ศพ 480 จากแพ้เป็นชนะ

ตอนที่ 480 จากแพ้เป็นชนะ

ตอนที่ 480 จากแพ้เป็นชนะ

เมื่อกี้เจ้าปีศาจหลิงเทียนคนนั้นยังทําตัวโอหังอยู่เลย แต่ในเวลานี้กลับโดนฝ่ามือนางพญาซัดกระเด็น

ร่างของเขาล่วงหล่นอย่างกับใบไม่ในฤดูใบไม้ผลิตัวเขาลอยออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร สุดท้ายก็ยังกลิ้งไปกับพื้นอีกหลายตลบ

“ท่านหลิง ท่านหลิง !” สาวกหลายคนตกใจร้องตะโกนออกมาติดๆกัน และรีบวิ่งเข้าไปทันที

ในเวลานี้ ผู้นําที่โดนเรียกว่าหลิงเทียน กําลังถูกสาวกหลายคนช่วยประคอง ผลลัพธ์ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืนดีๆ “อัก” เขาก็กระอักเลือดออกมา

แต่มันยังไม่จบเท่านี้ มู่หลงเหยียนและนางพญาไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไปทั้งแบบนี้

ตอนนี้พวกเธอพุ่งเข้าไป เตรียมปลิดชีวิตของเจ้าหมอนี่แล้ว

ท่านหลิงที่อาการย่าแย่รับรู้ได้ถึงอันตรายที่กําลังมาเยือน สีหน้าหวาดกลัว จับสาวกปีศาจมาตนหนึ่ง

เตรียมโยนไปทางมู่หลงเหยียน

มู่หลงเหยียนเค้นเสียงดัง แล้วตวัดดาบออกไปหนึ่งครั้ง

สาวกตนนั้นโดนซัดให้กลิ้งไปกับพื้น แต่เจ้าหลิงเทียนคนนั้นกลับใช้ช่องว่างนี้ รีบคว้าโอกาส ตะคอกใส่เหล่าสาวกที่อยู่ตรงนั้นว่า “หยุดพวกมันเอาไว้ !”

หลังจากพูดจบ เจ้าหมอนี่ก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

เขากดที่หน้าอก เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างอาการหนัก แต่เขาก็ไม่ได้ลังเลหรือรอช้าแต่อย่างใด รีบวิ่งไปยังหน้าต่างที่อยู่ห่างออกไปทันที

ส่วนสาวกที่อยู่รอบๆ หลังได้รับคําสั่งนี้ ก็ขวางตรงหน้าท่านหลิงเอาไว้สามชั้น

หลังมู่หลงเหยียนและนางพญามาถึงรัศมีสังหาร ท่านหญิงคนนั้นก็เปิดหน้าต่างกระโดดหนี้ แล้ววิ่งต่ออย่างไม่คิดชีวิต

เหมือนมู่หลงเหยียนจะยังเห็นตัวอีกฝ่าย เธอเลยไล่ตามไปอีกทางด้านหนึ่ง

ส่วนนางพญากลับหยุดตาม แล้วเริ่มทําความสะอาดลูกสมุนปีศาจที่ขวางทางอยู่

ผู้นําสํานักหนีไปพร้อมกับอาการบาดเจ็บสาหัส เรื่องนี้ย่อมส่งผลต่อสาวกปีศาจทุกตนอยู่แล้ว

มันทําให้เกิดผลกระทบทางจิตใจอย่างแรง

บวกกับนางพญาจิ้งจอกที่โหดหินพันนี้ ใครจะต้านไหว หรือใครจะสู้ไหวกันละ

ผลตามมาติดๆ สมุนปีศาจนับร้อยปอดแหกในทันที

ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนออกมา “หนีซิ !”

ผลลัพธ์เสียงนี้เพิ่งดังขึ้น มันก็เหมือนกับการโยนก้อนหินลงไปในผืนน้ําที่เงียบสงบคลื่นพายุที่บ้าคลั่งเกิดขึ้นในทันที

สาวกปีศาจทุกคน เริ่มหนีไปรอบๆอย่างไม่คิดชีวิต

มีสาวกหลายคนวิ่งหนีไปทางประตูโกดัง พวกเขาต่างรู้สึกผิด แอบพูดว่าทําไมก่อนหน้านี้ถึงได้ปัญญาอ่อนถึงขนาดนี้ ดันล็อคประตูเอาไว้ซะได้

ตอนนี้ละ ยังต้องเปิดใหม่ นี่มันต้องเสียเวลาหนีเท่าไหร่เนี่ย

ส่วนพวกเรา เดิมที่ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นตาย แต่คิดไม่ถึงว่าจะรอดจากความสิ้นหวัง เปลี่ยนแพ้เป็นชนะ กลับมาเป็นไล่สังหารอีกฝ่ายแทน

ตอนนี้พวกสาวกหนีหน้าตั้ง ทุกคนเหมือนได้กินยากระตุ้นบางอย่างเข้าไป พวกเราจึงรีบวิ่งออกไปไล่ฆ่าตัวประหลาดพวกนี้ทันที

แม้แต่เหล่าฉัน ในเวลานี้ก็ยังลากขาที่บาดเจ็บนั่น ไล่ฆ่าปีศาจตนหนึ่งที่กําลังแตกตื่น

พอนางพญาเห็นอีกฝ่ายแตกกระเจิงแล้ว เธอก็ไม่คิดจะควบคุมร่างผมไปตามฆ่า

พูดตามตรงแล้ว ตอนนี้พลังที่นางพญาจิ้งจอกปลดปล่อยออกมา ล้วนต้องใช้ร่างกายผมแบกรับ

แต่ร่างกายของผมยังห่างไกลจากพลังที่นางพญาส่งออกมาได้ ดังนั้นหลังนางพญาจากไปแล้ว

ร่างกายของผมก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก

หรือถ้าหากนางพญาอยู่ในร่างของผมนานเกินไป นอกจากจะใช้พลังงานกล้ามเนื้อของผมแล้ว

ยังอาจกินอายุขัยของผมด้วย

นางพญาเองก็รู้เรื่องนี้ดี ในเวลานี้เธอไม่เพียงไม่ลงมือ ไม่ตามไปไล่สังหาร

แค่พูดกับผมในร่างว่า “จินถง ชนะได้แต้มนึ่งแล้ว ขากลับก่อนนะ”

เมื่อได้ยินนางพญาพูดผมก็ตอบกลับตรงๆ “ขอบคุณท่านนางพญาที่ช่วยเหลือ ไม่ อย่างงั้นศิษย์คงตกอยู่ในอันตรายแน่”

ต่อจากนั้น นางพญาก็หัวเราะ “ฮ่าๆๆ” ออกมาเหมือนกับเสียงหัวเราะของเด็กสาวคนหนึ่ง

“ตกลง ข้าไปละ !”

หลังจากพูดจบ ผมก็รู้สึกแค่เพียงร่างกายที่ว่างเปล่า นางพญาที่ยึดครองร่างของผมไว้ ได้หายไปแล้ว

ปู่หลิ่ว ยายหชีและหูเหมยที่อยู่รอบๆ ต่างสัมผัสได้ว่านางพญาจากไปแล้ว

ในเวลานี้จึงมีเสียงตะโกนด้วยความเคารพดังขึ้น “น้อมส่งเจ้าแม่ !”

หลังนางพญาจากไปแล้ว ผมก็กลับมาควบคุมร่างตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

เพียงแต่เพิ่งฟื้นขึ้นมา ผมก็รู้สึกล้ามาก ทั่วร่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ฝ่ามือข้างที่ฟาดลงบนตัวหลิงเทียนเมื่อก่อนหน้านี้ ทําให้ผมรู้สึกเหมือนแขนกําลังจะหัก

ผมหายใจหอบเหนื่อย โลกหมุน ตัวยืนไม่มั่นคง

หลังจากเซไปสองครั้ง ผมก็คิดจะหาอะไรมาพิง ผลลัพธ์ผมกลับพบว่าตัวเองยืน ไม่ไหว จนเหมือนจะล้มลงเอาดื้อๆ

โชคดีที่หยางเจ๋วเห็น แล้วเข้ามาประคองผม “ช้าหน่อย มานั่งพักทางนี้ก่อน !”

ผมหอบหายใจ มองหยางเจ่ว พร้อมฝืนยิ้มออกมา “ขอบ ขอบใจหยางเจ่ว”

หยางเฉวกลับไม่สบอารมณ์ “ถ้าไม่ใช่เพราะนาย พวกเราคงตายไปแล้ว นายพักก่อนนะ ฉันจะไปจัดการสาวกที่เหลือหน่อย !”

หลังจากพูดจบ หยางเจ่วและคนอื่นๆ ก็วิ่งไปหาพวกสาวกสานักสื่อเย่ที่กาลังวิ่งหนี้กันให้วุ่น

ส่วนข้างๆผม ก็คือท่านนักพรตหวังเฉิงกานแห่งสํานักอู่ตั้ง

เขาเห็นผมมานั่งข้างๆ เลยถอนหายใจออกมาดื้อๆ “ เฮ้อ ! เป็นเพราะข้ากับนักพรตเฉิงบ้าเลือด

โชคดีที่หลานชายเชิญเซียนจิ้งจอกมาช่วยทัน ไม่อย่างงั้นพวกเราคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว ”

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็อดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้

ท่านพูดถูกจริงๆนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะผมมีคนหนุนหลัง คราวนี้คงต้องมาตายเพราะความมั่นใจและความประมาทของพวกผู้อาวุโสอย่างพวกท่านทั้งสองแน่ๆ

แน่นอน ว่าผมคิดในใจ ผมจะไปกล้าพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไง

อีกฝ่ายเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งสํานักอู่ตั้ง ต่อไปหากคิดจะเข้าวงการนี้ ก็ไม่อาจทําให้เขาไม่พอใจได้ง่ายๆ

ผมเพียงยิ้มแล้วพูดว่า “อะ อะไรกันท่านผู้อาวุโสหวัง กาจัดภูติผีปกป้องหนทางที่ชอบธรรมเป็นหน้าที่ของผู้น้อยอยู่แล้ว แล้วจะมีเหตุอะไรให้ไม่ลองเสียงดูละครับ”

ท่านนักพรตหวังถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ข่าวนี้ไปถึงสํานักนานแล้ว พวกผู้อาวุโสอย่างพวกข้าได้หารือกันแล้ว ในบันทึกโบราณของสํานัก มีบันทึกเกี่ยวกับสํานักชั่วแบบนี้อยู่จริงๆ แต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายร้อยปีก่อน ในยุคสมัยที่เสื่อมโทรมแบบนี้ ผู้อาวุโสอย่างพวกเราไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีพลังปีศาจที่ทรงพลังมากอยู่…..”

“ ดังนั้น ดังนั้นถึงได้บ้าบินแบบนี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแค่สาขาย่อยสาขาเดียว จะมีผู้ทรงพลังแบบนี้อยู่

เฮ้อ ! ค่านวณผิดไป ค่านวณผิดไปจริงๆ……”

ท่านนักพรตหวังบ่นกับตัวเอง พอพูดถึงตรงนี้ เพราะเลือดลมสูบฉีดเกินไป เลยไอเป็นเลือดออกมาอีกครั้ง

“ผู้อาวุโสไม่ต้องทําแบบนี้ ต่อไปเราระวังหน่อยก็ได้แล้วครับ” ผมรีบพูด

เพราะเห็นผู้อาวุโสหวังรู้สึกผิดและโทษตัวเองจริงๆ และไม่ได้เป็นการแสร้งทําออกมา

การมาคราวนี้ อาจเป็นเหมือนที่เขาพูดจริงๆ เพราะได้รับข้อมูลที่ไม่เพียงพอ ทําให้เราเป็นฝ่ายประมาทศัตรู และบุกเข้ามาอย่างรีบร้อนเอง

ต่อจากนั้น ท่านนักพรตหวังก็ไม่พูดอะไรอีก เขาเอนตัวพิงเตาเผา ผ่านไปไม่นานเขาก็นอนหลับไป

ส่วนพวกอาจารย์ พอออกไปก็ไม่กลับมาเป็นครึ่งชั่วโมง

สาวกสํานักสื่อเยู่ที่นอนตายอยู่ที่นี่ กลับเริ่มเน่าเละ

บนร่างกายมีหนอนคลานออกมาจํานวนมาก เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ร่างของพวกเราก็เหมือนตายไปแล้วสามเดือน หรือแม้แต่สามปี มันเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว จนเหลือแต่กระดูก

และแม้แต่พวกกระดูก ก็เน่าผุ มีสภาพไม่ครบสมบูรณ์อย่างที่ควรเป็น

สุดท้ายก็เปลี่ยนสภาพเป็นเศษซากสีดาเน่าๆผๆ ทิ้งของเหลวดาๆเอาไว้บนพื้น มันมีกลิ่นเหม็นคาวยิ่งกว่าอะไรดี

ผ่านไปเพียงพักเดียวสายลมอันเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้น มู่หลงเหยียนลอยกลับมา หาผมเป็นคนแรก

เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนกลับมา ผมก็ดูดีใจมาก รีบถามเธอว่า “น้องศพ เธอ เธอกลับมาแล้ว !”

หลังจากพูดจบ ผมก็ยันเตาเผาเพื่อผยุงตัวเองให้ลกขึ้น

มู่หลงเหยียนหายใจ เธอมาปรากฏตัวข้างผมและช่วยประคองผม เห็นได้ชัดว่าเธอดูเศร้าหน่อยๆ

“ขอโทษนะเจ้ากากฉัน ฉันฆ่าเจ้าหมอนั้นไม่ได้ ปล่อยให้มันหนีไปได้…”

ศพ

ศพ

Score 10
Status: Completed

หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่แห้งแล้ง เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่รกร้าง พวกมันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงัด มันคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับ คนเป็น …..

Options

not work with dark mode
Reset