อยากกินไหมล่ะ 751

ตอนที่ 751

ถ่ายรูป

หลังจากเฉินเว่ยรับสายแล้ว ก่อนที่กั๋วรุ่ยจะทันได้พูดอะไรออกมา เฉินเว่ยก็กล่าวขึ้นมาว่า “ยินดีด้วยนะ แต่ตอนนี้ฉันยุ่งมากๆเลย มีเวลาเมื่อไหร่จะโทรหาแล้วกันนะ” จากนั้นสายก็ถูกตัดไป

กั๋วรุ่ยค่อนข้างตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขาถึงกับพูดไม่ออกก่อนที่สายจะถูกตัดไป ตอนนี้เขาต้องฝืนกลืนคำพูดที่อยากจะพูดลงไป เขาถอนหายใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพี่วั่นก็บอกว่าวันนี้เฉินเว่ยยุ่งมาก ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะเริ่มต้นอะไรสักอย่าง

ฉินหลัวตบไหล่ของกั๋วรุ่ยแล้วโบกมือก่อนจะใช้นิ้วมือตัวเองวาดเครื่องหมายถูกกลางอากาศ สิ่งนี้ประกอบกับรอยยิ้มใจเย็นบนใบหน้าของเธอทำให้กั๋วรุ่ยอารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น

ถึงพวกเขาไม่ได้ใช้ภาษามือในการสื่อสาร แต่กั๋วรุ่ยก็สามารถเข้าใจสิ่งที่ฉินหลัวพยายามที่จะบอกได้ตลอดเวลา นี่เป็นสิ่งที่พิเศษมากสำหรับพวกเขาทั้งสองคน ฉินหลัวพยายามที่จะบอกว่าไม่เป็นไร เฉินเว่ยเพียงแค่ยุ่งมากก็เท่านั้นและคงตอบตกลงทันทีที่เขาว่าง

จากนั้นกั๋วรุ่ยก็เชิญลูกค้าทุกคนที่อยู่ในร้านไม่ว่าเขาจะรู้จักหรือไม่ก็ช่าง

พี่วั่นเป็นคนแรกที่ตอบตกลง พวกเขารู้จักกันอยู่แล้วฉะนั้นการที่เขาทำเรื่องแบบนี้จึงไม่นับว่าเป็นอะไรเลย บางทีเธอเองก็คิดว่านี่ช่างเป็นเรื่องที่แสนโรแมนติกจริงๆ ส่วนหลิงหงไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่แต่ในเมื่อกั๋วรุ่ยเชิญเขาแล้ว หลิงหงก็ยินดีที่จะช่วยหากมีเวลา

“ยังไงเสียแม้แต่คู่รักที่รักกันปานจะกลืนกินก็ต้องทะเลาะกันบ้างแหละน่า พวกคุณมีวิธีจัดการกับความเห็นที่ไม่ลงรอยกันยังไงเหรอ?” นี่เป็นสิ่งที่พี่วั่นอยากรู้

“ถามทำไมอ่ะ พี่วั่น?” หลิงหงถามก่อนที่กั๋วรุ่ยจะทันได้ตอบ

แน่นอนว่าหลิงหงย่อมไม่ได้โง่อย่างอู๋ไห่ที่เตือนพี่วั่นเอาเสียโต้งๆว่าเธอยังไม่มีแฟน แต่หลิงหงกลับเลือกใช้คำถามอันชาญฉลาด

“ฉันก็แค่อยากรู้น่ะ นายมีปัญหาหรือไง หลิงหง?” พี่วั่นถามพลางจ้องมองหลิงหงด้วยสายตาสุภาพอ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบมิได้

“ผมไม่มีปัญหาหรอก อันที่จริงผมก็ค่อนข้างอยากรู้เหมือนกัน” หลิงหงเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างแนบเนียนแล้วเริ่มจ้องมองกั๋วรุ่ยด้วยความคาดหวังแทน

ดูเหมือนกั๋วรุ่ยไม่ได้รับผลกระทบจากคำถามนี้ แต่ฉินหลัวที่อยู่ข้างๆเขากลับหน้าแดงแล้วก้มหน้าด้วยความเขินอายทันที

“แหะแหะ ที่จริงแล้วพวกเราแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย” กั๋วรุ่นเกาหัวแล้วกล่าวพลางยิ้ม

“คุณหมายความว่าคุณจะเป็นฝ่ายที่คอยรับฟังเธอตลอดเลยใช่ไหม?” พี่วั่นถาม

“ก็ไม่เชิงครับ” กั๋วรุ่ยส่ายหน้า

คราวนี้พี่วั่นไม่พูดอะไรออกมาอีก เธอเหลือบมองกั๋วรุ่ยเพื่อรอให้เขาอธิบายเพิ่มเติม

“พวกคุณก็เห็นนี่นา อาหลัวน่ารักออกขนาดนี้ แต่ละครั้งที่ผมโกรธหรืออยากจะทะเลาะ ผมก็จะหายโกรธทันทีที่เห็นเธอจับจ้องมาที่ผมด้วยดวงตาเบิกกว้าง สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวก็คือทำไมเธอถึงได้น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้กันนะ” กั๋วรุ่ยกล่าว เขาไม่เคยละสายตาไปจากฉินหลัวเลย

“โอ…” พี่วั่นรู้สึกตกตะลึงไปเล็กน้อย

“พูดอีกอย่างก็คือแค่ได้มองเธอ คุณก็หายโกรธแล้วใช่ไหมล่ะ?” พี่วั่นถามอย่างช่วยไม่ได้

“ฉันนึกถึงเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้” จู่ๆลูกค้าคนหนึ่งก็ขัดขึ้นมาทันที

“เรื่องอะไรงั้นเหรอ?” หลิงหงถามด้วยความอยากรู้

“เรื่องจะรู้สึกอย่างไรถ้าเกิดมีแฟนหนุ่มที่หล่อเหลาอย่างไม่น่าเชื่อน่ะ” ลูกค้าคนนั้นกล่าว

“ตอนที่ทะเลาะกันเพียงแค่มองหน้าหล่อๆของแฟนหนุ่ม แฟนสาวก็จะหายโกรธทันที” ลูกค้าคนนั้นอธิบายเพิ่มเติมโดยไม่รั้งรอ

“อืม ถูกต้อง ฉันรู้สึกเหมือนอาหลัวน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อเลย ฉันหายโกรธทันทีที่เห็นเธอเลยเชียวล่ะ” กั๋วรุ่ยพยักหน้าเห็นด้วยซ้ำๆ

“เฮอะ นายกำลังอวดสัมพันธ์รักของตัวเองด้วยคำถามง่ายๆอยู่นะ วิธีการแบบนี้ของนายมันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว” หลิงหง

ส่วนพี่วั่นกลับเงียบไปเพราะหัวใจบอบช้ำเข้าเสียแล้ว

“เปล่านะ ผมสาบานได้ว่าไม่ได้อวดเลย นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกจริงๆ แหะแหะ” กั๋วรุ่ยเกาหัวพลาวหัวเราะคิกคิกอย่างโง่เง่า

ฉินหลัวดึงแขนเสื้อของกั๋วรุ่ยเพื่อเตือนให้เขาหยุดพูดเสียที

หลิงหงไม่อยากมองเขาอีกต่อไปแล้ว เขายอมรับว่าฉินหลัวหน้าตาดีก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขนาดสวยสุดยอดจนน่าเหลือเชื่อ

เมื่อได้อวดสัมพันธ์รักของตนเองแล้ว กั๋วรุ่ยก็ถือโอกาสเดินไปทั่วร้านเพื่อขอถ่ายรูประหว่างที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟ

ถึงอย่างไรนี่ก็คือสาเหตุที่แท้จริงที่พวกเขามาในวันนี้

“สวัสดีครับ ผมจะถ่ายรูปแต่งงาน คุณยินดีที่จะอยู่ในรูปไหมครับ? ผมจะถ่ายรูปพรุ่งนี้ตอนเที่ยงน่ะครับ” กั๋วรุ่ยถาม

“ทำไมนายถึงอยากให้ฉันไปอยู่ในรูปด้วยล่ะ?” ลูกค้าที่ยังรู้สึกสับสนถามขึ้นหลังจากดันแก้วน้ำไปข้างหน้า

“คุณก็รู้นี่นา…” กั๋วรุ่ยเริ่มอธิบายเหตุผล

“ได้สิ” ลูกค้าที่สวมแว่นตาตอบตกลงด้วยความยินดี

“ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอโทษที่รบกวนด้วยนะครับ” กั๋วรุ่ยกล่าวขอบคุณซ้ำๆในขณะที่ฉินหลัวยิ้มอย่างมีความสุขให้ลูกค้าเช่นกัน

“สวัสดีครับ” กั๋วรุ่ยขยับไปหาลูกค้าคนต่อไปแต่กลับต้องชะงักก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกไป

“โทษทีนะ ฉันขอผ่านแล้วกัน” นี่ก็คือหญิงสาวผมยาวที่ย้อมผมสีน้ำตาลแถมเธอยังแต่งกายค่อนข้างนำสมัยอีกต่างหาก

“ไม่เป็นไรครับ ขอโทษที่รบกวนด้วยนะครับ” กั๋วรุ่ยกล่าวพร้อมยิ้ม

“เหตุผลของฉันก็คือการแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะแต่งงานกัน ถ้าหากฉันจะแต่งงานกันแฟน ฉันก็หวังว่าจะมีแค่เราสองคนอยู่ในรูปแต่งงาน โทษทีนะ” หญิงสาวอธิบายหลังจากนึกถึงเรื่องนั้น

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” กั๋วรุ่ยพยักหน้า

“โทษทีนะ แค่ความคิดเห็นในเรื่องนี้ของเรามันไม่ตรงกันก็เท่านั้นแหละ” หญิงสาวพยักหน้าและหันหน้ากลับมาอีกครั้ง

ส่วนกั๋วรุ่ยก็ขยับไปหาลูกค้าคนถัดไป

“สวัสดีครับ ผมมีคำถาม…”

“คู่รักประหลาดๆกับคำขอร้องประหลาดๆ” หญิงสาวพึมพำแล้วทานอาหารต่อ

ขณะที่กั๋วรุ่ยยังถามต่อไปอยู่นั้นก็มีลูกค้าบางคนที่ตอบตกลงในขณะที่บางคนก็ไม่ตอบตกลง แน่นอนว่าย่อมมีลูกค้าเป็นจำนวนค่อนข้างมาก ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโอกาสดีและผู้คนก็เต็มใจที่จะส่งคำอวยพรของพวกเขาให้ผู้อื่นด้วย

ส่วนผู้ที่ไม่ตอบตกลงนั้น ส่วนใหญ่พวกเขาก็จะมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับหญิงสาวคนก่อนหน้านี้ แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ไม่ชอบถ่ายรูปด้วย

นอกจากนี้ยังมีบางคนที่เชื่อว่ารูปแต่งงานครั้งแรกควรมีไว้เพื่อการแต่งงานของพวกเขาเองจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้

หลังจากเขาถามเสร็จแล้ว กั๋วรุ่ยก็กลับไปหาฉินหลัวแล้วเริ่มทานอาหาร

“ยังไงอาหารที่นี่ก็ดีที่สุดใช่ไหมล่ะ?” กั๋วรุ่ยกล่าวหลังจากตักอาหารเข้าปาก

ฉินหลัวพยักหน้าแล้วคีบอาหารจากถ้วยของเธอเข้าปากของกั๋วรุ่ย

“แน่นอนว่าอาหารของอาหลัวย่อมดีที่สุดอยู่แล้ว” กั๋วรุ่ยกล่าวตามตรงหลังจากกินเข้าไป

นี่เป็นช่วงฮันนี่มูนของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงสวีทกันมากแม้แต่ตอนทานอาหารก็ไม่เว้น ถึงแม้หยวนโจวจะไม่ได้เติมน้ำตาลลงในอาหารเลย แต่พวกเขาก็รู้สึกเหมือนอาหารหวานเอามากๆเลย

หลังจากอาหารมื้อนั้นสิ้นสุดลง พวกเขาก็เดินออกจากร้านแล้วยืนรออยู่ข้างนอกจนมื้อเที่ยงสิ้นสุดลง จนลูกค้าทุกคนกับโจวเจียกลับไปแล้ว พวกเขาค่อยเข้ามาอีกครั้ง

“สวัสดีครับ เถ้าแก่หยวน” พวกเขาทักทายหยวนโจว

“คุณมาแล้ว” หยวนโจวพยักหน้า

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาร้านแห่งนี้หลังจากงานแต่งงานของตนเอง อันที่จริงแล้ว นี่เป็นการทักทายหยวนโจวเป็นครั้งแรกในวันนี้เลยก็ว่าได้

“อืม พวกเราอยากขอความช่วยเหลือบางอย่างจากเถ้าแก่หยวนหน่อยครับ” กั๋วรุ่ยรู้ว่าหลังมื้อเที่ยงหยวนโจวคงจะเหนื่อยมากเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงพูดเข้าประเด็นทันที

“ได้ ถามมาสิ” หยวนโจวพยักหน้า

แน่นอนว่าหยวนโจวย่อมได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่พวกเขาเดินไปทั่วร้านเพื่อถามลูกค้าคนอื่นๆ แน่นอนว่าย่อมมีบางคนที่น่าจะเชื่อว่าอาจจะไม่เป็นการเคารพสักเท่าไหร่หสกไม่มาถามหยวนโจวเสียก่อน โชคดีที่หยวนโจวไม่คิดมากแถมยังใจเย็นอีกต่างหาก

ที่จริงแล้ว กั๋วรุ่ยกับฉินหลัวไม่อยากรบกวนเถ้าแก่หยวนขณะที่เขากำลังทำอาหาร ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่มาถามเขาหลังมื้อเที่ยงแล้ว

“คุณก็รู้นี่นา พวกเราอยากจะใช้ร้านของคุณเป็นฉากหลังในรูปแต่งงานของเรา ผมหวังว่าเถ้าแก่หยวนจะตอบตกลงเรื่องนั้นนะครับ” กั๋วรุ่ยกับฉินหลัวก้มศีรษะแล้วมองหยวนโจวอย่างเอาจริงเอาจัง

“ในร้านงั้นเหรอ?” หยวนโจวถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง พวกเขาอดที่จะถามออกมาไม่ได้ว่าเขาจะตอบตกลงหรือไม่

“เปล่าหรอกครับ นั่นอาจจะเป็นการรบกวนการเปิดร้านของคุณได้ พวกเราคิดว่าจะถ่ายรูปจากนอกร้าน แน่นอนว่าร้านของคุณย่อมปรากฏอยู่ในรูปด้วย ถ้าคุณไม่ตกลง พวกเราก็จะใช้ถนนเป็นฉากหลังแทนครับ” กั๋วรุ่ยพยักหน้าแล้วอธิบาย

“ไม่มีปัญหา ผมยินดี” หยวนโจวพยักหน้า

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset