อยากกินไหมล่ะ 815 นวม

ตอนที่ 815 นวม

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 815 นวม

“วันนี้มันวันดีอะไรกันเนี่ย!” หลังจากเวลาอาหารกลางวันสิ้นสุดลง หยวนโจวก็ยกเก้าอี้ออกไปนอกร้านแล้วเตรียมที่จะแกะสลักก้อนน้ำแข็ง

เมืองเฉิงตูมืดครึ้งมาติดๆกันมาหลายวันจนมาแดดจ้าเอาวันนี้ แสงแดดทำให้ร่างกายของเขารู้สึกอบอุ่น นอกเหนือไปจากนั้นยังไม่บาดตาซ้ำยังเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมอีกต่างหากด้วย

“ที่จริงแกะสลักท่ามกลางแสงตะวันก็ไม่เลวนะ” สีหน้าของหยวนโจวกลับอ่อนโยนมากขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็มองไปทางผู้คนที่แวดล้อมอยู่รอบกายเพื่อมองภาพความคึกคักบนท้องถนน

ใช่แล้วล่ะ มีผู้ชมน้อยกว่าตอนที่จู่ๆเขาก็เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการแกะสลักเมื่อเร็วๆนี้เสียอีก นอกจากนั้นก็เพราะผลงาน “มังกรคู่ไล่กวดไข่มุก” เมื่อคราวที่แล้วยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี พวกเขาก็เลยรอให้เขาทำมังกรอีกตัวให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน

“เถ้าแก่หยวนจะแกะสลักมังกรตัวนั้นเสร็จไหมนะ?”

“ฉันโพสต์วิดีโอลงบนอินเตอร์เน็ตแล้ว มีแต่คนถามหาส่วนท้ายตรงแถบความคิดเห็นกันทั้งนั้นเลย”

“อืม ฉันก็โพสต์วิดีโอเหมือนกันแถมยังได้มาเป็นร้อยๆไลค์ง่ายๆเลยเชียวล่ะ”

“ถูกเผงเลย เถ้าแก่หยวนได้รับความนิยมทางอินเตอร์เน็ตมานานแล้วนะ ไม่ใช่เพียงเพราะผลงานแกะสลักน้ำแข็งหรอก”

คนที่บอกว่าเป็นลูกค้าขาประจำและพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่ต่างเป็นผู้ที่ดำเนินกิจการอยู่ทางด้านข้างกันทั้งนั้น คนพวกนี้ชอบมาดูหยวนโจวแกะสลักทุกทีทีมีเวลาว่าง

ถึงอย่างไรตอนที่หยวนโจวแกะสลักก็สร้างความสนุกให้พวกเขาด้วย

ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินขึ้นมาจากทางด้านหลัง เธอเบียดเข้ามาในกลุ่มฝูงชนเมื่อตอนที่พวกเขากำลังมุงดูเหตุการณ์พลางสนทนากันด้วยเสียงกระซิบเพราะเกรงว่าจะไปรบกวนหยวนโจวเข้า

หญิงสาวผู้นั้นยังเยาว์นัก ผมเผ้าของเธอถูกมวยเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมเปิดเปลือยหน้าผากสะอาดเกลี้ยงเกลาของเธอ แต่เธอกลับมีหน้าตาที่ดูธรรมดาและพาให้ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม เธอแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวกับเสื้อคลุมสีเทารวมไปถึงกางเกงขายาวสีดำพร้อมรองเท้าหนังสีขาวคู่เล็ก นอกเหนือไปจากนั้นเธอยังถือกล่องใบใหญ่เอาไว้ในมืออีกด้วย

บุคลิกของเธอดูผ่อนคลายและสดชื่นมากทีเดียว เธอเดินตรงไปยังตำแหน่งที่หยวนโจวนั่งอยู่

“ฮะ? ใครกันล่ะนั่น?” หลังจากเธอเดินผ่านฝูงชนไปแล้วจู่ๆก็มีบางคนนึกขึ้นได้แล้วกล่าวเช่นนั้นออกมา

หญิงสาวผู้นั้นเริ่มพูดคุยกับหยวนโจวเมื่อตอนที่บรรดาผู้ชมต่างมองหน้ากันเอง

แต่บรรดาผู้ชมก็ไม่ได้อยู่ใกล้พวกเขาจึงทำให้ไม่ได้ยินพวกเขาชัดเจนนัก และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาสนทนากันตั้งแต่ต้น

ถึงอย่างไรหยวนโจวก็ไม่สามารถได้ยินเสียงกระซิบของพวกเขาจากระยะทางที่ไกลออกขนาดนี้ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่สามารถได้ยินหยวนโจวกับหญิงสาวผู้นั้นคุยกันด้วย

หญิงสาวผู้นั้นไม่สนใจว่าบรรดาผู้ชมจะคิดอย่างไรกันจริงๆ เธอมองดูประตูไม่เว้นแม้แต่ป้ายร้านแล้วค่อยมองไปทางหยวนโจวแล้วกล่าวขึ้นมาในที่สุดว่า “ขอถามหน่อยนะคะว่าคุณใช่เถ้าแก่หยวนหรือเปล่า?”

หยวนโจวมองหญิงสาวผู้นั้นแล้วค้นหาจากความทรงจำของตัวเองอย่างจริงจัง เขาจะไม่ตอบคำถามของเธอจนกว่าจะยืนยันได้ว่าเขาไม่รู้จักเธอจริงๆ “ครับ ผมเอง”

“มีคนขอให้ฉันนำของสิ่งนี้มาให้คุณน่ะค่ะ” เมื่อเห็นหยวนโจวพยักหน้า หญิงสาวผู้นั้นก็ยกกล่องที่อยู่ในมือของเธอขึ้นมาแล้วมอบให้เขาทันที

แต่ดูเหมือนหญิงสาวผู้นั้นจะค่อนข้างเอาจริงเอาจังตอนที่มอบกล่องให้หยวนโจวมากทีเดียว รอยยิ้มบางๆบนใบหน้าของเธอกลับเลือนหายไปและมีสีหน้าเคร่งเครียดมาแทนที่ เธอมอบกล่องให้หยวนโจวด้วยสองมือ

“ขอบคุณครับ ขอโทษที่รบกวนด้วยนะครับ” หยวนโจวลุกขึ้นมารับกล่องเองกับมือแล้วกล่าวขึ้นมา

“ด้วยความยินดีค่ะ” หญิงสาวผู้นั้นส่ายหน้า

กล่องมีสีเทาและดูไปแล้วเนื้อดีทีเดียว ตัวกล่องที่มีแถบสีเข้มหลายๆเส้นอยู่บนพื้นผิวมีความกว้างขนาดกระเป๋าแลปท็อปขนาด 17″ และมีความสูง 25ซม. แต่กลับไม่หนักเลยสักนิดเดียว

“ผมดูได้ไหมครับ?” หยวนโจวถามขึ้นด้วยสีหน้าสับสน

“ได้สิคะ คุณเปิดดูได้เลย” หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้า “ฉันแค่ได้รับการไหว้วานให้นำมาให้คุณเท่านั้นเองค่ะ”

“สวบสาบ” กล่องเปิดไม่ยาก หยวนโจวจึงดึงริบบิ้นสีดำออกแล้วเปิดกล่องได้เลยทันที

“นี่คือ..?” ความคลางแคลงและความประหลาดใจที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยวนโจวกลับชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะสิ่งที่อยู่ในกล่องคือนวมคู่หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นนวมชกมวยเก่าๆที่แสนจะคุ้นตาคู่หนึ่งอีกต่างหาก

นวมคู่นี้มีอยู่สามสีคือ ดำ แดงและขาว ตรงส่วนข้อมือจะเป็นสีแดงขณะที่ยี่ห้อบนนวมเป็นสีขาว ส่วนยี่ห้อจะเป็นคำว่า “Reyes” ในภาษาอังกฤษซึ่งน่าจะเป็นยี่ห้อของนวมพวกนั้นนั่นเอง

โดยมีรอยถลอกที่เห็นได้ชัดอยู่ตรงสนับของนวม แถมหัวแม่มือของนวมก็เสียหายไปเยอะแล้วด้วย พื้นผิวสีดำที่เสียหายไปค่อนข้างเยอะเผยให้เห็นสีขาวที่อยู่ภายใต้พื้นผิว

แต่นวมชกมวยที่เสียหายเยอะเสียขนาดนั้นกลับสะอาดสะอ้านมากทีเดียว เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าของต้องดูแลรักษานวมมาอย่างดีเป็นแน่

“คนที่ชื่อซ่งอันไหว้วานให้ฉันนำมาให้คุณค่ะ เถ้าแก่หยวน” หญิงสาวผู้นั้นกล่าวอย่างอ่อนโยน

“ให้ผมเหรอครับ?” เดิมทีหยวนโจวก็รู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปเล็กน้อย ซ่งอันเป็นชื่อที่เขาไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย แต่กลับฟังดูแปลกประหลาดมากกว่า

เมื่อเขาได้ยินถ้อยคำพวกนั้นแล้ว ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวผู้นั้น จากนั้นก็ราวกับว่าจะได้รับคำตอบแล้ว เขาจึงรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว

“เขาเป็นนักมวยค่ะ” หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้าแล้วกล่าวเสริมขึ้นมา

“นักมวย” หยวนโจวพูดทั้งสองพยางค์ซ้ำๆครั้งหนึ่งด้วยท่าทีประหลาดใจ

ความทรงจำทั้งหลายเริ่มปะติดปะต่อกัน นวมชกมวยกับนักมวยมักจะก่อให้เกิดบาดแผลบนใบหน้าอยู่เสมอ แต่เขาไม่เคยเอ่ยชื่อตัวเองกับใครเลยนี่นา

“ใช่ค่ะ เขาบอกว่าอยากวางนวมเอาไว้ในร้านของคุณ แล้วเขาก็บอกว่ามีลูกค้าที่น่าสนใจอยู่อีกมากมายในร้านนี้เลยแหละค่ะ” หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เขาบอกว่ารู้สึกปลื้มปีติมากทีเดียวที่ได้อยู่ในร้านนี้ค่ะ”

“อา โอเคครับ ผมจะดูแลพวกมันแทนเขานะครับ เขามารับไปเมื่อไหร่ก็ได้ที่ว่างเลยนะครับ” จู่ๆหัวใจของหยวนโจวก็พลันเต้นรัวเมื่อสัมผัสกับนวมคู่นี้ เขาเงยหน้าขึ้นมาทันทีแล้วกล่าวอย่างแน่วแน่

“แต่เขา …” เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้น เธอก็นึกว่าตนไม่เข้าใจเสียเอง เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอได้รับการฝากฝังเอาไว้แล้ว เธอก็อ้าปากเตรียมที่จะเล่าเรื่องให้เขาฟังชัดๆในทันที

แต่เธอยังไม่ทันจะได้เริ่มก็ถูกหยวนโจวขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อนว่า “เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้วครับ ขอโทษที่ต้องรบกวนให้คุณมาส่งนวมให้ผมด้วยนะครับ ผมจะดูแลพวกมันเป็นอย่างดีเชียวล่ะครับ”

ถึงแม้ว่าจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นกับใบหน้าของหยวนโจวเลยก็ตามที แต่หยวนโจวก็ขัดจังหวะคำพูดของหญิงสาวผู้นั้นอย่างหยาบคายมากเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว นอกเหนือไปจากนั้นน้ำเสียงของเขาก็ค่อนข้างดังมากเลยด้วย

เขาก้มหน้ามองนวมในกล่อง แม้แต่ความสงบนิ่งตามปกติก็ยังอันตรธานหายไปจากใบหน้าของหยวนโจวเสียจนสิ้น เขาเงยหน้าขึ้นแล้วปิดกล่องอย่างแรงและหลังจากนั้นเขาก็มองไปทางหญิงสาวผู้นั้น

“โอเค งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ทีแรกหญิงสาวผู้นั้นรู้สึกตกตะลึงเมื่อตอนที่ถูกขัดจังหวะ แต่เมื่อเธอพบว่าหยวนโจวก้มหน้าลงแล้วดูเหมือนจะเศร้าโศกเสียใจอยู่บ้างราวกับเขาเข้าใจบางอย่างแล้ว เธอก็เลิกพยักหน้าแล้วกล่าวอำลาเขาเสียเลย

“ขอบคุณที่นำสิ่งนี้มาให้ผมนะครับ คราวหน้าผมจะเลี้ยงน้ำคุณเองครับ ลาก่อน” หยวนโจวพยักหน้า เขารอจนกระทั่งหญิงสาวผู้นั้นหันหลังออกจากร้านไป

หยวนโจวยืนนิ่งราวกับเสาอยู่อย่างนั้นอีกไม่กี่วินาทีพร้อมกล่องที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง จากนั้นเขาก็ใส่มันเอาไว้บนชั้นวางดอกไม้ทางด้านข้างแล้ววางให้เข้าที่เข้าทาง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกว่ายังไม่เหมาะสมจึงเปลี่ยนตำแหน่งไปอีกหลายแห่ง

แต่เขาก็ยังไม่เจอตำแหน่งที่รู้สึกว่าเหมาะสมเลย ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกได้แต่วางเอาไว้บนโต๊ะรับประทานอาหารค่ำเป็นการชั่วคราว จากนั้นเขาก็หันหลังไปปิดประตูร้าน

ประตูปิดกั้นแสงแดดไปจนสิ้น เมื่อต้องยืนอยู่ในร้านเล็กๆที่จู่ๆก็มืดมิด หยวนโจวไม่ได้เปิดไฟพร้อมกันในรวดเดียวเช่นเคย แต่เขากลับยืนอยู่ตรงนั้นอยู่ราวๆสิบวินาทีแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปพร้อมกล่องในอ้อมแขน

“ตึก ตึก ตึก” ร้านเงียบกว่าที่เคยหลงเหลือไว้เพียงเสียงฝีเท้าของหยวนโจวที่ดังสะท้อนอยู่ในห้องเพียงเท่านั้น

เพียงไม่นานนักหยวนโจวก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองบนชั้นสองแล้ววางกล่องในมือเอาไว้บนโต๊ะ

หยวนโจวนั่งลงตรงหน้าโต๊ะ เขาเหม่อมองราวกับตกอยู่ในภวังค์และไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

แม้แต่บรรดาผู้ชมนอกร้านก็ไม่รู้ว่าทำไมหยวนโจวจึงได้มีท่าทีเช่นนั้น

“เหมียว เหมียว เหมียว? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”, “ทำไมเถ้าแก่หยวนเข้าไปข้างในแล้วปิดร้านเลยเล่า?”, “หญิงสาวผู้นั้นคุยอะไรกับเถ้าแก่หยวนกันแน่นะ?”, “ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ฉันแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเถ้าแก่หยวนมากกว่า? เขาดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”

ถึงอย่างไรหยวนโจวก็ไม่เคยมีท่าทีเช่นนั้นมาก่อนเลย เพียงแต่ว่าการกระทำที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ดูเหมือนจะเกินกว่าความรู้สึกสับสนไปแล้วน่ะสิ

ถ้าซุนหมิงอยู่ที่นั่นล่ะก็เขาคงจะสามารถรับรู้ว่าเป็นความรู้สึกสับสนแบบใดกันได้ก็เป็นได้ มันช่างคล้ายกับตอนที่เขาทราบข่าวการเสียชีวิตของบิดามารดาเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิดเลย

หยวนโจวนั่งลงตรงหน้าโต๊ะในห้องตัวเองอย่างเงียบงัน…

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset