อยากกินไหมล่ะ 782

ตอนที่ 782

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 782 หยวนโจวได้ความรู้

เนื่องจากหยวนโจวทานโจ๊กของตัวเองเป็นอาหารกลางวัน ตอนนี้เขาจึงรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ท้องที่ปวดเล็กน้อยก็ไม่รู้สึกแย่อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องหลับตานอนในรถอีก ในทางกลับกัน เขากำลังเพลิดเพลินกับทัศนียภาพด้านนอก

เสี่ยวซิ่งยังคงหันหน้ามามองหยวนโจวเป็นบางครั้งบางคราว เขาไม่คิดจะยอมแพ้จึงตั้งใจที่จะโน้มน้าวหยวนโจว

“อาจารย์หยวน ยอดเชฟหยวน ดูสิ คุณทำอาหารเก่งมากเลย ทำไมคุณต้องไปสนใจเป็ดปักกิ่งของปลอมพรรค์นั้นด้วยล่ะครับ?” เสี่ยวซิ่งกล่าว

“ยังไงการลองชิมเป็ดปักกิ่งของประเทศไทยก็เป็นความคิดที่ดีครับ” หยวนโจวกล่าว

“แต่คุณรู้สึกไม่สบายท้องอยู่หรือเปล่าครับ? เป็ดย่างน่าจะเลี่ยนเกินไปสำหรับคุณในตอนนี้ ตอนเที่ยงคุณไม่ได้กินเนื้อเลยนี่ครับ” เสี่ยวซิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนเที่ยงหยวนโจวไม่ได้ทานยำไก่ฉีกเลย

“อืม นั่นเป็นอาหารที่ผมเตรียมเอาไว้ให้คุณเองแหละครับ” หยวนโจวกล่าวพลางทอดสายตาให้เสี่ยวซิ่ง

“แค่ก แค่ก นั่นเป็นอาหารรสจัดเลยนะครับ ยังไงเสียคนป่วยก็ไม่ควรจะกินเยอะมากไปนะครับ แฟนผมเคยพูดไว้แบบนั้นน่ะ” เสี่ยวซิ่งกล่าวด้วยความรู้สึกค่อนข้างอึดอัดใจ

“อืม” หยวนโจวพยักหน้าแล้วไม่กล่าวอะไรออกมาอีก

“งั้นพวกเราค่อยมากินเป็ดย่างคราวหน้าดีไหมครับ?” เสี่ยวซิ่งหยั่งเชิง ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความหวัง

“พรุ่งนี้ผมจะบินกลับแล้วล่ะครับ” หยวนโจวตอบ

“อา? หาวันแล้วเหรอครับเนี่ย? ทำไมไวจัง?” เสี่ยวซิ่งรู้สึกไม่อยากเชื่อเลย

“ครับ” หยวนโจวพยักหน้า ความเบิกบานเด่นชัดอยู่บนใบหน้าของเขา

หยวนโจวย่อมมีความสุขอยู่แล้วที่จะได้กลับบ้านเสียที จู่ๆเขาก็นึกถึงชายหนุ่มและหญิงสาวที่เขาเจอตอนกำลังทานอาหารเมื่อวันก่อนได้

“ฉันสงสัยจังเลยว่าพวกเขาจะกลับกันไปแล้วหรือยังนะ” หยวนโจวข้องใจ

“เฮ้อ” เสี่ยวซิ่งถอนหายใจด้วยสีหน้าสิ้นหวัง จากนั้นเข้าก็มุ่งความสนใจไปที่การขับรถ

เพราะอยู่ไกลจึงทำให้พวกเขามาถึงประมาณบ่ายสามโมงสี่สิบนาทีซึ่งมาได้จังหวะรถไฟพอดี

“ถึงแล้ว ที่นี่แหละครับ พวกเขาจะลดแผงกั้นลงมาเพื่อกัดขวางการจราจรขณะที่รถไฟกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ดูสิครับ พวกเขาเริ่มเก็บข้าวเก็บของกันแล้ว” เสี่ยวซิ่งแนะนำ

“อืม” หยวนโจวสังเกตอย่างจริงจัง

จริงๆแล้วนี่เป็นถนนที่ไม่ได้กว้างขวางสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากความกว้างของทางรถไฟมีขนาดตายตัวและทั้งสองข้างทางรถไฟก็เป็นร้านรวงขนาดเล็ก โดยมีแผงลอยเป็นจำนวนมากรุกล้ำเข้าไปในทางรถไฟแล้ว

เนื่องจากอีกไม่นานจะมีรถไฟวิ่งผ่าน ทุกคนจึงเก็บข้าวของออกไปด้วยความใจเย็นและไม่เร่งรีบ พวกเขาไม่รีบเร่งแต่กลับขยับตัวด้วยความคล่องแคล่วว่องไว

พ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่ก็แค่ดึงแผงลอยถอยออกมา ส่วนร้านรวงต่างๆก็แค่เปิดประตูเอาไว้ขณะที่ผู้คนต่างยืนรอให้รถไฟวิ่งผ่านไปอยู่ในร้าน

สี่โมงตรง รถไฟก็มาถึงอย่างช้าๆ

เสียงหึ่งดังขึ้นกลางอากาศ

“รถไฟมาแล้ว ตอนนี้คุณสามารถมองเห็นมันได้ชัดๆเลยล่ะครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าว

“อืม ผมเข้าใจแล้ว” หยวนโจวพยักหน้า

รถไฟขบวนนี้ต่างจากรถไฟความเร็วสูงที่หยวนโจวคุ้นเคยในประเทศจีน ตอนที่รถไฟวิ่งผ่านมา ความกดอากาศและแรงสั่นสะเทือนเพียงพอที่จะเขย่าบันไดตรงนั้นและหลงเหลือเสียงดังหึ่งเอาไว้ในโสตของผู้คน

รถไฟเคลื่อนตัวอย่างช้าๆจนดูเหมือนรถไฟสีเขียวที่เคยวิ่งบนทางรถไฟของจีน

“มันไม่เร็วเอาเสียเลย” หยวนโจวกล่าว

“ใช่ครับ ไม่ได้เร็วอะไรเป็นพิเศษนักหรอกครับ” เสี่ยวซิ่งพยักหน้า

“คุณอยากเข้าไปเดินเล่นไหมครับ?” เสี่ยวซิ่งถามขึ้นเมื่อเห็นแผงกั้นถูกยกขึ้น

“อืม” หยวนโจวพยักหน้า

เมื่อเสี่ยวซิ่งเห็นว่าหยวนโจวพยักหน้า เขาก็จอดรถในตำแหน่งที่กว้างขวางและพาหยวนโจวไปตลาดรถไฟ

มีของขายอยู่ที่นี่ไม่มาก หลังจากลองชิมผลไม้ในท้องถิ่นดูแล้ว หยวนโจวก็แวะซื้อบางอย่าง

เสี่ยวซิ่งที่มีความหวังว่าหยวนโจวจะซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารจึงรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็สงบปากสงบคำเอาไว้

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เสี่ยวซิ่งก็มีความเป็นมืออาชีพมากในงานที่ทำ

“ไปกันเถอะ” หยวนโจวหยุดเดินเมื่อพวกเขามาถึงร้านขายของชำในตลาด

“โอเค ไปไชน่าทาวน์กันเลยครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าว

“อืม ไปกันเถอะ” หยวนโจวพยักหน้า

“ลุยกันเลย” เสี่ยวซิ่งเริ่มนำทางออกจากตลาดรถไฟ

“แดดแรงจริงๆเลย” หยวนโจวกล่าวพลางเงยหน้า

“ที่จริงแล้วตอนนี้ในประเทศไทยเป็นฤดูฝนนะครับ อุณหภูมิตอนนี้ก็เลยค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับอุณหภูมิปกติ” เสี่ยวซิ่งกล่าวพลางยิ้ม

“ผมไม่สนใจเรื่องอุณหภูมิหรอกครับ แต่แดดมันจะแรงเกินไปแล้ว” หยวนโจวกล่าว

“จริงครับ แดดในประเทศไทยค่อนข้างแรงทีเดียว” เสี่ยวซิ่งพยักหน้าเห็นด้วย

พวกเขาคุยกันไปขณะที่มุ่งหน้าที่ไปรถ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางไปไชน่าทาวน์

“ไชน่าทาวน์เป็นสถานที่ที่ต้องไปทุกครั้งที่ผมไปต่างประเทศเลยก็ว่าได้ครับ” หยวนโจวตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้ไปไชน่าทาวน์

เมื่อตอนที่เขายังเด็กอยู่นั้น เขาชอบดูหนังมากทีเดียว ไชน่าทาวน์จึงเป็นคำที่เขาคุ้นเคยผ่านหนังที่ดู แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนจะไม่คุ้นเคยกับคำๆนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงพอเข้าใจได้ที่หยวนโจวจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้เห็นไชน่าทาวน์จริงๆ

ระหว่างทางไปไชน่าทาวน์ของพวกเขาเกิดการจราจรติดขัด ดังนั้นกว่าพวกเขาจะไปถึงก็ปาเข้าไปหกโมงครึ่งแล้ว ถึงเวลาอาหารมื้อค่ำแล้ว

“ยินดีต้อนรับสู่ไชน่าทาวน์ครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าวหลังจากหักเลี้ยวเข้าสู่ถนนอันกว้างขวาง

“ที่นี่คนเยอะจริงๆ” หยวนโจวกล่าวพลางมองไปที่คนเดินเท้า

“ที่นี่ก็จะยุ่งๆช่วงนี้แหละครับ” เสี่ยวซิ่งพยักหน้า

“จอดรถไว้ข้างนอกก็ได้ครับ ผมว่าคุณเอารถไปจอดตรงนั้นได้” หยวนโจวแนะนำ

“ได้ครับ ผมจะเลี้ยวเข้าไปเอง” เสี่ยวซิ่งพยักหน้าแล้วหักเลี้ยวรถก่อนที่จะจอดลงที่ไหนสักแห่ง

“ไปกันเถอะครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าวหลังจากจอดรถแล้ว

“อืม” หยวนโจวพยักหน้า

เนื่องจากรถจอดอยู่ตรงสี่แยกเข้าสู่ถนน พวกเขาจึงได้แต่เดินออกมาจากไชน่าทาวน์หลังลงจากรถแล้ว

ตัวอักษรจีนที่เต็มแผ่นป้ายของไชน่าทาวน์ทำให้หยวนโจวรู้สึกพออกพอใจมากทีเดียว ตัวอักษรจีนแบบดั้งเดิมพวกนี้ทำให้หยวนโจวรู้สึกถึงประเทศจีนในยุคแปดศูนย์

“อาคารยังเป็นแบบเดิมอยู่เลย” หยวนโจวกล่าวขึ้นขณะที่เขาวิเคราะห์สภาพแวดล้อมรอบตัวไปด้วย

“ใช่ครับ ครั้งหนึ่งไชน่าทาวน์ในประเทศไทยเคยเป็นแหล่งชุมนุมของคนไทยเชื้อสายจีน ผมคิดว่าคนจีนส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีต้นกำเนิดมาจากเฉาซ่านนั่นแหละครับ” เสี่ยวซิ่งแนะนำ

หยวนโจวมุ่งความสนใจไปที่คำอธิบาย

“ร้านที่พวกเรากำลังจะไปตั้งอยู่ตรงสี่แยกถนน ไม่ไกลสักเท่าไหร่นักหรอกครับ คุณอยากจะเดินเล่นแถวนี้ก่อนหรืออยากจะตรงไปที่ร้านเลยดีครับ?” เสี่ยวซิ่งถาม

“มาเดินเล่นแถวนี้กันก่อนเถอะครับ” หยวนโจวกล่าวด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นร้านขายเครื่องประดับมากมายตามท้องถนน

“ได้ครับ” เสี่ยวซิ่งพยักหน้า

“ที่นี่มีร้านขายเครื่องประดับเยอะจังเลยนะครับ” หยวนโจวกล่าว

แถวนี้มีร้านขายเครื่องประดับเยอะจริงๆนั่นแหละ เกือบหนึ่งในห้าร้านจะเป็นร้านขายเครื่องประดับ นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าตกใจมากทีเดียว

“ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่มาที่นี่ก็เพราะมีเจตนาจะมาซื้อทองอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าว

“ผมก็ว่าแหละครับ” หยวนโจวกล่าวเมื่อเห็นกรุ๊ปทัวร์เข้าไปในร้านขายเครื่องประดับ

“ของกินที่นี่ก็อร่อยมากๆด้วยครับ คุณอยากลองชิมดูไหมล่ะ” เสี่ยวซิ่งถามพลางชี้ไปที่แผงขายข้าวเหนียวมะม่วง

“แน่นอนครับ” หยวนโจวพยักหน้าแล้วซื้อไปสองชุด

“ขอบคุณครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าวพลางรับมาถุงหนึ่ง

“ด้วยความยินดีครับ” หยวนโจวกล่าวแล้วเริ่มกิน

หยวนโจวเดินไปพลางกินไปพลางเพื่อลิ้มรสอาหารให้ละเอียดถี่ถ้วนตามเคย

“ยอดเชฟหยวนจริงจังมากเลยแฮะ” เสี่ยวซิ่งรำพึง

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset