อยากกินไหมล่ะ 741

ตอนที่ 741

บทที่ 741 สถานที่เป็นอย่างไรบ้างเล่า?

รายการวาไรตี้โชว์หรือแม้แต่เรียลลิตี้โชว์จะจัดเตรียมสถานที่ถ่ายทำเอาไว้ก่อน ในงานวิจัยด้านการบริหารเชื่อกันว่าคนๆหนึ่งสามารถจัดการกับคนอื่นได้มากที่สุดหกคน แต่ทีมถ่ายทำจะมีแค่หกคนได้อย่างไรกันเล่า? ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างถ่ายทำก็ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมทุกอย่างล่วงหน้ามาก่อนแล้ว

รายการโรล เดียร์ บีฟ ได้เซ็นต์สัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างเป็นคนที่มาเจรจาต่อรองจนสำเร็จ ประมาณไม่กี่สิบวันหลังจากนั้น เขาก็นำทางแล้วพาทอมหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ของทีมงานมาตรวจสอบสถานที่ถ่ายทำอีกครั้ง ถึงอย่างไรก็จำเป็นต้องมาติดตั้งกล้องและไฟในตำแหน่งเฉพาะระหว่างการถ่ายทำอยู่แล้ว ทั้งหมดนี้เป็นงานของแผนกโลจิสติกส์ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมาที่นี่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามที

ทอมฟังดูแล้วเหมือนชื่อของชาวต่างชาติ แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนจีน ตัวเขามีชื่อเดิมว่าถังตงแต่มาเปลี่ยนชื่อเอาในภายหลัง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนจีน แต่เขาก็ไปเรียนต่อในอเมริกามาสองสามปีแล้วตอนนี้เขาก็คิดว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติไปแล้ว ดูจากชื่อเขาสิแค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้ว

“มิสเตอร์ทอมเกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้ว พวกเราจะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีจากสนามบินไปถนนเถ่าซือ ถ้าหากพวกเราไม่เคลื่อนตัวให้เร็วขึ้นก็คงต้องติดแหง็กอีกนานเลยล่ะ” ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างกล่าว เขาบอกเรียกทอมว่ามิสเตอร์ทอมก็เพราะนี่เป็นความต้องการของเขา ส่วนตัวเขานั้นอยากเรียกเขาว่าหัวหน้าถังมากกว่า

“ยังมีเวลาเดินทางอีกตั้ง 40 นาที ยังไงพวกเราก็ไปถึงก่อนห้าทุ่มครึ่งได้สบายๆ คุณจะตื่นตระหนกไปทำไมกันเล่า?” ทอมขมวดคิ้ว การนั่งเครื่องเป็นเรื่องที่เหนื่อยเอามากๆเลย ดังนั้นเขาจึงอยากนั่งพักจิบกาแฟเสียก่อน

“มิสเตอร์ทอม ในเมื่ออาหารร้านหยวนโจวรสชาติอร่อยมาก… ผมหมายความว่าในเมื่อร้านหยวนโจวถึงขนาดได้ออกข่าวและออกทีวีก็คงจะมีลูกค้ามาต่อคิวเยอะทุกวันเป็นแน่” เขาอยากจะบอกว่าเพราะอาหารที่ร้านหยวนโจวรสชาติอร่อยมาก แต่จู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าทอมผู้นี้เอาแต่เชื่อว่าอาหารจีนไม่เคยใส่ใจคุณค่าทางโภชนาการ การจัดจานและอื่นๆเลย เขามักจะมีคำวิพากษ์วิจารณ์อาหารจีนเยอะแยะมากมายอยู่เสมอ พูดง่ายๆก็คือทอมไม่ชอบอาหารจีนแถมยังเชื่อว่าอาหารฝรั่งเศสดีที่สุดอีกด้วย

ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างเป็นคนที่มีอีคิวดี เขารู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ถึงแม้เจ้าทอมผู้นี้จะไม่ใช่หัวหน้าของเขาโดยตรงและไม่ได้มาจากแผนกเดียวกับเข้าเสียด้วยซ้ำไป แต่เขาก็หาใช่คนประเภทที่จะสร้างความขุ่นเคืองให้คนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงกว่าตัวเองเพียงเพื่อสนองความต้องการบางอย่าง

ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำพูดจากร้านหยวนโจวมีอาหารรสชาติอร่อยให้กลายเป็นร้านหยวนโจวเป็นร้านที่มีชื่อเสียงแทนเสียเลย

“ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยที่พวกเขาเลือกสถานที่ถ่ายทำแบบนั้นน่ะ ทั้งเวลลิงตันและไพเบอร์เกอร์ก็ออกจะดี ทำไมพวกเขาต้องเลือกร้านอาหารจีนกันด้วยก็ไม่รู้? เพียงเพราะเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงน่ะเหรอ?” ถึงแม้ทอมจะเชื่อว่าอาหารจีนเทียบไม่ได้กับอาหารฝรั่งเศส แต่เขาก็กลายเป็นหัวหน้าด้วยความสามารถของตัวเองล้วนๆ

วันนี้ นอกเหนือไปจากการสรุปรายละเอียดกับเถ้าแก่ร้านอาหารแล้ว พวกเขายังต้องเจรจาต่อรองกับร้านค้าในละแวกข้างเคียงให้สำเร็จด้วย และในคืนเดียวกันเขาก็ต้องบินกลับไปสถานีโทรทัศน์ มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยในเวลาอันน้อยนิด ดังนั้นทอมจึงต้องล้มเลิกความคิดที่จะไปดื่มกาแฟลง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เลิกบ่นหรอก

“ในด้านความมีชื่อเสียง ทั้งเวลลิงตันและไพเบอร์เกอร์ก็มีชื่อเสียงมากเช่นกัน ผมไม่เข้าใจเสียจริงๆเลยว่าผู้กำกับตัดสินใจแบบนี้ได้ยังไง”

เวลลิงตันและไพเบอร์เกอร์ที่ทอมเอ่ยถึงคือร้านอาหารสไตล์ตะวันตกทั้งสองแห่งในเฉิงตู ร้านอาหารทั้งสองแห่งนี้เคยออกทีวีมาก่อนแล้วเช่นกัน แถมเชฟที่นั่นยังเป็นคนฝรั่งเศสอีกต่างหาก ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างไม่ตอบและเอาแต่จดจ่ออยู่กับการเรียกรถแท็กซี่แทน เนื่องจากพวกเขาต้องเข้าคิวรอแท็กซี่จากสนามบิน ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างจึงใช้โทรศัพท์มือถือเรียกแท็กซี่แทน

หลังจากพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้วก็รีบบึ่งไปที่ถนนเถ่าซือในทันที

ทอมอยู่ในรถแท็กซี่จนเบื่อจึงเริ่มหัวข้อสนทนาโดยถามขึ้นมาว่า “คุณชอบสเต็กไหม?”

“กับสเต็กผมยังไงก็ได้อยู่แล้วครับ เผอิญว่าผมกินมาหลายครั้งแล้ว” แน่นอนว่าชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างย่อมไม่ได้พูดให้หมด อันที่จริงแล้วชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างเคยกินสเต็กในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเมื่อตอนที่เขายุ่งกับงานเท่านั้น

ทอมส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “การทอดด้วยน้ำมันเล็กน้อยเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะแสดงรสชาติของเนื้อได้อย่างเต็มที่ เมื่อตอนที่ผมไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ผมบังเอิญโชคดีที่จองที่นั่งในร้านของไมค์ได้ มิสเตอร์ไมค์เองก็ทำสเต็กและนั่นก็เป็นสเต็กที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยกินมาเลยก็ว่าได้ สเต็กช่างแสนชุ่มฉ่ำอย่างไม่น่าเชื่อเชียวล่ะ”

ระหว่างที่เขาพูด ทอมก็จมจ่อมอยู่ในความทรงจำของตนเองแล้วเริ่มกลืนน้ำลายเมื่อหวนระลึกถึงรสชาตินั้นได้

“ต่อมาผมก็รู้มาจากมิสเตอร์ไมค์ว่าเนื้อที่นำมาใช้ในร้านของเขาล้วนแล้วแต่มาจากเบอร์กันดีซึ่งมีโคพันธุ์ชาร์โรเล่ส์หนึ่งในสี่สุดยอดสายพันธุ์โคของโลก ทั่วทั้งตัวของโคพันธุ์นี้เป็นสีขาวและรสชาติของเนื้อก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจลืมได้ลงเลยทีเดียว”

ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างไม่เคยกินมาก่อน ดังนั้นเขาจึงได้แต่รับฟังและพยักหน้าเป็นครั้งคราว

“หลังจากเดินทางมาที่ประเทศจีน ผมก็พบว่านอกเหนือไปจากร้านที่เปิดให้บริการโดยเชฟชาวฝรั่งเศส ก็ไม่มีร้านไหนที่สามารถทำสเต็กได้อร่อยเท่านี้มาก่อนเลย” ทอมดูเปี่ยมไปด้วยความขัดเคืองใจ “ไม่ต้องเอ่ยถึงคุณภาพเนื้อที่นำมาใช้เลย ใช้เวลาตอนทำสเต็กนานมากแถมยังไม่อร่อยอีกต่างหาก แล้วผมก็ได้ลองกินเนื้อทอดกับเนื้อผัดซอสด้วย พวกมันถูกทำลายรสชาติเดิมของเนื้อเสียจนเกลี้ยงเลย ผมพบว่าในอาหารจีน รสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบต่างๆมักจะถูกทำลายอยู่เสมอและนอกจากนั้นยังไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย”

ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างดวงตากระตุกยิกๆ เขาหมายความว่าอะไรกันที่บอกว่าเดินทางมาที่ประเทศจีน? เขาคิดว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติงั้นเหรอ? ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างอยากถามเขาจนแทบบ้าอยู่แล้ว ต้องขอบคุณสติของเขาที่บอกให้เขาสงบปากสงบคำเอาไว้

ประมาณห้าทุ่มยี่สิบนาที พวกเขาก็มาถึงสี่แยกถนนเถ่าซือ

“ถึงแล้วครับ มิสเตอร์ทอม” ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างกล่าวพลางนำทางไปด้วย

“สถานที่แห่งนั้นดูค่อนข้างโบราณมากทีเดียว” ทอมกล่าวพลางตรวจสอบสถานที่หลังจากลงรถแท็กซี่มาแล้ว

“ใช่ครับ นี่คือสถานที่ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเมืองอันแสนสับสนวุ่นวาย มิสเตอร์ทอม มื้อเที่ยวแล้ว พวกเราน่าจะไปเข้าคิวทานอาหารก่อนที่จะปรึกษาหารือกันต่อไปดีไหมครับ?” ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างถามขึ้นอย่างรู้จักกาลเทศะ

“มีคนมาที่นี่กันตั้งเยอะตั้งแยะ ในเมื่อเถ้าแก่เป็นคนทำอาหารเอง ฉันเดาว่าเขาคงจะมีเวลาว่างมากเชียวล่ะ งั้นเราก็ทานอาหารมื้อเที่ยงก่อนก็แล้วกัน” ทอมขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นว่าหน้าร้านหยวนโจวเนืองแน่นไปด้วยผู้คน

“งั้นก็ไปกันเถอะครับ ที่ร้านแห่งนี้ ทุกคนต้องเข้าคิวรอเอง” ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้ทานอาหารที่นี่

เขาอยากลิ้มลองอาหารที่ร้านหยวนโจวมานานแล้ว น่าเสียดายที่อาหารช่างราคาแพงเสียเหลือเกิน หากเขาจ่ายเงินเองก็น่าจะแพงเกินไป แต่ตอนนี้เขามาทานกับหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ เรื่องน่าจะต่างออกไปเพราะสามารถเบิกค่าอาหารจากบริษัทได้

ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างวางแผนที่จะได้ทานอาหารฟรีๆอย่างเอาเป็นเอาตาย อีกไม่นานเขาก็จะได้ลิ้มลองอาหารอร่อยในตำนานของร้านหยวนโจวแล้ว

“ไม่ล่ะ ร้านอาหารสไตล์ตะวันตกที่อยู่ข้างๆดูดีกว่า ไปกินที่นั่นกันเถอะ พวกเราจะได้จิบกาแฟสักถ้วยไปด้วย” ทอมกล่าวขึ้นเมื่อเขาเห็นร้านอาหารสไตล์ตะวันตกสองร้านที่อยู่ห่างจากร้านหยวนโจวออกไป

นั่นก็คือร้านของลี่ลี่นั่นเอง

“โอ้ ครับ” ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างตัวแข็งท่อไปทันทีก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วยแล้วมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารสไตล์ตะวันตก

เขาเดินราวกับถูกสูบพลังงานออกจากร่างกายไปจนหมดสิ้น

“วันนี้หัวหน้าเชฟคือลี่ลี่งั้นเหรอ? เป็นเขางั้นเหรอ? อาหารสไตล์ตะวันตกที่เขาทำรสชาติเยี่ยมมากทีเดียว ฉะนั้นเขาก็เลยมาเปิดร้านอยู่ที่นี่” ทอมเริ่มอ่านคำแนะนำหัวหน้าเชฟด้วยท่าทางที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

“เอาล่ะ ดูเหมือนว่ายังมีเรื่องดีๆที่ได้จากการทำงานอันแสนห่อเหี่ยวในครั้งนี้อยู่บ้างแหละนะ วันนี้เป็นวันดีของคุณแล้วล่ะ ผมจะให้คุณได้ลิ้มลองว่าสเต็กขนานแท้รสชาติเป็นอย่างไร” ทอมกล่าวอย่างมีความสุข

“ขอบคุณครับ มิสเตอร์ทอม” ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าตื้นตันใจ แต่กลับลอบสบถอยู่ในใจ

“ไอ้เวรเอ้ย แกมันไอ้ฝรั่งจอมปลอม จบเห่กันพอดีอาหารอร่อยของฉัน…” ชายที่ไว้ผมทรงเปิดข้างส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่ในใจ

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset