สอนรักอดีตภรรยา 36 สอดรู้สอดเห็นจนกลายเป็นเรื่องของตัวเอง

ตอนที่ 36 สอดรู้สอดเห็นจนกลายเป็นเรื่องของตัวเอง

ตอนที่เกิดเรื่องอาจจะมีเวลาไม่ถึงวินาที แต่หนานซ่งไม่ใช่ว่าจะหลบไม่ทัน

แต่ไม่รอให้เธอหลบ ก็โดดฝ่ามือใหญ่ดึงไป แล้วร่างกายก็ล้มไปทิศทางตรงกันข้ามอย่างควบคุมไม่ได้ จมูกก็ชนกับแผ่นอกที่แข็งแรงเต็มๆ ทั้งแสบทั้งปวด จนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา

แรงยวี่จิ้นเหวินเยอะ สถานการณ์ที่เร่งรีบจึงไม่ได้เก็บแรง แล้วกดหนานซ่งเข้ามาในอ้อมกอดเขา ใบหน้าเกือบครึ่งของหนานซ่งแนบอยู่ที่แผ่นอกเขา จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างชัดเจน ตึก! ตึก! ตึก!

ความรู้สึกนี้ เป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นชิน

มีชั่ววินาทีหนึ่งหนานซ่งก็อึ้งนิ่งไป

เธอแต่งงานกับผู้ชายคนนี้มาสามปี เขาไม่เคยแตะต้องเธอเลย ระยะห่างที่ใกล้ชิดเหมือนวันนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่ที่เธอรู้จักเขา

หนานซ่งก็เคยจินตนาการว่าความรู้สึกที่โดนยวี่จิ้นเหวินกอดจะเป็นยังไง เธอคิดว่าคงหวานมาก ไม่คิดเลยว่าจะแสบ เธอคิดว่าอ้อมกอดเขาจะนุ่มนวล ไม่คิดเลยว่าจะแข็งขนาดนี้!

เขาไปยกลูกทุ่มในฟิตเนสเหรอ? ทำไมหน้าอกถึงแข็งขนาดนี้!

หนานซ่งจับจมูกที่น่าสงสารของตัวเอง ดีนะที่เป็นของแท้ ไม่งั้นตอนนี้คงต้องไปทำใหม่แล้ว

“ขอโทษนะครับ ขอโทษครับ……” สตาฟเห็นว่าเกือบจะล้มทับคน จึงตกใจแล้วรีบขอโทษ

ยวี่จิ้นเหวินพูดเสียงเข้มงวด “ทำอะไรระวังหน่อย”

ถึงแม้สตาฟจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่การแต่งตัวแล้วก็ภาพลักษณ์ของเขา แค่ดูก็รู้ว่าต้องเป็นคนใหญ่คนโตที่มีเรื่องด้วยไม่ได้แน่นอน จึงรีบพยักหน้าให้ แล้วถอยออกไป

หนานซ่งอดทนกับความแสบจมูก จนสตาฟออกไปหมดแล้ว หลังเวทีจึงเหลือแค่พวกเขาสองคน บรรยากาศจึงเงียบกริบทันที

ทั้งสองยืนอยู่เงียบๆ ยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น แล้วเพิ่งรู้ตัวว่า……

ร่างกายของพวกเขาสองคน แนบชิดติดกันอยู่

ความแข็งแกร่งของผู้ชาย ความนุ่มนวลของผู้หญิง แนบชิดติดกันอยู่อย่างนั้น กลิ่นเฟอร์กับกลิ่นกุหลาบผสมกัน ความรู้สึกนี้……มีความอันตรายถึงชีวิต!

เหมือนมีกระแสไฟฟ้าช็อตจากเท้าขึ้นมาถึงบนหัว รู้สึกได้ว่าทั้งสองคนตัวแข็งทื่อ จากนั้นก็เหมือนไฟช็อตแล้วรีบแยกจากกัน

หนานซ่งกอดหน้าอกตัวเองไว้ ยวี่จิ้นเหวินก็กำมือแน่น ใบหูของทั้งสองคน แดงมาก

บรรยากาศก็เริ่มอึดอัดมากกว่าเดิม

หนานซ่งแอบหลับตาลง แล้วกำลังคิดว่าตัวเองควรปกป้องตัวเอง แล้วจะตบหน้าผู้ชายที่ฉวยโอกาสไหม

แต่พอมาคิดดูอีกที เมื่อกี้ที่เขากอดเธอก็เพื่อช่วยเธอ……คนอื่นมีน้ำใจช่วยเหลือ ควรได้รับคำชม แต่ไม่ใช่โดนตบหน้า

วินาทีนี้ในใจเธอว้าวุ่นมาก ส่วนยวี่จิ้นเหวินกลับไม่ได้คิดมากอะไรขนาดนั้น บรรยากาศความอึดอัดเริ่มหายไป เขาจึงรีบปรับสีหน้าให้เข้มงวด แล้วพูดตำหนิ

น้ำเสียงของเขาทั้งเย็นชาทั้งเยือกเย็น ฟังไม่ออกเลยว่าเป็นห่วง ได้ยินแต่คำตำหนิ

หนานซ่งที่ตั้งแต่เด็กจนโตไม่ค่อยโดนตำหนิจึงเถียงกลับทันที “คุณผู้ชายคะ ถ้าเมื่อกี้คุณไม่ดึงแบบนั้น ฉันก็หลบแล้ว ขอบคุณที่คุณมีน้ำใจช่วยเหลือ แต่ว่าไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะอ่อนแอเหมือนสุดที่รักของคุณ ที่ต้องให้ผู้ชายมาปกป้องนะคะ”

ยวี่จิ้นเหวินขมวดคิ้วแน่น

เขาก็ยังคงไม่ชินกับความปากร้ายของเธอแบบนี้

ในความทรงจำ เธอเป็นคนอ่อนแอ เชื่อฟัง นิสัยเขาไม่ดี เคยดุเธอหลายครั้ง ตอนที่ใส่อารมณ์กับเธอ เธอก็แค่ก้มหน้าอย่างน้อยใจ ดูรังแกง่ายมาก เหมือนไม่มีนิสัยเลย

แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ ไม่มีทีท่าที่ไม่มีนิสัยเป็นของตัวเองเลย แต่นิสัยกลับรุนแรงกว่าเขา ดุกว่าเขาอีก

“สุดที่รัก? เธอพูดถึงใคร? โจ๋เซวียน?”

ยวี่จินเหวินเอ่ยถามต่อๆกัน จึงทำให้อารมณ์หนานซ่งตกลงเหว

ดูสิ ถึงแม้โจ๋เซวียนจะหลอกเขา ถึงแม้เธอจะทำให้เขาขายหน้าในงานแต่ง ถึงแม้เธอที่เคยเป็นกระดาษสีขาวกลายเป็นหนังสือพิมพ์ไปแล้ว แต่ในใจยวี่จิ้นเหวิน โจ๋เซวียนก็ยังเป็นคนที่สำคัญที่สุด

หนานซ่งไม่อยากคุยอะไรกับยวี่จิ้นเหวินอีก เพราะไม่มีอะไรจะคุยอยู่แล้ว เธอเลิกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา แล้วจัดผมที่ยุ่งเหยิง เดินออกไปจากหลังเวที

เธอทนอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกับเขาไม่ได้ เธอกลัวว่าตัวเองจะวู่วาม กลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหว

จากรักกลายเป็นเกลียดเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เธอยอมที่จะไม่รักเขาอีก ก็ไม่อยากทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้หญิงที่น่าสมเพชแบบนั้น

ยวี่จิ้นเหวินเห็นหนานซ่งเดินจากไปโดยที่ไม่พูดอะไรเลย ตอนไปสีหน้าก็ย่ำแย่ด้วย ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดหรือเปล่า พอเดินตามไปอีก ก็ไม่เห็นตัวหนานซ่งในงานแล้ว

เขาขมวดคิ้วแน่น คำถามที่ควรถามยังไม่ได้ถามเลย

……

หนานซ่งเดินชิดติดกำแพงที่ไฟส่องไม่ถึง แล้วลวดเอาไวน์จากถาดพนักงานมา พร้อมยกขึ้นกระดก

ความเย็นไหลผ่านลำคอ จึงทำให้อารมณ์ร้อนของเธอสงบลง

ยังมีอีกหนึ่งชั่วโมงค่อยเริ่มงาน หนานซ่งไม่ถนัดการเข้าสังคม จึงหาที่นั่งตรงมุมแล้วนั่งลง คนรอบข้างจับตัวเป็นกลุ่มๆกำลังซุบซิบกันอยู่ เธอก็ไม่มีอารมณ์ฟัง แค่ดื่มไวน์เงียบๆ แล้วเล่นโทรศัพท์ของตัวเอง

กลุ่มคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเสียงดังมาก ผู้หญิงหลายคนเอาแต่พูดจ้อกแจ้กไม่หยุด แล้วเอาแต่ซุบซิบเรื่องของตระกูลใหญ่ต่างๆ ใครแต่งงานกับใคร ใครหย่ากับใคร ใครกับใครแอบชอบกัน เรื่องต่างๆนานาพวกนี้

เธอก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้สอดรู้สอดเห็น นั่งฟังเงียบๆอยู่ตรงมุม แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องของตัวเอง

“นี่ พวกเธอได้ข่าวไหม? คุณหนูใหญ่บริษัทตระกูลหนาน หนานซ่งกลับมาแล้ว”

“นี่เป็นข่าวใหญ่ในเมืองหนานเลย จะไม่ได้ข่าวได้ยังไง แต่คุณหนูคนนี้กลับมาปุ๊บก็มาตามเก็บกวาดความซบเซาของตระกูล จนตอนนี้ก็ยังไม่เปิดเผยหน้า”

“คนที่ตายไปแล้วสามปีอยู่ๆก็กลับมา พวกเธอว่าน่าขนลุกไหม ตอนนี้ฉันยังแปลกใจอยู่เลย พวกเธอว่าสามปีที่ผ่านมาหนานซ่งไปทำอะไร ไม่ใช่ว่าท้องก่อนแต่ง แล้วหาที่แอบคลอดลูกหรอกมั้ง?”

“เธออย่าว่าไป เป็นไปได้นะ เมื่อก่อนคุณชายฉินขยันถามจีบหนานซ่งจะตาย หนานซ่งกลับไม่ตกลง สามปีก่อนฉันยังจำได้ว่าหนานหยาบอกว่าคุณลุงคุณป้าเธอจะไปสู่ขอที่เมืองเป่ยให้หนานซ่ง ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายไปสู่ขอ ราคาตกขนาดนี้จะเพราะอะไรล่ะ”

“ก็ต้องท้องป่องสิ ฮ่าฮ่าฮ่า……”

คนคนนั้นอ้าปากกว้าง แล้วหัวเราะอย่างสะใจ อยู่ๆก็มีคนมาตบที่ไหล่ เธอจึงหันกลับไป สิ่งที่เจอกลับเป็นการโดนไวน์สาด จากนั้นแก้วไวน์ก็แตกบนหัวเธอ

เธอตกใจจนเสียงหาย บวกกับภาพที่เศษแก้วแตกกระจาย เธอเห็นผู้หญิงที่ใส่ชุดสีแดง ใบหน้าเข้มงวดอาฆาตมาก

“อ๊าย……” เสียงกรีดร้องดังสนั่น

Options

not work with dark mode
Reset