หัวโจก 2 กลับบ้าน?

ตอนที่ 2 กลับบ้าน?

ยวู่เต๋อไฮสคูล คือโรงเรียนมัธยมชื่อดังของเมือง H

ไม่เพียงมีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี ยังเป็นโรงเรียนมัธยมชั้นนำของประเทศอีกด้วย

ในแต่ละปี เด็กที่มีคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศมักเรียนจบจากโรงเรียนนี้ ทำให้มหาวิทยาลัยเหล่านั้นถูกติดแฮชแท็กและถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์

เด็กนักเรียนถูกแบ่งออกเป็นสองจำพวกอย่างชัดเจน กลุ่มแรกคือพวกบ้านรวย กลุ่มที่สองคือพวกหัวกะทิ ซึ่งเด็กหัวกะทิจะได้เรียนห้องกิฟต์ ส่วนเด็กบ้านรวยจะได้เรียนห้องธรรมดา

หนังสือพิมพ์ตราหน้ายวู่เต๋อไฮสคูลว่าเป็นโรงเรียนที่สอนให้เก่งแค่ในตำรา แต่ไม่ว่าสังคมจะวิจารณ์หนักแค่ไหนโรงเรียนก็ไม่ใส่ใจ เพราะสุดท้ายนักเรียนของที่นี่ก็สอบติดกันทุกคน

ห้องพยาบาลของโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ค่อนข้างมีระดับและหรูหรา แพทย์และพยาบาลถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี

สาววัยกลางคนร่างใหญ่ในชุดกาวน์สีขาว นั่งไขว่ห้างดูซีรีส์เกาหลีที่โอปป้ากำลังสวีทอยู่กับนางเอกแสนสวย ปากก็แทะเมล็ดทานตะวันไปด้วย

แอร์ถูกตั้งอยู่นอกห้องพยาบาล อุณหภูมิภายในจึงค่อนข้างสูง เตียงที่ตั้งติดกับหน้าต่างมีสาวผมทองนั่งอยู่ หลังมือยังคงมีสายน้ำเกลือเสียบคา สักพักเธอก็ทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ผมที่แห้งกรอบชี้ฟูอยู่แล้วผงาดขึ้นราวกับไม้กวาด

นี่มันอะไรกัน? เพียงแค่กดใช้บริการจากมือถือ ก็ต้องตื่นขึ้นมาในร่างเด็กมัธยมปลายที่ชื่อ ‘โจวจิ้ง’ อีกคน เธอพยายามปลอบใจตัวเองตลอดบ่าย สุดท้ายก็ยังทำใจไม่ได้

“สวรรค์ต้องส่งแพ็กเกจผิดมาแน่ๆ ชื่อนามสกุลเหมือนกันใช่ว่าจะทำงานมั่วๆ ได้นะ! หลอกลวงผู้บริโภคชัดๆ ต้องหักดาวแล้วฟ้องร้องให้เข็ด!”

เธอหวังว่าจะได้ไปเกิดในร่างของเด็กทารกหรือเริ่มจากสเปิร์มก็ยังดี แต่ไม่ใช่ในร่างของเด็กมัธยมปลายที่จดจำชีวิตช่วงสิบแปดปีที่ผ่านมาไม่ได้เลย

“แม่งเอ๊ย!” โจวจิ้งสบถด้วยความหงุดหงิด

ป้าพยาบาลร่างใหญ่เดินเข้ามาหาเธอแล้วถอดสายน้ำเกลือที่กำลังจะหมดออก จากนั้นก็นำสำลีมากดบนแผลโดยไม่พูดอะไร

สีหน้าเย็นชาและท่าทางไม่เต็มใจของอีกฝ่ายทำโจวจิ้งอดสงสัยไม่ได้ว่าเคยติดหนี้หล่อนรึเปล่า

“เอ่อ ไม่ทราบว่า…”

“อะไร อยากมีลูกอีกเหรอ?” ป้าพยาบาลพูดเสียดสี

“…”

“เด็กสมัยนี้ไร้ยางอายเหลือเกิน วันๆ คิดแต่เรื่องเพศสัมพันธ์ อยากรู้จริงๆ ว่าในตำราสอนอะไรบ้าง!”

ย้อนกลับไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว

หลังสะดุ้งตื่นบนเตียงในห้องพยาบาล โจวจิ้งลูบหน้าท้องอันแบนราบด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่แล้วตะโกนสุดเสียง “คุณหมอ ฉันเสียลูกไปแล้วใช่ไหม?!”

ป้าพยาบาลเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “ให้น้ำเกลือเสร็จแล้ว กลับบ้านได้!”

โจวจิ้งได้แต่กุมขมับ—กลับบ้าน? ให้กลับไปที่ไหนล่ะ? ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย!

แม้แต่กระเป๋าสะพายก็มีแต่ซองขนมหลากสี เครื่องสำอาง กระจก บุหรี่ และหนังสือภาษาอังกฤษที่มีชื่อเธออยู่บนนั้น นอกจากสิ่งของในกระเป๋า สีผมของเธอคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเด็กมัธยมปลายคนนี้ไม่ใช่เด็กดีอย่างแน่นอน

โจวจิ้งรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เพราะสามสิบปีที่ผ่านมาเธอคือนักเรียนดีเด่นของโรงเรียน คือพนักงานดีเด่นของบริษัท แต่ต้องกลายเป็นสก๊อยสาวเพียงชั่วข้ามคืน

“มือถือสักเครื่องก็ไม่มี!” เธอค้นกระเป๋าหนังสีดำติดเพชรของตัวเอง “ยัยเด็กนี่ต้องรับจ้างเป็นสายลับแน่ๆ ข้อมูลส่วนตัวไม่มีให้เห็นเลย!”

“ลูกพี่!” สิ้นเสียงตะโกน ชายผิวขาวรูปร่างผอมบางก็วิ่งเข้ามาในห้องแล้วยื่นมือถือให้เธอ “เลิกเรียนก็รีบมาหาเลย ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

สภาพของอีกฝ่ายทำโจวจิ้งแทบหงายหลัง ผมของเขาเป็นสีเขียวทั้งหัว เสื้อยืดที่ใส่ก็เป็นสีเขียว มองไกลๆ คิดว่าเต่าพูดได้

“สายเขียว…” เธออุทานเบา

ชายหัวเขียวที่มาใหม่ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะกระทืบเท้าไม่พอใจ “บอกว่าอย่าล้อชื่อนี้ จะดูไม่ดีในสายตาคนอื่น!”

โจวจิ้งขนลุกกับท่าทางสะดีดสะดิ้งของเขาพลางคิดในใจ—กลัวคนอื่นได้ยินชื่อแล้วจะคิดว่าเป็นเกย์สินะ

“ลูกพี่ดีขึ้นรึยัง?” หัวเขียวยื่นมือถือให้เธออีกครั้ง “ลูกพี่วิ่งเร็วเกินไป ดีที่ยัยมั่วลี่เก็บมือถือไว้ได้ ตอนแรกพวกเราจะรีบมาเยี่ยม แต่ครูประจำชั้นมาพอดีเลยต้องรอให้เลิกเรียนก่อน” เขาทำสีหน้าสำนึกผิด

โจวจิ้งที่กำลังมึนรีบรับมือถือแล้วกล่าวตัดบท “ขอบใจนะเจ้าเขียว”

หัวเขียวขมวดคิ้วมองเธอ “ลูกพี่เปลี่ยนชื่อให้ผมเหรอ?”

โจวจิ้งไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร จึงหยิบมือถือขึ้นดู แล้วก็ต้องปวดหัวกับเคสมือถือที่เต็มไปด้วยเพชร เจ้าของร่างเก่ามีรสนิยมแบบไหนกัน ติดเพชรขนาดนี้จะเอาไว้ส่องแทนกระจกเหรอ?

เจ้าเขียวยังคงเล่าต่อ “ไอ้ ‘เถาม่าน’ เป็นคนผลักลูกพี่ตกบันไดจนสลบ แต่ครูประจำชั้นกลับเข้าข้างมัน หาว่าลูกพี่ตกลงไปเอง ส่วน ‘หลินเกา’ ก็เข้าข้างเถาม่านตลอด ขนาดโตมาด้วยกันยังทำร้ายได้ลงคอ ใจดำจริงๆ!”

โจวจิ้งไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายบ่น เพราะไม่รู้ความเป็นมาของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

“ฉันมีเรื่องกับคนอื่นเหรอ?” เธอถามด้วยรู้สึกว่าเกย์หนุ่มหัวเขียวสนิทสนมกับเจ้าของร่างนี้

“ไม่ได้มีเรื่อง เขาเรียกว่าถูกกระทำฝ่ายเดียวต่างหาก!” เจ้าเขียวใส่อารมณ์

“อืม…” โจวจิ้งตอบเสียงเบา “ให้น้ำเกลือเสร็จแล้ว กลับกันเถอะ”

“รับทราบ” เจ้าเขียวถือกระเป๋าให้เธออย่างกระตือรือร้น

โจวจิ้งเหลือบมองกระจกบานโตในห้องพยาบาลแล้วเดินเข้าไปใกล้

ตั้งแต่ลืมตาตื่น เธอก็เอาแต่นั่งอยู่บนเตียง ไม่ได้พิจารณาใบหน้าของตัวเอง พอจะออกจากห้องจึงจัดระเบียบหน้าผมเล็กน้อย

จังหวะที่เจ้าเขียวกำลังจะสะพายกระเป๋า เสียงกรี๊ดของโจวจิ้งก็ทำเขาตกใจจนเกือบโยนกระเป๋าทิ้ง

เธอมองตัวเองที่สวมเสื้อสายเดี่ยวรัดรูป กางเกงขาสั้นขาดเป็นรูผ่านกระจก นับคร่าวๆ น่าจะมีต่างหูกว่าสิบอันห้อยอยู่ ไม่ต้องพูดถึงผมเผ้าและใบหน้าที่หาเค้าโครงเดิมแทบไม่เจอ นั่นก็เพราะ
อายไลเนอร์ที่หนาเท่าฝาบ้าน เปลือกตาที่ถมกากเพชรจนไม่เหลือที่ว่าง และขนตาปลอมแสนสะพรึงที่หลุดไปแล้วข้างหนึ่ง ทำให้เธอดูไม่ต่างจากซุนหงอคง

ลิงตัวเอกในหนังไซอิ๋ว

หัวโจก

หัวโจก

Score 10
Status: Completed

ชาติที่แล้วโจวจิ้งวัยสามสิบเอ็ด พกความซวยมาเต็มพิกัด

อุตส่าห์เกิดมาเรียนดี ดันยากจน!

อุตส่าห์หลุดจากคานได้แต่งงานมีผัว อ้าวผัวมีกิ๊ก!

อุตส่าห์ท้อง กลับตายทั้งกลมในห้องคลอด

ดราม่าสุด ๆ! สวรรค์ต้องการอะไรจากฉัน…หา?!

ด้วยความรู้สึกผิด สวรรค์เซอร์วิสจึงส่งเธอไปเกิดใหม่

โจวจิ้งตื่นมาในร่างสก๊อยสาวผมทองวัยสิบแปดที่ตกบันไดหัวกระแทกพื้น

เพราะตบตีแย่งเด็กผู้ชายห้องกิฟต์ที่ไม่ได้หล่ออะไรเลย

เจ้าของร่างนี้เงินก็ไม่มี หัวก็ขี้เลื่อย แถมยังมีศัตรูรอเช็กบิลเป็นหางว่าว

มีดีอย่างเดียว… นมบึ้ม!

เรื่องราวการเอาชีวิตรอดในรั้วโรงเรียนมัธยมปลาย

และวีรกรรมปราบเด็กแสบของอดีตป้าวัยสามสิบเอ็ด จึงเริ่มต้น

Options

not work with dark mode
Reset