อยากกินไหมล่ะ 745

ตอนที่ 745

เพื่อน

 

“คุณไม่พอใจงานชิ้นนี้เหรอครับ?” ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างรู้สึกอารมณ์เสียจนอดที่จะส่งเสียงดังออกมาไม่ได้ แต่เขาก็ต้องเสียใจทันทีหลังจากกล่าวเช่นนั้นออกมา เสียงดังอาจจะส่งผลต่อหยวนโจวที่กำลังแกะสลักได้

ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างไม่กล้าบอกว่าสิ่งที่เขาต้องการสูงอีกต่อไป สิ่งที่เขาคิดก็คือสิ่งที่เขาต้องการทำให้ผู้อื่นประสบความผิดพลาดเอาได้ง่ายๆ

เสียงที่ดังขึ้นหาได้มีผลต่อหยวนโจวแต่อย่างใด เขาหยิบหัวผักกาดขึ้นมาอีกแล้วแกะสลักต่อไปโดยไม่ลังเล

ในขณะเดียวกัน ทอมก็อยากจะเอามือดันแว่นตาโดยไม่รู้ตัวแต่นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขาไม่ได้สวมแว่นตามาด้วย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกรำคาญและอับอายขึ้นมาทันที

“พวกเรากำลังแสดงฝีมือต่อหน้าผู้ชำนาญเข้าเสียแล้ว” ทอมเอ่ยสำนวนจีนทั้งสองประโยคด้วยใบหน้าแดงก่ำ

เชฟร้านเล็กๆแห่งนี้ช่างสุดยอดไปเลย!

ทอมรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ออกจะอันตรายเกินไปแล้วเขาต้องรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย ขณะที่เขาเตรียมตัวที่จะหลบฉากออกไปด้วยความกระดากใจ หยวนโจวก็แกะสลักเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมา

“ให้ช่วยอะไรไหมครับ?” หยวนโจวถามอย่างไม่ใสใจ

“ไม่เป็นไรครับ…” ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างยังคงตกตะลึงจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี ดังนั้นเขาจึงมองไปทางทอมโดยไม่รู้ตัว

สีหน้าของทอมเปลี่ยนเป็นแดงก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเขียว ดูจากภายนอกแล้ว เขาดูไม่ต่างอะไรจากถูกพิษเข้าไปเลย เขาเงียบไปสักพักก่อนที่จะพูดตะกุกตะกัก “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมแค่จะมาดูว่าพวกเราควรจะตั้งกล้องวิดีโอตรงไหนถึงจะสามารถถ่ายทำการแกะสลักของคุณได้น่ะครับ”

ในฐานที่เป็นหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ของรายการวาไรตี้โชว์ยอดนิยม ยามปกติทอมจะเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า แทบจะไม่มีใครเคยเห็นเขาพูดจาตะกุกตะกักแบบนั้นโดยปราศจากความมั่นใจเลย

“อย่าถ่ายหน้าผมนะครับ” หยวนโจวกล่าว

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พวกเราจะไม่ถ่ายหน้าคุณแน่ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับคุณเลยครับ” คราวนี้ทอมเรียกเขาด้วยความเคารพนับถือ

ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงรู้สึกผิดยามนึกถึงเรื่องที่เดิมทีเขาเตรียมจะมาสั่งสอนหยวนโจว เรื่องที่เขาต้องให้ความใส่ใจและแม้แต่เตรียมที่จะส่งมีดแกะสลักสักชุดมาให้เขาเสียด้วยซ้ำไป เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว เขาก็อายแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้ว

“อืม” หยวนโจวพยักหน้า เมื่อมองเห็นท่าทางประจบประแจงและนิ่งเงียบของคนทั้งสองแล้ว หยวนโจวก็ก้มหน้าลงแล้วเริ่มแกะสลักอีกครั้ง

“ฟู่… รีบไปกันเถอะ” ทอมหันมาขู่ทันทีแล้วหันหลังจากไปก่อนเมื่อเขาพบว่าหยวนโจวก้มหน้าลงไปแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะการวิ่งจะทำให้ดูเหมือนผู้มาใหม่แล้วล่ะก็ทอมก็แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะวิ่งออกไปแล้ว

“ขายขี้หน้าชะมัดเลย!” ทอมรู้สึกได้ว่าความอับอายกำลังตามติดเขาราวกับเงาตามตัวไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนจึงทำให้เขาต้องรีบก้าวเดินจากไป

ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเถ้าแก่หยวนจะสุดยอดขนาดนี้ ตอนนี้มิสเตอร์ทอมคงรับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของอาหารจีนแล้วล่ะ ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างที่ติดตามทอมอยู่ทางด้านหลังคิดอย่างภาคภูมิใจ

อาหารจีนช่วยเปลี่ยนโลกทัศน์ทั้งสามประการของทอมโดยไม่ต้องอาศัยรสชาติเลยเสียด้วยซ้ำ

สองวันผ่านไปหลังจากชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างและมิสเตอร์ทอมได้มาเยือนร้านหยวนโจว ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ทุกอย่างในร้านหยวนโจวดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก

จำนวนเงินในกล่องใส่เงินตรงประตูอาจจะมากขึ้นหรือน้อยลงเป็นครั้งคราวไป บางครั้งเจียงฉางซี่กับหยวนโจวก็จะใส่เงินลงไปด้วย

บางคนไม่ได้นิสัยดีอย่างที่คิด มีอยู่หลายคนที่ชอบหาประโยชน์เล็กๆน้อยๆ ในขณะเดียวกันบางคนก็ไม่ได้นิสัยเลวร้ายอย่างที่คิด ก่อนหน้านี้มีนักท่องเที่ยวจากเมืองซานซีของมณฑลหูเป่ย์ เขานั่งรถจากเมืองซานซีมาที่นี่เพียงเพื่อเอาเงิน หยวนมาหย่อนลงกล่องใส่เงินเท่านั้น

ในตอนนั้นเขาเผอิญได้เจอเข้ากับหม่าจื้อต๋า หม่าจื้อต๋าพึมพำอย่างมีความสุขว่าเขาช่างเป็นคนที่ซื่อตรงเหลือเกินแล้วถามนักท่องเที่ยวผู้นั้นว่าทำไมเขาต้องทำแบบนั้นด้วยเล่า แต่นักท่องเที่ยวไม่ตอบทว่ากลับหันหลังจากไปอย่างรีบร้อน ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้ยินหรือไม่หรือว่าเขาเป็นคนถือเนื้อถือตัวก็สุดจะรู้ได้

เขาเป็นคนที่มีเรื่องเล่าเยอะแยะมากมาย น่าเสียดายที่ใช่ว่าทุกเรื่องจะสามารถเล่าให้ผู้อื่นฟังได้

โชคดีที่หม่าจื้อต๋าไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ นอกจากนั้นเขายังรู้สึกค่อนข้างมีความสุขอีกต่างหาก ถึงอย่างไรนั่นก็หมายความว่ากล่องใส่เงินของเขานั้นได้ผล

ดังนั้นหม่าจื้อต๋าจึงไปร้านหยวนโจวด้วยความตื่นเต้นในวันเดียวกันนั้นเอง

“ไม่เจอกันตั้งนาน พักนี้ก็ยังไม่มีอาหารจานใหม่หรอกนะ” ลูกค้าคนหนึ่งกล่าวติดตลกเมื่อเห็นหม่าจื้อต๋า

“วันนี้ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาทานอาหารจานใหม่หรอกน่า ฉันมาที่นี่เพื่อมาตรวจสอบแล้วก็ยอมรับความสำเร็จของตัวเองต่างหากล่ะ” หม่าจื้อต๋าระเบิดหัวเราะออกมา

“นายนี่มันกระฉับกระเฉงดีชะมัดเลย พอกลับมาแล้วก็รีบแจ้นมาทันทีเชียวนะ” อู๋โจวกล่าว

“แหงอยู่แล้ว ฉันต้องมาที่นี่อยู่แล้วล่ะถ้าไม่ต้องเดินทางไปทำธุระเป็นบางครั้งบางคราวอ่ะนะ” หม่าจื้อต๋ากล่าวพลางอมยิ้ม

“แต่วันนี้ฉันยังไม่เห็นพี่เจียงมาเลย” จู่ๆลูกค้าผู้แสนกระตือรือร้นก็ลุกขึ้นทันทีแล้วกวาดตามองไปทางผู้คนในแถวจนทั่วทันที

“เธอไม่มาจริงๆด้วย” หม่าจื้อต๋าเองก็มองจนทั่วและพบว่าเธอไม่ได้อยู่ในแถว

“อีกสักพักก็คงจะมาแหละ” ลูกค้าคนหนึ่งกล่าวขึ้นทันที

“อืม เดี๋ยวเธอก็มา” ลูกค้าคนอื่นๆพากันกล่าวขึ้นมาทีละคนๆ

ถึงแม้ว่าเจียงฉางซี่จะไม่ได้มาร้านหยวนโจวอยู่ทุกวี่ทุกวัน แต่เธอก็จะมาไม่เคยขาดตราบเท่าที่มีเวลา ดังนั้นหม่าจื้อต๋าจึงไม่เป็นห่วงเรื่องนี้และเข้าแถวด้วยความสบายอกสบายใจ

เขารอแล้วรอเล่าจนทานอาหารเสร็จแล้ว เจียงฉางซี่ก็ไม่โผล่มาเลย หม่าจื้อต๋ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ในวันที่สอง หม่าจื้อต๋าก็ไปร้านหยวนโจวอีกครั้ง แต่เจียงฉางซี่ก็ยังไม่มา นั่นออกจะเป็นเรื่องแปลกมากเลยทีเดียว

จนวันที่สามเจียงฉางซี่ก็ยังไม่มา แต่ในเช้าวันที่สี่ หม่าจื้อต๋าก็อดที่จะพึมพำกับตัวเองไม่ได้

“เธอไม่กล้ามาที่นี่เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะแพ้หรือเปล่านะ?” หม่าจื้อต๋าอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเองระหว่างที่กำลังทำงาน

“นายว่าไงนะ?” เพื่อนร่วมงานของเขาถามด้วยความสงสัย

“เปล่านี่” ทันใดนั้นหม่าจื้อต๋าก็รู้สึกตัวจึงส่ายหน้าทันที

“ไม่ ไม่ ไม่ นายต้องมีเรื่องอะไรในใจอยู่แน่ๆเลย” เพื่อนร่วมงานคนนี้จ้องมองหม่าจื้อต๋าด้วยรอยยิ้มราวกับปีศาจอันเผยให้เห็นเจตนาชั่วร้ายของเขา

“ทำเองแล้วกัน ฉันไม่มีเวลา แล้วฉันก็ไม่อยากทำงานล่วงเวลาด้วย แค่นี้ก็ยุ่งมากแล้ว” หม่าจื้อต๋าตอบอย่างว่องไวขึ้นมาในทันที

เพื่อนร่วมงานคนนี้มักจะขี้เกียจทำงานและชอบขอร้องให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆช่วยเขาทำงานอยู่เสมอ หม่าจื้อต๋าเคยถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่งและเขาจะไม่ยอมโดนหลอกอีกครั้งแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องทำให้เขารู้จักตำแหน่งแห่งที่ของตัวเอง

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน งั้นก็ต้องเป็นเรื่องอื่นแล่วล่ะ” เพื่อนร่วมงานของเขาส่ายหน้าแล้วยื่นแขนมาแตะไหล่ของหม่าจื้อต๋าทันที

“เปล่า ไม่ใช่เรื่องอื่นหรอก ฉันจะทำงานแล้ว ไว้ค่อยคุยกันหลังเลิกงานเถอะ” หม่าจื้อต๋าปัดแขนออกจากไหล่ตัวเองแล้วเตรียมหลบเลี่ยงโดยใช้เรื่องงานเป็นข้ออ้าง

“ไม่เอาน่า อย่าทำแบบนี้กับเพื่อนร่วมงานสิ ช่วงนี้ได้โบนัสหรือถูกลอตเตอรี่มางั้นเหรอ?” เพื่อนร่วมงานคนนี้ยับยั้งหม่าจื้อต๋าแล้วถามเขาในรวดเดียว

“อะไรนะ?” หม่าจื้อต๋ามองเพื่อนร่วมงานของเขาด้วยสีหน้าสับสน

“อย่ามาทำไก๋ไปหน่อยเลย นายยไปทานอาหารมื้อค่ำที่ร้านหยวนโจวมาสามวันติดๆ นายถูกลอตเตอรี่หรือได้โบนัสกันล่ะ” เพื่อนร่วมงานของเขากล่าวด้วยความมั่นใจ

“เปล่าอ่ะ ไม่ใช่สักอย่าง นายเข้าใจผิดหมดเลย ฉันไปที่นั่นแต่ไม่ได้ไปกินอะไรหรอก ฉันไปที่นั่นเพื่อรอใครบางคนน่ะ” หม่าจื้อต๋ากล่าว เขาพบว่ามันทั้งน่าขันและน่ารำคาญสิ้นดี

“จริงดิ?” เพื่อนร่วมงานของเขาสงสัยอยู่นิดหน่อย

“แน่นอน ถ้าฉันถูกลอตเตอรี่ นายจะเป็นคนแรกที่ฉันจะพาไปเลี้ยงอาหารมื้อค่ำเลยล่ะ” หม่าจื้อต๋ากล่าวเช่นนั้นออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“งั้นก็ดี ถึงตอนนั้นอย่าลืมฉันล่ะ” หลังจากเพื่อร่วมงานกล่าวเช่นนั้นแล้ว เขาก็โบกมือแล้วกลับไป

“น่ารำคาญชะมัดเลย! พี่เจียงยังไม่มาอีก เธอจะมาหรือไม่มาวะเนี่ย?” หม่าจื้อต๋าถอนหายใจ

ทันทีที่พักกลางวัน หม่าจื้อต๋าก็เดินตรงไปที่ร้านของหยวนโจว แน่นอนว่าเขาย่อมต้องซื้ออาหารก่อนที่เขาจะไปที่นั่น

เมื่อเขาไปถึงที่นั่น ทางเข้าร้านหยวนโจวก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากมาย แต่เจียงฉางซี่ก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น

“ทำไมยัยผู้หญิงคนนั้นถึงยังไม่มาอีกนะ?” หม่าจื้อต๋าพึมพำขณะทานอาหาร เขารอแล้วรอเล่าจนบรรดาลูกค้าเริ่มได้ตั๋วหมายเลขกันแล้ว

แต่เจียงฉางซี่ก็ยังไม่ปรากฏตัวสักที

“แปลกชะมัดเลย เกิดอะไรขึ้นกับพี่เจียงหรือเปล่านะ? พี่เจียงไม่เคยหายหน้าหายตาไปตั้งสองสามวันแบบนี้มาก่อนเลย” หม่าจื้อต๋าชักจะรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาเสียแล้วเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ตอนที่เขารู้สึกแปลกๆและไม่พอใจอยู่บ้าง

หม่าจื้อต๋าหยิบโทรศัพท์ออกมาโดยไม่รู้ตัวแล้วเตรียมที่จะโทรหา เขาเลื่อนรายชื่อผู้ติดต่อและพบว่าเขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเจียงฉางซี่เลย

“ฉันลืมบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเธอเอาไว้เสียด้วยสิ ไม่เป็นไร งั้นไปถามเจ้าคนหน้าไม่อายอู๋ก็แล้วกัน” หม่าจื้อต๋าเตรียมที่จะเดินไปถามอู๋ไห่

หม่าจื้อต๋ากับเจียงฉางซี่นับได้ว่าเป็นเพื่อนกัน แต่พวกเขาเพียงแค่เจอหน้าแล้วก็คุยกันในร้านหยวนโจวเท่านั้น พออยู่นอกร้านหยวนโจวแล้ว ด้วยความที่พวกเขาไม่ได้อยู่แวดวงเดียวกันจึงแทบจะไม่เคยติดต่อหากันเลย ดังนั้นเขาจึงไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเธอ

หม่าจื้อต๋าไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น

การเป็นเพื่อนกันไม่ได้หมายความว่าต้องห่วงใยกันและกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่คนที่ห่วงใยคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นย่อมเป็นเพื่อนของคุณอย่างแน่นอน ถึงแม้ยามปกติพวกเขาจะไม่ได้ติดต่อกันเลยก็ตามที

ส่วนมากคนที่คุณห่วงใยอาจไม่จำเป็นต้องอยู่ในรายชื่อของคุณก็ได้

เช่นเดียวกับหม่าจื้อต๋าที่เป็นห่วงเจียงฉางซี่ เฉินเว่ยที่เป็นห่วงพี่วั่นและม่านม่านที่เป็นห่วงเถ้าแก่หยวน…

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset