อยากกินไหมล่ะ 758

ตอนที่ 758

ความลับของตับดิบ

นั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างประหลาดมากทีเดียว จากการที่หลิวจางไม่เคยปิดบังสิ่งใดจากหยวนโจวเลย เขาก็น่าจะอนุญาตให้หยวนโจวเข้าไปในครัวกับเขาเพื่อดูวิธีการเตรียมตับ แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น

ทว่าเขาทิ้งให้หยวนโจวกับอู๋ไห่รออยู่ในสนาม

“อาจารย์หลิวคนนี้ช่างเป็นคนที่น่าสนใจทีเดียว” อู๋ไห่กล่าวด้วยความรู้สึกเพลิดเพลินกับวัตถุดิบที่ปลูกอยู่ทั่วทั้งสนามอย่างเห็นได้ชัด

“ก็เขาเป็นอาจารย์นี่นา” หยวนโจวกล่าว

“อืม เขาไม่เคยปกปิดอะไรเลยสักอย่างเดียว” อู๋ไห่พยักหน้าเห็นด้วยก่อนกล่าวเสริมว่า “นี่เป็นสิ่งที่ฉันคงไม่สามารถทำได้หรอก”

ยกตัวอย่างเช่น ภาพเขียนหัวกลับของเขาดึงดูดให้จิตรกรหลายต่อหลายคนอยากแลกเปลี่ยนวิชากับอู๋ไห่ แต่เขาไม่สามารถสอนคนแปลกหน้าได้ทุกอย่างโดยไม่ไตร่ตรองได้

เมื่อตัดสินจากการที่หลิวจางสอนทุกสิ่งทุกอย่างให้หยวนโจวตั้งแต่วิธีการเลือกตับดีๆไปจนถึงวิธีการซื้อตับดีๆ หลิวจางก็ควรค่าแก่การถูกเรียกว่าอาจารย์จริงๆ

อันที่จริงแล้ว ตับดิบทำไม่ยากเลย ลำพังแค่หยวนโจวคนเดียวก็รู้วิธีการเตรียมหลายแบบแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น ตับดิบที่ชาวอี้ใช้เสิร์ฟให้แขกของพวกเขา

ก่อนอื่นพวกเขาจะผสมตับแกะเข้ากับกล้วยก่อนจะบด ต่อมาก็จะผสมพริกป่นกับเกลือในปริมาณที่พอเหมาะพอดีลงไป หลังจากนั้นให้หมักทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที ส่วนเลือดหมู กระเพาะหมูและลำไส้ที่ผ่านการต้มแล้วจะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นอาหารก็พร้อมที่จะรับประทานได้แล้ว

วิธีการเตรียมแบบนั้นได้พัฒนาเป็นวิธีการเตรียมตับทั้งหลาย เช่น ตับหมู ตับไก่ ตับเป็ดหรือแม้แต่ตับวัว แต่วิธีการเตรียมของพวกนี้จำเป็นที่จะต้องทำให้ตับสุกเสียก่อน

ดังนั้นนี่จึงเป็นอาหารที่มีคำว่า “ดิบ” เป็นส่วนหนึ่งของชื่อแต่อันที่จริงตับหมูผ่านการปรุงสุกมาแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าเจ้าระบบอาจจะไม่ยอมรับอาหารที่เป็นอาหารดิบและตัดสินให้เป็นอาหารที่รับประทานโดยไม่ต้องอุ่นแทน แม้แต่หยวนโจวเองก็รู้สึกว่านี่ออกจะมีความแตกต่างกว่าตับดิบๆที่เขานึกไว้มากเกินไปแล้ว

“ฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยตับดิบของอาจารย์หลิว” อู๋ไห่กล่าวด้วยความหมายมาดปรารถนา

“อืม” หยวนโจวพยักหน้า

“ในเมื่อพวกคุณต่างก็กำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่ก็มาเริ่มกินกันเลย ผมขอบอกพวกคุณก่อนเลยนะว่าผมไม่มีอาหารจานอื่นๆอีกหรอกนะ” หลิวจางกล่าวขณะที่เขาออกมาพร้อมกับถาด

“ไม่เป็นไรครับ แค่ตับดิบก็พอแล้วล่ะ” อู๋ไห่กล่าว

“ขอบคุณครับ อาจารย์หลิว” หยวนโจวลุกขึ้นเพื่อรับถาดจากเขาไป

“คุณไม่ต้องช่วยผมหรอกครับ ผมยังต้องทดสอบคุณอีก” หลิวจางกล่าวพลางหลบเลี่ยงหยวนโจว

“ถามมาได้เลยครับ อาจารย์หลิว” หยวนโจวกล่าว

หลายปีมานี้ ฝีมือการทำอาหารของหยวนโจวดีขึ้นในทุกๆด้าน ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวคำถามของหลิวจางเลยสักนิดเดียว

“ทานก่อนเถอะครับ ผมจะถามหลังจากทานอาหารแล้ว” หลิวจางวางถาดลงแล้วกล่าวขึ้น

“ก็ได้ครับ” หยวนโจวพยักหน้า

จากนั้นหลิวจางก็หยิบตะเกียบสามคู่ออกมาจากบ้านของเขา

ไม่มีเรื่องวิเศษใดๆเกิดขึ้นบนโต๊ะทั้งนั้น มีเพียงถาดสีขาวบริสุทธิ์กับตะเกียบสามคู่วางไว้บนนั้น พวกเขาทั้งสามคนนั่งอยู่รอบโต๊ะเพื่อรอให้หลิวจางบอกให้เริ่มทานอาหารได้

ตับแกะดิบบนโต๊ะยังไม่ได้ผ่านกรรมวิธีใดๆมาก่อนเลย หยวนโจวรู้ได้โดยมองไปที่อาหารเพียงปราดเดียว แต่อาหารจานนี้กลับดูแปลกเอามากๆเพราะถูกหั่นเป็นเส้นๆ

หลายๆเส้นทั้งบางและเรียวยาว อีกทั้งเมื่อมองแวบแรกก็ดูงดงามยวนตายวนใจ ซ้ำยังดูเหมือนว่าจะมีสาเหตุที่ทำให้ดูคล้ายกับดอกกุหลาบอีกด้วย เพราะตับแกะดิบจานนี้ส่งกลิ่นหอมฟุ้งที่คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ

มันมีกลิ่นหอมกรุ่นทั้งยังเผ็ดเอามากๆในขณะเดียวกันด้วย

“กลิ่นหอมมากเลย” อู๋ไห่กล่าว

“ใช่ กลิ่นคล้ายดอกกุหลาบเลย แถมกลิ่นยังซ่อนอยู่ท่ามกลางกลิ่นเผ็ดอีกต่างหาก” หยวนโจวกล่าว

“เริ่มทานได้แล้วครับ ทานเข้าไปเดี๋ยวก็รู้เองแหละ” หลิวจางหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเชิญชวนให้พวกเขาตักอาหาร

“งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ” อู๋ไห่เป็นคนที่ไม่เคยลังเลใจใดๆทั้งสิ้น เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มกินทันที

ส่วนหยวนโจวนั้น เขารอให้หลิวจางคีบตับขึ้นมาสักชิ้นเสียก่อนเขาจึงจะเริ่มกิน

หยวนโจวรู้สึกสนใจมากจึงคีบขึ้นมาแค่เส้นเดียวก่อน

ตับดิบชิ้นบางๆสีแดงเข้มถูกตะเกียบสีเขียวแก่คีบขึ้นมา สีสันที่ตัดกันทำให้ดูค่อนข้างสบายตา

ทั้งดูน่าอร่อยและกลิ่นหอมยั่วใจหยวนโจวเป็นอันมาก ดังนั้นเขาจึงรีบยัดเข้าปากทันที

ไม่ต้องเอ่ยถึงตับแกะดิบเพียงอย่างเดียวเลย แม้แต่ตับแกะธรรมดาๆก็น่าจะมีกลิ่นบางอย่าง นั่นเป็นกลิ่นที่แรงมากเสียจนยากจะทานลงได้ แต่กลับไม่มีร่องรอยของกลิ่นดังกล่าวปรากฏอยู่ในอาหารจานนี้ที่หลิวจางยกมาเสิร์ฟเลย

หยวนโจวรู้สึกตกตะลึงกับสิ่งนี้มากทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังอีกต่างหาก

ทันทีที่ตับดิบเข้าปาก หยวนโจวก็ต้องตกใจสุดขีด

“โอ เส้นเล็กมากเลย แถมเนื้อสัมผัสก็นุ่มอีกต่างหาก พอผสมผสานทั้งสองอย่างนี้เข้ากับรสชาติเผ็ดร้อนก็จะช่วยแสดงความสดใหม่ของตับออกมาได้อีกด้วย ความเปรี้ยวปริมาณเล็กน้อยที่อยู่ภายในจะช่วยเพิ่มความหวานตามธรรมชาติที่มีอยู่ให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีความขมในปริมาณอันน้อยนิดอยู่ภายในอีกด้วย ฉันเข้าใจแล้วล่ะ มันเป็นความขมที่เข้ากับกลิ่นจากตับได้ดีเชียวล่ะ” หยวนโจววิเคราะห์ไปด้วยขณะที่เขาทานอาหารอยู่

หลังจากกินหมดไปชิ้นหนึ่งแล้ว หยวนโจวก็คีบอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมา คราวนี้เขาคีบชิ้นที่อยู่ส่วนล่างของถาดเนื่องจากมีน้ำซุปบางส่วนนอนก้นอยู่ตรงนั้น

อันที่จริงน้ำซุปแบบนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากเครื่องปรุงรสเป็นจำนวนมากที่ไหลลงตับหลายๆชิ้นก่อนที่จะมากองรวมกันตรงส่วนล่าง ดังนั้นรสชาตอของตับชิ้นนี้จึงแตกต่างออกไป

“ทีนี้ความเปรี้ยวและความเผ็ดก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นไปอีก แต่ความสดใหม่ตามธรรมชาติและความนุ่มของตับกลับไม่เด่นชัดเท่าชิ้นก่อนอีกแล้ว” หยวนโจวสรุป

“ช้าก่อนนะ ฉันนึกว่ากลิ่นคล้ายกุหลาบงั้นเหรอ? แล้วกลิ่นนั่นหายไปไหนเสียแล้วล่ะ?” หยวนโจวขมวดคิ้วแล้วเริ่มครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

ในขณะเดียวกัน เขาเคี้ยวชิ้นตับในปากเสร็จแล้วค่อยกลืนลงไป รสชาติที่ยังกรุ่นในปากคงจะเป็นความเปรี้ยวและความเผ็ดร้อนหรือแม้แต่ความสดใหม่ของตับ แต่กลิ่นกุหลาบที่แสนจะชัดเจนกลับปรากฏขึ้นแทน

ในขณะที่หยวนโจวครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งอยู่นั้น อู๋ไห่ก็กำลังเพลิดเพลินอย่างถึงที่สุด

“อร่อยมากเลย ฉันไม่คิดว่าตับแกะดิบจะอร่อยได้ขนาดนี้มาก่อนเลย” อู๋ไห่พึมพำ

ตับแกะชิ้นไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก ดังนั้นแม้แต่หลิวจางเองก็ไม่ได้ทานมากนัก อาหารเกือบหมดเกลี้ยงหลังจากการสวาปาทด้วยความตะกละตะกรามของอู๋ไห่เพียงชั่วครู่

“อีกไม่นานก็หมดแล้ว เถ้าก่หยวน คุณคิดว่ายังไงครับ?” หลิวจางถามพร้อมยิ้มกว้าง

“อร่อยมากเลยครับ” หยวนโจวพยักหน้า

“ผมเจตนาให้คุณรออยู่ตรงนี้ระหว่างที่ผมเตรียมอาหาร แต่ผมมั่นใจว่าคุณสามารถรู้ได้ว่าอาหารจานนี้เตรียมขึ้นมาได้ยังไงจากการกินเป็นแน่” หลิวจางกล่าวด้วยความมั่นใจ

หลิวจางเคยได้ยินได้ฟังเรื่องของหยวนโจวมาจากคุณปู่ขับรถลากมาบ้างแล้ว จะพูดให้ถูกก็คือเขาได้ยินเรื่องของหยวนโจวเมื่อตอนที่คุณปู่ขับรถลากมาทานตับแกะที่นี่เพราะคุณปู่ขับรถลากจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพูดคุยเรื่องของหยวนโจวเสียมาก

คุณปู่ทำให้หยวนโจวกลายเป็นตัวเอกของเรื่องที่มีฝีมือการทำอาหารขั้นเทพแถมยังมีชื่อเสียงเอามากๆอีกด้วย ดังนั้นหลิวจางจึงค่อนข้างอยากรู้เรื่องของหยวนโจวมากทีเดียว

นั่นก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้หลิวจางตัดสินใจมอบแบบทดสอบครั้งนี้แก่หยวนโจวนั่นเอง

“คุณพูดถูกแล้วครับ ผมขอชื่นชมสูตรอาหารและการใช้เครื่องปรุงของคุณ แล้วผมก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย คุณเป็นเชฟที่ยอดเยี่ยมมากเลยล่ะครับ” หยวนโจวกล่าวอย่างจริงจัง

“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณก็พูดเกินไปนะ เถ้าแก่หยวน” หลิวจางกล่าวเรียบๆ

“เถ้าแก่หยวน นายเลิกพูดเป็นปริศนาเสียทีเถอะน่า ตับจานนี้เตรียมขึ้นมาได้ยังไงกันแน่?” อู๋ไห่ถามด้วยความอยากรู้

“นายทำแบบนี้ไม่ได้หรอก” หยวนโจวกล่าว แค่มองอู๋ไห่เพียงปราดเดียวเขาก็รู้ได้เลยว่าอู๋ไห่กำลังคิดจะเตรียมอาหารเอง

“เรื่องนั้นมันก็ไม่แน่หรอกนะ ฉันก็แค่ต้องตัดตับออกเป็นเส้นๆก่อนที่จะผสมเครื่องปรุงลงไป มันจะไปยากสักแค่ไหนกันเชียว?” อู๋ไห่กล่าว

หยวนโจวเมินเขาไปในทันทีแล้วหันกลับไปมองหลิวจางแทน

“น้ำที่คุณใช้ล้างตับเป็นน้ำที่แช่ดอกกุหลาบไว้ ระหว่างการล้างในครั้งแรก คุณเติมน้ำดอกกุหลาบพร้อมดอกกุหลาบที่บดแล้วลงไปด้วย ส่วนการล้างในครั้งที่สอง คุณก็ลอกชั้นแผ่นเยื่อบริเวณตับออกก่อนที่จะล้างด้วยน้ำกอดกุหลาบอีกครั้ง” หยวนโจวกล่าว

หลิวจางเหลือบมองหยวนโจวพร้อมยิ้มพลางแสดงท่าทางให้เขาพูดต่อ

“หลังจากล้างแล้ว คุณก็หั่นให้เป็นเส้นๆ นั่นจะทำให้ผสมกับเครื่องปรุงรสได้ง่ายขึ้น สุดท้าย คุณก็ใช้พริกกับผักไผ่น้ำในการกำจัดกลิ่นออกไปจากตับ” หยวนโจวกล่าวด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด

นั่นก็เพราะหยวนโจวรู้ชัดอยู่แล้วว่าผักไผ่น้ำที่หลิวจางนำมาใช้ไม่ใช่ส่วนลำต้นอย่างที่เจ้าระบบได้บันทึกเอาไว้

สิ่งที่หลิวจางใช้คือส่วนหน่อนั่นเอง

หน่อของผักไผ่น้ำมีรสชาติทั้งสดใหม่และขมปร่า แต่ความขมนี้ค่อนข้างแตกต่างไปจากรสชาติขมตามปกติ เมื่อทานเดี่ยวๆจะมีรสชาติแย่มาก แต่ความขมอันเป็นเอกลักษณ์นี้กลับสามารถเข้ากับกลิ่นตับแกะได้ดีทีเดียว

และเพื่อตรวจสอบปริมาณผักไผ่น้ำที่นำมาใช้ในครั้งนี้จึงจำเป็นต้องมีการทดสอบนับครั้งไม่ถ้วน

“ฮ่าฮ่า นั่นเป็นอาหารเพียงอย่างเดียวที่ฉันรู้จักเชียวนะ เถ้าแก่หยวนกลับสามารถเข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่งเอาง่ายๆเสียได้” หลิวจางหัวเราะและพูดต่อไปว่า “เถ้าแก่หยวนช่างเป็นเชฟที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

“ขอบคุณที่อนุญาตให้ผมได้ลองลิ้มรสอาหารของคุณนะครับ” หยวนโจวกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ

“เจ้าระบบ ตอนนี้ตับดิบถือว่าเป็นอาหารได้หรือยัง?” หยวนโจวถาม

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset