ศพ 353 กระดิ่งสะกด

ตอนที่ 353 กระดิ่งสะกด

ตอนที่ 353 กระดิ่งสะกด

เป่าหลิน ก็คือกระดิ่งกุมวิญญาณที่มู่หลงเหยียนให้ผมมา

สิ่งนี้เป็นของที่มู่หลงเหยียนให้ผมเอาไว้ป้องกันตัว อาจารย์ก็บอกให้ผมพกติดตัวเอาไว้

ดังนั้นเจ้าสิ่งนี้จึงกลายเป็นเครื่องประดับของผมไปแล้ว ไปไหนมาไหนกับผมทุกที่

ตอนนี้ เป็นเวลาเหมาะกับการใช้เจ้าสิ่งนี้พอดี

ผมหยิบกระดึงออกมา มันน่าจะสะกดตุ๊กตาผีสามตัวตรงหน้าได้

ต้องรู้ว่าเจ้าสิ่งนี้สามารถกําราบได้แม้กระทั่งผีชุดเหลือง เป็นอาวุธที่หายากชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว

พอฉุ่ยเฉิงจิงที่อยู่ข้างๆได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ทําหน้าสงสัยทันที “เป่าหลิน”

เสียงเพิ่งเงียบลง ผมก็หยิบกระดึงออกมา

“เจ้ากระดิ่งนี้จะใช้ได้เหรอ ?” ฉุ่ยเฉิงจิงจ้องกระดิ่งในมือผมด้วยความสงสัย

แต่ผมกลับดึงเทปข้างในออก “อย่ามองว่ามันเป็นแค่กระดิ่งธรรมดา มันเป็นของล้ําค่าเลยนะ !”

ผมเพิ่งพูดจบ ตุ๊กตาผีสามตนตรงหน้าก็เลียปาก แล้วพูดออกมาว่า “กิน อร่อย !”

เสียงยังคงทุ่มต่ํา และไม่น่าฟังสุดๆ

และเสียงนี้เพิ่งเงียบลง มันก็ยันพื้นอย่างแรง “โฮก” คํารามออกมาดังลั่น พุ่งเข้ามากัดพวกเรา

ฉุ่ยเฉิงจึงเห็นอีกฝ่ายจู่โจมเข้ามาแล้ว เธอจะกล้าประมาทได้ยังไง เธอรีบยกมือขึ้นตั้งรับอีกฝ่ายทันที

แต่ผมกลับกํากระดิ่งไว้ในมือ แล้วสั่นใส่ตุ๊กตาสามตัวนั้นทันที

ทันใดนั้นเสียง “กริ้งๆๆๆ” ของกระดิ่งทองแดงก็ดังก้องไปทั้งวิหาร

เสียงใสน่าฟัง แต่พวกตุ๊กตาผีที่กําลังพุ่งเข้ามา กลับเหมือนได้ยินเสียงคร่าชีวิต

พวกมันหน้าเปลี่ยนสี ร้องโอดครวญออกมาทันที “ปักปักปัก” จากนั้นร่างที่ลอยเข้ามาก็ล่วงลงพื้นทันที

ไม่เพียงแค่นั้น พวกมันยังทําหน้าทรมาน ปิดหูตัวเองอย่างเจ็บปวด “อ้า ! อ้า !”
“ปวดมาก ปวดหัวมาก……”

“เลิกเขย่าได้แล้ว เลิกเขย่าซะที !”

ตุ๊กตาผีสามตัวนั้นตะโกนด้วยความทรมาน กุมหัวกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้น

ผมมองฉากตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมามากนัก

ผีชุดเหลืองยังทนเสียงกระดิ่งอันนี้ไม่ได้แล้ว ตุ๊กตาผีสามตัวจะทนได้ยังไง

ส่วนฉุ่ยเฉิงจิงที่อยู่ข้างๆ ได้อึ้งจนอ้าปากค้างไปนานแล้ว

เธอจะคิดได้ยังไงว่า กระดิ่งที่ดูแสนธรรมดาในมือผมอันนี้จะทรงพลัง และร้ายกาจถึงขนาดนี้

“นี่ นี่มัน มันเป็นอาวุธวิเศษอะไรกันแน่ ทําไม ทําไมถึงได้ร้ายกาจถึงขนาดนี้เนี่ย !” ฉุ่ยเฉิงจึง ถามด้วยความประหลาดใจ

แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออาวุธอะไร และผมก็ไม่รู้ที่มาของเจ้านี่ด้วย รู้เพียงว่าบนกระดิ่งที่มู่หลงเหยียนให้ผมมา มีอักขระพิเศษจํานวนมากสลักเอาไว้

อาจารย์ นักพรตตู้และคนอื่นๆต่างเคยเห็น พวกเราล้วนบอกว่าอักขระแต่ละตัวเป็นรูนอักขระ ภาพที่สลักเอาไว้ด้านบนคือวงเวทย์

เพราะมีวงเวทย์พวกนี้อยู่ เสียงกระดิ่งถึงมีพลังแบบนี้ และมีความสามารถในการสะกดสิ่งชั่วร้ายเป็นพิเศษ

ผมยิ้ม พูดกับฉุ่ยเฉิงจิงว่า “นี่คือสมบัติที่สืบ ทอดกันมาของครอบครัวของฉัน อย่ามัวพูดอยู่ เลย กําจัดเจ้าเด็กสามตัวนี้ก่อนเถอะ !”

ผมพูดตามตรง ให้ฉุ่ยเฉิงจึงรีบลงมือหน่อย

ฉุ่ยเฉิงจึงสูดหายใจเข้าหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ไม่รอช

เธอหันไปอย่างรวดเร็ว มองตุ๊กตาผีสามตัวที่กําลังกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น

ตวัดดาบไม่ในมือเป็นแนวนอน พร้อมพูดเสียงต่ํา “เอาชีวิตมาซะ !”

หลังจากพูดจบ เธอก็ยกดาบไม้พุ่งเข้าไปโจมตีทันที

ผลลัพธ์เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ฉุ่ยเฉิงจิงเพิ่งลงมือ ประตูวิหารที่เคยปิดสนิท ก็มีคนผลักเข้ามาจากด้านนอก “ปัง”

หลังจากนั้นหมอกสีดําก็ลอยเข้ามาในวิหารทันที

ยังไม่รอให้เราตอบสนองใดๆ หมอกดําพวกนั้นก็กวาดมาอยู่ข้างหน้าตุ๊กตาผีสามตัว

ดาบไม้ในมือฉุ่ยเฉิงจิง แทรกเข้าไปในหมอสีดําพวกนั้นพอดี

แต่ดาบเพิ่งเข้าไปในหมอก มันก็ค้างเติ้งลงดื้อๆ เหมือนกับโดนคีมหนีบเอาไว้ ไม่อาจขยับไปข้างหน้าได้ง่ายๆ

ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วมาก โคตรเร็วเลยละ จนพวกเราไม่ทันรู้ตัวเลยสักนิด

พอเราได้สติ หมอกสีดําพวกนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว และกําลังก่อตัว ค่อยๆเป็นรูปคน
พอเห็นสิ่งนี้ ผมและฉุ่ยเฉิงจิงก็ตะลึงไปแป๊บหนึ่ง

ตอนได้สติกลับมา ร่างของใครคนนั้นก็ก่อตัวจนเป็นรูปเป็นร่างแล้ว

ใครคนนี้อยู่ในชุดคลุมสีดํา แยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย และดาบที่ฉุ่ยเฉิงจิงแทงเข้าไป ใครคนนี้ก็ใช้นิ้วจับไว้พอดี

ฉุ่ยเฉิงจิงออกแรงดึงสองสามครั้ง แต่แล้วเธอก็พบว่าตัวเองไม่สามารถดึงดาบกลับมาได้

เธอขมวดคิ้ว ตะคอกในทันที “แกเป็นเจ้าชั่วตัวไหนฮะ ? ถึงได้กล้ามาหยุดข้ากําจัดเจ้าชั่วพวกนี้

ตอนนั้น ผมเองก็หวาดระแวงขึ้นมา ยกดาบเหรียญขึ้นไปทางใครคนนั้น

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ร่างจิต แต่เป็นแค่ร่างวิญญาณเท่านั้น

และพลังของเจ้านี่ ก็ต้องแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว แถมมันยังเป็นพวกเดียวกันกับเจ้าตุ๊กตาผีสามตัวนี้อีกด้วย

ในขณะที่ผมกําลังแอบสังเกตอีกฝ่าย ใครคนนั้นกลับส่งเสียงหัวเราะ “ฮีฮี” อันน่าขนลุกออกมา

หลังจากนั้นก็ใช้เสียงตาแก่อันแหบแห้งพูด “เด็กๆไม่รู้เรื่อง พวกเจ้าจะลงมือฆ่าได้ยังไง?”

ในขณะพูด อีกฝ่ายก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น

แต่ตอนผมได้ยินเสียงของอีกฝ่าย และเห็นหน้าที่อีกฝ่ายค่อยๆเงยขึ้น

“พรึบ” สีหน้าผมก็เปลี่ยนไปทันที ในสมองของผมมีพายุพัดเข้ามาลูกโตๆ

หน้าตาแบบนี้ เสียงแบบนี้ มัน มันไม่ใช่เจ้า หมอผีชั่วที่หายไปนาน กุยซานหยวนนักพรตกุยเหรอ

ผมเผยสีหน้าหวาดกลัว คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะมาเจอกุยซานหยวนอีกครั้งที่นี่

ตอนอยู่ที่เพิ่งเจียโกว ถ้าไม่ได้เป็นเพราะจู่ๆก็มีนกตัวใหญ่บินมาส่งสารให้กุยซานหยวน และโดน “ประมุขเชิง” เรียกตัวผมก็คงตายคามือศัตรู

แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอตาเฒ่านี้ที่นี่

และเจ้าตุ๊กตาผีสามตัวนี้ ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้านักพรตกุยนี่แน่ๆ

แต่ฉุ่ยเฉิงจิงที่อยู่ข้างๆกลับไม่รู้จักอีกฝ่าย ตอนนี้เธอยังทําหน้าเหมือนน้ําแข็ง “แกเป็นนักพรตชั่วคนไหนฮะ ? ถ้ายังกล้าเข้ามายุ่งกับข้าอีก ข้าจะทําลายร่างวิญญาณของเจ้า และตามไปทําลายร่างจริงของเจ้าด้วย !”

เสียงของจุ่ยเฉิงจึงเพิ่งเงียบลง ผมก็พูดขึ้นมาอยู่ข้างๆ “เขาเป็นหมอผีชั่วที่ใครๆก็อยากฆ่ากุยซานหยวน !”

เรื่องของกุยซานหยวน ตอนแรกผมรู้มาจากท่านนักพรตตู้ เจ้าหมอนทําชั่วจนบาปหนานานแล้ว ขึ้นชื่อเรื่องความชั่ว ถูกสํานักต่างๆตามไล่ล่า ทุกคนอยากจํากัดเจ้าหมอนี้ทั้งนั้น

ในฐานะศิษย์ของสํานักเหมาชาน จุ่ยเฉิงจิงต้องรู้จักชื่อ “กุยซานหยวน” อยู่แล้ว

ตอนนี้พอได้ยินผมพูดแบบนั้น หน้าที่เคยแสดงถึงความโมโหของเธอ ก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย

เธอปล่อยมือจากดาบไม้ แล้วถอยไปข้างหลังสองสามก้าวตามสัญชาตญาณ “กุย กุย กุยซานหยวน

นักพรตกุยที่ก่อกรรมทําชั่วไปทั่วงั้นเหรอ?”

กุยซานหยวนเห็นท่าทีของฉุ่ยเฉิงจิง ที่ดูเหมือนมันจะได้ผลสุดๆ จึงปล่อยมือจากดาบไม้ทันที ปล่อยให้ดาบไม้ตกลงพื้น

ในเวลาเดียวกันก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ นั่นเป็นสิ่งที่พวกเจ้าไม่เข้าใจข้า ที่จริงข้าเป็นคนดี…..”

เสียงอันแหบแห้ง ปกด้วยน้ําเสียงยอมจํานน

และเขาเพิ่งพูดถึงคํานี้ กุยซานหยวนก็มองไปที่ฉุ่ยเฉิงจิง

จู่ๆใบหน้าที่เที่ยวย่น ก็มีสีหน้าปรากฏขึ้นเล็กน้อย

ในดวงตาทั้งสองข้าง ยิ่งมีแสงเปล่งประกายออกมา..

ศพ

ศพ

Score 10
Status: Completed

หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่แห้งแล้ง เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่รกร้าง พวกมันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงัด มันคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับ คนเป็น …..

Options

not work with dark mode
Reset