ตอนที่ 348 ร่วมมือ
พอนุ่ยเฉิงจิงได้ยินผมพูดแบบนี้ ก็ทําหน้าดีใจ ตบบ่าผมทันที
หลังจากนั้นก็พูดอย่างอารมณ์ดี “ดีซิดีซิ! ฉัน อยู่คนเดียวน่าเบื่อจะตาย ถ้ามีคนมาอยู่เป็นเพื่อนงั้นก็เยี่ยมไปเลยนะซิ !”
หลังจากพูดจบจุ่ยเฉิงจิงก็หัวเราะฮ่าๆเธอดูเป็นคนค่อนข้างเปิดเผย
ผมกลับไม่ได้สนใจ เพียงยิ้มให้เล็กน้อย “โอเคงั้นฉันออกไปบอกคนข้างก่อนนะ”
“อ๋อ ! ได้ ให้พวกเขารีบออกไปนะไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวพอฟ้ามืดแล้ว อาจตกเป็นเป้าของเจ้า พวกนั้นได้ !”นุ่ยเฉิงจึงพูด
สําหรับเรื่องนี้ ผมเองก็เห็นด้วย
หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมันจะเป็นอันตรายถึงชีวิตคน
ด้วยเหตุนี้ ผมเลยหมุนตัวออกไปจากวิหารตรงไปหาคนข้างนอกทันที
เพิ่งเดินออกมาจากวิหารผู้กํากับจางที่อยู่ด้านนอกก็เดินเข้ามาหาทันที
“ท่านนักพรตติงเป็นยังไงบ้างครับ?” ผู้กํากับจางทําหน้าเครียดเขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าที่นี่จะมี ของไม่ดีอยู่ด้วย
สถานที่แห่งนี้เขาเลือกตั้งนาน สุดท้ายก็กําหนดสถานที่ถ่ายทําได้
มันไม่เพียงเป็นฉากที่เข้ากับหนังแต่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทําที่ราคาถูกอีกด้วย
ถ้าเปลี่ยนสถานที่ ไม่เพียงทําให้ต้นทุนเพิ่มเท่านั้นแต่สิ่งที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือผู้ลงทุนจะไม่พอใจ
ด้วยเหตุนี้ ผู้กํากับจางเพียงอยากให้ที่ถ่ายทําแห่งนี้ปลอดภัย
นอกจากผู้กํากับจางอู่ฮียฮุยและฉิงหมิงเน่วก็ตามมาด้วยทีมงานที่อยู่ด้านข้างก็ต่างหันมา มองทางผม
ผมก็ไม่ลังเลมากนักลดเสียงลงต่ําใช้เสียงที่เบามากพูดกับผู้กํากับจาง“ผู้กํากับจางตอนนี้ผม มั่นใจแล้ว
เด็กสาวที่อยู่ข้างใน เป็นศิษย์ของสํานักเหมาชานที่นี่มีของไม่ดีอยู่จริงๆเธอไล่ตามมาครึ่ง เดือนจนมาถึงที่นี่ !”
พอผู้กํากับจางได้ยินเช่นนั้น “พรึบ” สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ท่าน ท่านนักพรตติง งั้น งั้นพวกเราควรทํายังไงดีคุณดูซิผมพาคนมาหมดแล้ว ถ้าถ่ายไม่ได้ละ
คงไปอธิบายกับผู้ลงทุนยาก !” ผู้กํากับจางทําหน้าลําบากใจ
อู่ฮียฮุยและฉิงหมิงเฉวก็ได้ยินที่ผมพูด จึงอด ไม่ได้ที่จะตกใจ
เขาหมุนตัวมองดูรอบๆอย่างหวาดระแวงเป็นครั้งคราว
“ผู้กํากับจางสบายใจได้ ในเมื่อผมมาแล้วก็ต้องจัดการให้คุณแน่นอน คืนนี้พวกคุณก็งดพิธีเปิดกองเอาไว้ชั่วคราวพาคนกลับไปก่อนไม่อย่างงั้นอีกเดี๋ยวพอฟ้ามืดแล้ว เจ้าพวกนั้นจะออกมารอให้พวกผมจัดการที่นี่ให้เรียบร้อยแล้วคุณค่อยพาคนเข้ามาใหม่ !” ผมพูดต่อ
ผู้กํากับจางกลืนน้ําลาย ทําหน้าเครียดแต่ก็ไม่สงสัยคําพูดของผมเลยสักนิด
ตอนนี้เขามองไปที่วิหารแวบหนึ่งจากนั้นก็มอง ไปที่ทีมงานที่อยู่ข้างๆ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ครับ ครับผมจะทําตามที่ท่านนักพรตติงบอกแต่ก็ต้องรบกวนท่านนักพรตติงแล้วไม่อย่างงั้นกองถ่ายของพวกเราคงต้องหาที่ถ่ายใหม่ตามกําหนดแล้วมันคงไม่ทันแล้ว !”
ผมยิ้มอ่อน “วางใจได้ พวกคุณกลับไปก่อนนะ
ผู้กํากับจางก็ไม่กล้ารอช้า เพราะครั้งก่อนมีทีมงานตายไปถึงสองคน
เขาไม่อยากทําให้คนตายอีก ในเวลานี้จึงรีบหมุนตัวกลับไปพูดกับทีมงานและนักแสดงทันที
“เมื่อกี้ท่านนักพรตติงดูฮวงจุ้ยและฤกษ์แล้วบอกว่าวันนี้ไม่ใช่วันดีพวกเราจะไปกลับไปพัก โรงแรมในเมืองก่อนพอถึงเวลาแล้วพวกเราจะเข้ามาใหม่ !”
ขณะพูด ผู้กํากับจางก็เริ่มไล่คนที่อยู่รอบๆออกไป
เนื่องจากผมพูดกับผู้กํากับจางเบาๆ คนด้าน นอกจึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเพียงแค่รู้สึกว่า ผมกําลังพูดอะไรบางอย่างที่มันดูลับๆล่อๆ
แต่ผู้กํากับจางเอ่ยปากแล้วคนพวกนี้เลยไม่รู้จะพูดอะไรดีพวกเขาล้วนต้องพึ่งพาผู้กํากับจางเลี้ยงปากเลี้ยงท้องทั้งนั้น
ถึงจะไม่ได้เริ่มทํางานวันนี้ แต่ก็ได้เงินเหมือ นกัน คนพวกนี้เลยครึกครื้นขึ้นมาทันที
ดังนั้นคําพูดเมื่อกี้ของผู้กํากับจางเลยทําให้คนรอบๆเริ่มเดินกลับเตรียมจะขึ้นรถกลับเข้าเมือง
ในเวลานี้ อู่ฮียฮุยและฉิงหมิงเฉิวกลับหันกลับมา
ในเวลาเดียวกันผมก็ได้ยินอู่ฮียฮุยพูดกับผมว่า“ติงฝานที่นี่ที่นี่มีผีจริงๆเหรอ ?”
พอพูดถึงคําว่า “ผี” อู่ฮียฮุยก็ขมวดคิ้วและพูดเบามาก
ผมก็ไม่หลอกเธอพูดตามตรงทันที “ตอนนี้ไม่มีแต่อีกเดี๋ยวพอฟ้ามืดแล้วก็พูดยากแล้วละ ! ดังนั้นเธอตามพวกผู้กํากับจางกลับไปก่อนนะ!คืนนี้ฉันจะอยู่ที่นี่ต่อทําให้ที่นี่เรียบร้อยพวกเธอค่อยกลับมาก็ยังไม่สาย !”
อู่ฮียฮุยสูดหายใจเข้าลึกๆ ฉิงหมิงเฉิวเองก็ ตกใจจนหน้าถอดสีเกาะตัวอู่ฮุยฮุยแน่น
“ติงฝาน เด็กสาวที่อยู่ที่นี่ เป็นศิษย์สํานักเหมาชานจริงๆเหรอ!วันนี้พวกนายจะจัดการได้จริงๆ เหรอ ?”
ฉิงหมิงเฉ่วพูดเสียงสั้น
ผมกลับยิ้มให้ “อย่ามองว่าเธอเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ศิษย์สํานักเหมาชานต้องมีวิชาติดตัวอยู่แล้ ว เอาละไม่ต้องกังวลแล้ว”
เสียงเพิ่งเงียบลง อู่ฮียฮุยก็พูดกับผมอีก “ต้องต้องฝากพวกนายแล้ว”
“เรื่องเล็ก ฉันไม่ได้ทํางานนี้อยู่แล้วเหรอ ! พวกเธอรีบกลับไปเถอะ ! ฟ้าจะมืดแล้ว” ผมพูดต่อ
อู่ฮียฮุยและฉิงหมิงเฉ่วก็รู้ว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้เลยตอบรับแค่“ถือ”จากนั้นก็โบกมือให้ผมแล้วหมุนตัวเดินออกไปทันที
ผมเห็นกองถ่ายทยอยขึ้นรถแล้ว จึงหยิบ โทรศัพท์ออกมาโทรหาอาจารย์
อาจารย์เพิ่งรับโทรศัพท์ ก็ถามผมว่า“อยู่ไหนฟ้าจะมืดแล้วจะกลับมายังไง ?”
อาจารย์พูดด้วยน้ําเสียงตําหนินิดหน่อยผมเองก็ไม่พูดอ้อมค้อมกับเขา “
อาจารย์ ผมมีเรื่องนิด หน่อย วันนี้ไปเจอศิษย์สํานักเหมาชานมาทางนี้มีตุ๊กตาผีสองสามตัวผมกะว่าจะอยู่จัดการตุ๊กตาผีสองสามตัวนี้กับเธอ !”
“หา ? ตุ๊กตาผี ? มีเท่าไหร่ ? ไปเจอที่ไหน ? ตุ๊กตาผีพวกนี้มีเขาสีดําไหม?ผิวดํา ? ผิวแดง หรือผิวขาว…”อาจารย์ตกใจไม่น้อยเขายิงคําถามรัวๆ
ผมรู้สึกมันเล็กน้อย ผมยังไม่เห็นเลยแล้วจะรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง
แต่ก็ไม่ได้ลังเล ต่อจากนั้น ผมก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่ตัวเองรู้ให้อาจารย์ฟังอย่างละเอียด
พออาจารย์ได้ยินแล้ว ก็พยักหน้าเล็กน้อย “คืองั้นแกก็ระวังตัวด้วย คือใช่แล้ว แกบอกที่อยู่ตอนนี้มาให้ฉันหน่อยอีกเดี๋ยวฉันจะไปหาแก !”
พอได้ยินแบบนี้ ผมก็คิดจะปฏิเสธ
แต่พอคิดถึงตอนถูกเจ้าแมวแก่จับตาดูเมื่อก่อ นหน้านี้ ผมก็ตอบตกลงกับอาจารย์ ส่งสถานที่ที่ผมอยู่ให้อาจารย์
ต่อจากนั้นผมก็วางสายแล้วเดินเข้าไปในวิหาร
เพิ่งเข้ามาในวิหารผมก็ได้ยินจี่ยเจ๋งจึงพูดว่า “โห !นายยังเรียกคนอื่นมาด้วยเหรอ ?”
“อ๋อ ! อาจารย์ของฉันน่ะ เขาได้ยินว่าฉันจะมา จัดการตุ๊กตาผี ก็แค่ไม่วางใจ เลยคิดจะมาช่วยอีกแรงก็เท่านั้น !” ผมพูดตามตรง
àยเฉิงจิงก็ไม่ได้สนใจอะไร “อ่อ” เพียงพูดออก มาแค่นี้ จากนั้นก็แกะเม็ดแตงโมต่อไป
ผมเห็นเธอไม่พูดอะไร แถมยังแกะเม็ดแตงโม อย่างสบายอารมณ์ เลยพูดออกไปว่า “คืนนี้พวกเราจะนั่งอยู่ตรงนี้แบบนี้ ไม่ไปซ่อนตัวหน่อยเหรอ
นุ่ยเฉิงจิงเหล่มองผม“อย่าเพิ่งรีบร้อนรอให้ฟ้ามืดจริงๆแล้วเราจะขึ้นไปข้างบน !”
หลังจากพูดจบจุ่ยเฉิงจิงก็ชี้ไปบนหัวของเธอ
ผมเงยหน้าไปมอง พบว่ามันมีคานไม้อยู่
คานไม่ใหญ่และกว้างมาก เป็นโครงสร้างแบบ สมัยก่อนวางแนวนอนรองรับแรงสั่นสะเทือนไปนอนอยู่ข้างบนสองคน ต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่ นอน
“ซ่อนบนคานนั้นเหรอ ?” ผมถามแบบขอไปที
จุ่ยเฉิงจึงกลับทําหน้าจริงจัง “ใช่ ซ่อนบนคาน ขอแค่เจ้าพวกนั้นกล้าเข้ามาในนี้พวกเราจะผนึกประตูพอถึงเวลานั้นเราจะทําให้เจ้าตุ๊กตาผีสองสามตัวนั้นไม่ได้ออกไปอีก !”