แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 887 ตุ๊กตาคน

ตอนที่ 887 ตุ๊กตาคน

“ตึง!ตึง! ตึง…”

เสียงนั้นดังอย่างต่อเนื่อง หลิงม่อที่มองเห็นรู้สึกหนังศีรษะตึงชา

นอกจากไม่มีมือแล้ว ซอมบี้ตัวนี้ยังมีจุดที่ไม่สมประกอบอยู่อีกหลายส่วน…เทียบกับลำตัวแล้ว หัวของมันใหญ่กว่ามาก แถมผิวกายทั้งตัวยังมีเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น นอกจากนี้ โครงกระดูกของมันก็ใหญ่มากจนผิดปกติ แต่ขนาดร่างกายของมันกลับเล็กเตี้ย เท้าที่ไม่ได้สวมถุงเท้าและรองเท้าคู่นั้นดูเหมือนเท้าของสัตว์ร้ายบางชนิด ใช้เพียงปลายเท้ายันพื้นไว้ ช่วงกลางฝ่าเท้าราวถูกหักจนคดงอ ขนทำให้ส้นเท้ายกสูงเหนือพื้น…

“นี่มันตัวบ้าอะไร…” หลิงม่ออดพึมพำในใจไม่ได้ เขาเคยเห็นสัตว์ประหลาดมาก็ไม่น้อยแล้ว แต่เจ้าตัวนี้คือที่สุดแห่งความพิสดารแล้วจริงๆ…ทว่าประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอกของมัน แต่เป็นเรื่องที่มันกำลังทำอยู่

เดิมทีหลิงม่อคิดว่าเจ้าซอมบี้ตัวนี้กำลังเล่นบทเป็นซอมบี้จอมแล่เนื้ออยู่ แต่พอมันเบนสายตาไปมองศพที่ห้อยอยู่บนเพดานเหล่านั้น หลิงม่อจึงเพิ่งค้นพบว่าเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด…

ศพพวกนี้ยังตายได้ไม่นานมาก ส่วนใหญ่ดูแล้วเหมือนจะเป็นซอมบี้หมด…ทว่ามีสองศพที่ดูมีลักษณะเด่นของมนุษย์อยู่อย่างชัดเจน — เสื้อผ้าที่ดูค่อนข้างสะอาด กระเป๋าคาดเอว และมีดที่เหน็บไว้ตรงต้นขาเป็นต้น…เมื่อเห็นอย่างนี้หลิงม่อถึงกับสะดุ้ง ขณะเดียวกันก็รู้สึกแย่ด้วย…ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เจอผู้รอดชีวิต แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอที่นี่ในสภาพเป็นศพอย่างนี้ ซ้ำหนึ่งในนั้นยังเป็นเด็กสาวที่อายุไม่มากด้วย…

ดูเหมือนไม่ว่าเมื่อไหร่ มนุษย์ก็ยังคงอ่อนแอเหลือเกิน…

ปล่อยเนื้อมนุษย์อันหอมหวานเอาไว้เฉยๆ ไม่ยอมกิน แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อทำเนื้อคนตากแห้ง…ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือซอมบี้ บนร่างกายของศพเหล่านี้ล้วนมีลักษณะเด่นที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง หากมองข้ามรอยเลือดที่กระเด็นติดอยู่บนตัว และสังเกตดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็จะค้นพบบางอย่างที่น่าตกใจมาก…

บนร่างของศพพวกนี้ เต็มไปด้วยร่องรอยการเย็บ!

สิ่งที่ซอมบี้จอมแล่เนื้อตัวนี้กำลังทำอยู่ ก็คือการสร้างตุ๊กตาคนขึ้นมานั่นเอง!

“ตึง!”

หลังจากที่จู่ๆ เสียงกระทบเงียบหายไป ซอมบี้จอมแล่เนื้อพลันหันไปคว้าสิ่งของกองใหญ่ที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็เริ่มจัดการกับศพต่อ ดูจากการเคลื่อนไหวของเขา รวมถึงเลือดที่ไหลลงมาจากเตียงรถเข็นไม่ขาดสาย เห็นชัดว่าเขากำลังล้วงเอาอะไรบางอย่างออกมาจากตัวศพ จากนั้นก็ยัดอะไรบางอย่างเข้าไปแทน…ดังนั้นสิ่งที่มันกำลังจะทำนั้นไม่ใช่ตุ๊กตาคนแต่อย่างใด แต่เป็นกระเป๋าเก็บของในร่างคน

หลิงม่อเข้าใจอะไรบางอย่างรางๆ แล้ว…ที่นี่คงจะเป็นสถานที่ที่สำคัญมาก ถ้าหากสามารถสำรวจ “ห้องผ่าตัด” ห้องนี้อย่างละเอียด หลิงม่อก็จะสามารถเปิดโปงส่วนปลายของภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ในตึกแห่งนี้ได้…

เวลานี้ เขาเหลือบเห็นเงาร่างของซอมบี้เด็กอีกครั้ง มันกำลังยืนอยู่ข้างหลังขาสองข้างของศพที่ห้อยต่องแต่งอยู่ด้วยท่าทางแปลกๆ และยังคงเอาแต่จ้องหลิงม่ออยู่อย่างนั้น…เมื่อเห็นว่าหลิงม่อกำลังมองมัน เด็กชายก็กวักมือเรียกหลิงม่อเงียบๆ อีกครั้ง จากนั้นก็เงยหน้ามองศพแวบหนึ่ง แล้วก้าวถอยหลังไปช้าๆ แต่ในระหว่างที่มันก้าวถอย ดวงตาคู่นั้นของมันยังคงจ้องหลิงม่ออย่างไม่ละสายตา…

“กำลังส่งซิกอะไรบางอย่างงั้นหรอ?” หลิงม่อขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วหันไปมองซอมบี้จอมแล่เนื้อ ไม่นาน เขาก็ยื่นมือไปแตะประตู และดันออกเบาๆ มาถึงขนาดนี้แล้ว ถึงจะเป็นกับดักเขาก็ต้องยอมติดกับแล้วล่ะ

ช่องประตูเปิดแง้มทิ้งไว้ไม่กว้างพอให้เขาแทรกตัวเข้าไปได้ แต่การดันประตูออกกลับเป็นความคิดที่บ้าคลั่งมาก…ถ้าหากระหว่างนี้เขาส่งเสียงดังออกไปแม้แต่นิดเดียว หุ่นซอมบี้ของเขาตัวนี้คงถูกจัดการเรียบร้อยโรงเรียนจีนทันทีแน่นอน และหุ่นซอมบี้ตัวต่อไปอาจไม่สามารถเข้าใกล้ที่นี่ได้ง่ายๆ อีก

ดังนั้นหลิงม่อจึงเคลื่อนไหวอย่างช้าที่สุด เขาแทบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะหัวใจของหุ่นซอมบี้ หรือเสียงหัวใจของตัวเขาเองด้วย…ความจริง เมื่อต้องมาอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่กดดันอย่างนี้ เขาแทบจะลืมความแตกต่างระหว่างร่างจริงกับหุ่นซอมบี้ไปแล้วด้วยซ้ำ…

หุ่นซอมบี้อีกตัวได้เดินขึ้นบันไดที่อยู่ด้านหน้า แต่ยังไม่พบอะไรผิดสังเกต ทว่าหลังจากที่ค้นพบเหตุการณ์ทางนี้เข้า หุ่นซอมบี้ตัวนั้นก็เคลื่อนไหวอย่างรอบคอบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ฮู่ว!” เมื่อประตูเปิดออกประมาณสิบเซนติเมตร ในที่สุดหลิงม่อก็ถอนหายใจโล่งอก

ฝ่ามือของร่างจริงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที แต่เขากลับรู้สึกเหมือนมันยาวนานเหลือเกิน

สิ่งที่ต้องทำต่อไป ก็คือแทรกตัวเข้าไป…

หลังจากมั่นใจว่าเจ้าซอมบี้ซอมบี้จอมแล่เนื้อยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานอยู่ เขาก็กลั้นหายใจ และค่อมตัวเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ

บนพื้นมีเลือดหนืดๆ ติดอยู่มากมาย แถมในเลือดเหล่านั้นยังมีสิ่งที่ทำให้สะอิดสะเอียนจนไม่อยากมองนานๆ ปนอยู่ไม่น้อย พอเขาเริ่มเดินก็รู้สึกได้เลยว่าทรมานมาก ถึงแม้จะกลั้นหายใจแล้ว แต่กลิ่นคาวเลือดฉุนๆ นั้นก็ยังคงเสียดแทงเข้าไปในรูจมูกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ จนทำให้หลิงม่อรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย…

เขาพยายามควบคุมหุ่นซอมบี้อย่างสุดความสามารถไปด้วย และพยายามก้าวเท้าอย่างเบาที่สุดไปด้วย

เป็นการเคลื่อนไหวที่ขัดแย้งกันมาก ด้านหนึ่งหลิงม่ออยากพุ่งตัวเข้าไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกรับความกดดันที่อาจถูกจับได้ทุกเมื่อ แต่ในอีกด้าน เขากลับจำเป็นต้องเดินอย่างเบาเท้าที่สุด เพื่อรับประกันว่าจะไม่ส่งเสียงใดๆ ออกไป…

ซอมบี้จอมแล่เนื้อยังคงก้มหน้าเย็บรอยแผลอยู่ ในขณะที่หลิงม่อกำลังค่อยๆ เดินไปหาศพพวกนั้นทีละนิดๆ

หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที แต่ในความรู้สึกหลิงม่อเหมือนผ่านไปนานมาก ในที่สุดเขาก็แทรกตัวผ่านช่องว่างระหว่างศพเข้าไปได้ หลังจากนั้นก็แนบตัวหลบอยู่หลังเก้าอี้เอียงๆ ตัวหนึ่ง เขาปิดปากแล้วถ่ายลมหายใจหนึ่งเฮือก ขณะเดียวกันก็หันไปมองรอบกายอย่างระมัดระวัง

ไม่มีใครอยู่เลย ความสามารถในการซ่อนตัวของซอมบี้เด็กตัวนั้นยอดเยี่ยมกว่าเขามาก และยังรู้จักสภาพแวดล้อมที่นี่ดีกว่าเขาด้วย…เจ้าเด็กนั่นระวังตัวมาก ไม่เปิดโอกาสให้หลิงม่อตามตัวเจอเลย

“ทำได้เพียงไปดูศพศพนั้นแล้ว…” หลิงม่อหันไปมองยังจุดที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ตรงนั้นคือที่ที่ซอมบี้เด็กยืนอยู่เมื่อกี้ นอกจากศพที่ถูก “ชี้” ศพนั้นแล้ว ศพที่อยู่ขนาบสองข้างก็คือศพของผู้รอดชีวิตสองคนนั้นนั่นเอง…

“ไปดูก่อนแล้วกัน”

หลังจากตัดสินใจ หลิงม่อก็ค่อยๆ เดินกึ่งนั่งไปทางนั้นช้าๆ

และตอนนี้เขาอยู่ห่างจากซอมบี้จอมแล่เนื้อเพียงเจ็ดแปดเมตรเท่านั้น…ระหว่างทั้งสองฝ่ายนอกจากศพที่ห้อยต่องแต่งพวกนี้กั้นอยู่ ก็ไม่มีสิ่งกีดขวางอื่นอีก…หากซอมบี้จอมแล่เนื้อหันมา ก็จะเห็นหลิงม่อทันที

ทว่าจนกระทั่งหลิงม่อเดินไปถึงด้านล่างของศพ ซอมบี้จอมแล่เนื้อก็ยังก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป…

“ศพศพนี้มีอะไรกันแน่…”

หลิงม่อมองสำรวจรอบๆ ศพหนึ่งรอบ และมองตามรอยเย็บขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าอก

ต้องบอกว่า เทคนิกการเย็บแผลของซอมบี้จอมแล่เนื้อ ไม่น่าดูเลยจริงๆ…

สิ่งที่มันใช้ในการเย็บคือลวดเส้นเล็กๆ เท่านั้น ของแบบนี้พอเอามาเย็บติดกับเนื้อ ทำให้สภาพน่าอนาถ…นอกจากนี้ ตำแหน่งที่มันเลือกเย็บก็ดูเหมือนจะเลือกสุ่มๆ…มันเย็บแทบทุกจุดบนร่างกายที่มีรอยแตก และ “รอยแตก” ที่ว่า ก็รวมถึงดวงตาที่เปิดอยู่และปากที่อ้าค้างไว้ด้วย…

หลิงม่อกระทั่งเลื่อนสายตาไปยังอวัยวะสำคัญของศพ แต่เพื่อสวัสดิภาพของดวงตาตัวเอง สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะมองข้ามมันไป…แต่พอนึกได้ว่าหุ่นซอมบี้ของตัวเองกำลังเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายนี้อยู่ หลิงม่อก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาทันที

ร่างแยกก็ถือว่าเป็นร่างของเขาเหมือนกันนะ!

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดบัญชี หลิงม่อพบว่า เทียบกับส่วนอื่นๆ ส่วนที่มีรอยเย็บมากที่สุดคือตรงหน้าอก และตรงส่วนนี้กับส่วนท้องก็มีรอยฉีกขาดอยู่ด้วย

เขายื่นมือไปจิ้มแผลส่วนท้องดู ที่เขาทำอย่างนี้ก็เพื่อต้องการยืนยันว่าในท้องว่างเปล่า หรือมีอะไรถูกยัดเข้าจริงๆ กันแน่ แต่ไม่คิดว่าพอจิ้มไปแล้ว เขากลับต้องสะดุ้งตกใจไปอีกครั้ง

“ตึกตัก…”

ข้างในนี้มีเสียงเหมือนหัวใจกำลังเต้นอยู่ด้วย!

ถึงแม้มันจะเบา แต่ก็ชัดเจนมากเหมือนกัน!

อีกอย่างเพื่อความมั่นใจ หลิงม่อจึงฝืนจิ้มดูอีกครั้ง

“ตึกตัก!”

มีจริงๆ ด้วย! ในเมื่อมีเสียงเคลื่อนไหว ก็แสดงว่าจะต้องมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในนี้แน่ๆ!

สิ่งที่ซอมบี้จอมแล่เนื้อยัดเข้าไปในศพ กลับเป็นสิ่งมีชีวิต…

และพอดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ศพศพนี้กลับไม่มีร่องรอยของการเน่าเปื่อยซักนิด แม้แต่บาดแผลก็ยังดูเหมือนสดใหม่อยู่…

เพื่อยืนยันเรื่องนี้ หลิงม่อจึงหันไปมองศพของมนุษย์ที่อยู่ข้างๆ ด้วย

ศพเพศชายศพนี้มีผิวกายที่ขาวซีด เปลือกตาทั้งสองข้างถูกเย็บปิดสนิท แต่ยังเหลือช่องเล็กๆ ไว้นิดหน่อย ทำให้หลิงม่อรู้สึกเหมือนกำลังถูกหรี่ตาจ้องอย่างไรอย่างนั้น ปากของเขาอ้าออกเล็กน้อย เหมือนปลาที่ถูกขว้างขึ้นบนฝั่ง

“ล่วงเกินแล้ว…”

หลังพึมพำในใจ หลิงม่อก็แหวกเสื้อผ้าที่เดิมถูกฉีกขาดก่อน และถูกเลือดเหนียวๆ ยึดติดไว้ด้วยกันภายหลังออก

ตามคาด ส่วนท้องและหน้าอกของเขาก็มีร่องรอยถูกเย็บอยู่จำนวนมาก บาดแผลหนึ่งในนั้นแทบจะเฉือนร่างกายท่อนบนของเขาทั้งท่อน โดยแผลเส้นนี้ลากจากส่วนหน้าอกยาวไปจนถึงสะดือ และก็เป็นแผลที่น่ากลัวที่สุด

“ไม่มีรอยฟกช้ำหลังตาย…ผิวหนังยังมีความยืดหยุ่นอยู่…ไม่มีร่องรอยเน่าเปื่อย…” หลิงม่อใช้เล็บขูดเอาคราบเลือดเล็กน้อยขึ้นมาดมดู แล้วก็ต้องขมวดคิ้วทันที “แต่พวกเขาตายมาอย่างน้อยสามวันแล้ว ถึงจะไม่เน่าเปื่อย แต่ก็ไม่น่าจะมีอาการอย่างนี้เกิดขึ้นนี่นา เรื่องนี้ฉันไม่ต้องเรียกยัยเด็กเรียนมายืนยันก็ยังรู้เลย!”

และในร่างกายของศพนี้ ก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่…

สิ่งผิดปกติอย่างนี้ เห็นชัดว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าสิ่งที่ถูกสอดใส่เข้าไปข้างในโดยตรง หลิงม่อเองก็ไม่คิดว่าศพเหล่านี้จะถูกทำเป็นภาชนะใส่ของ แต่ว่า ภาชนะพวกนี้ใส่อะไรไว้ข้างในกันล่ะ…

“ตึง!”

เสียงวัตถุกระทบกันดังขึ้นอีกครั้ง หลิงม่อหนังศีรษะชา รีบโฉบตัวไปหลบอยู่ข้างหลังศพ และยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นราวกับกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด

ซอมบี้จอมแล่เนื้อโยนก้อนเนื้อเหวอะหวะก้อนหนึ่งลงในลังพลาสติกที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็ดึงศพหุ่นซอมบี้ขึ้นมา

ร่างกายของหุ่นซอมบี้ชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ คอของมันพับไปด้านข้างแบบแปลกๆ

ซอมบี้จอมแล่เนื้อเหมือนจะชะงักไปเมื่อเห็นอย่างนั้น ไม่นานมันก็ยื่นมือออกมา

“เพี๊ยะ!”

หลังจากตบหัวของหุ่นซอมบี้ให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ซอมบี้จอมแล่เนื้อพลันแค่นเสียงขึ้นจมูกแปลกๆ ออกมา

“ไอ้ฉิบหาย นี่แกภูมิใจอะไรของแก!” หลิงม่อเห็นแล้วปากอ้าตาค้าง

จอมแล่เนื้อลากศพหุ่นซอมบี้ลงจากเตียงอย่างได้ใจ จากนั้นก็ค่อยๆ เดินมาทางหลิงม่อช้าๆ

หลิงม่อใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันก็ถ้าวถอยหลังไปอย่างเงียบงัน…

ดีที่จอมแล่เนื้อหยุดเดินไปเสียก่อน จากนั้นก็เงยหน้ามองข้างบน

มันล้วงเชือกสกปรกออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอกเส้นหนึ่ง หลังจากมัดคอหุ่นซอมบี้เสร็จ มันก็กระโดดขึ้นไปพร้อมกับศพของหุ่นซอมบี้

และเมื่อมันทิ้งตัวลงพื้นในวินาทีถัดมา หุ่นซอมบี้ก็ถูกแขวนติดกับเพดานแล้ว…

“แรงดีดตัวสุดยอด! อีกอย่าง…ไม่มีเลือดกระเด็นออกมาเลยซักหยด!” หลิงม่อเห็นอย่างละเอียด ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ จอมแล่เนื้อก็หันหน้าเดินไปทางประตูห้อง…

โอกาสมาแล้ว!

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 600 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด!

แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด

แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ


Options

not work with dark mode
Reset