยงแล้ว กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อน” เมื่อมองนาฬิกาก็เห็นว่าเที่ยงตรงพอดี