ศพ 181 แข่งกับเวลา

ตอนที่ 181 แข่งกับเวลา

ตอนที่ 181 แข่งกับเวลา

สถานการณ์ของท่านนักพรตตู๋ดูแย่มาก พวกเราเพิ่งขึ้นรถ อาจารย์ก็ถือกล่องยาเข้ามา เขาเริ่มตรวจสอบบาดแผล ใส่ยาห้ามเลือด แล้วพันแผลให้ท่านนักพรตตู๋เป็นครั้งที่สอง

“ สมควรตาย ทำไมถึงได้บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ! ” อาจารย์พูดด้วยสีหน้าที่มืดมน

ผมขมวดคิ้ว “ อาจารย์ ท่านลุงตู๋ถูกท่อนเหล็กสีดำแทง บาดแผลเลยลึกมาก ไม่รู้ว่าอวัยวะภายในบาดเจ็บรึเปล่า ”

ผมรีบพูด และเล่าสิ่งที่รู้ให้อาจารย์และคนอื่นๆฟัง

เหล่าฉินที่ขับรถอยู่ก็โกรธมาก “ ไอ้กุ่ยซานหยวนชาติหมา ครั้งที่แล้วปล่อยให้มันหนีไปได้ ถ้ามีครั้งหน้า ฉันจะต้องทำให้วิญญาณมันแตกสลายเอง ! ”

ขณะที่พูด เหล่าฉินก็ขับรถเร็วขึ้นกว่าเดิม

 

แม้สถานการณ์ของท่านนักพรตตู๋จะย่ำแย่ แต่พลังหยางของท่านนักพรตตู๋ กลับไม่ได้ลดลง

ขอแค่พลังหยางของท่านนักพรตตู๋ไม่หายไปจนหมด พวกเราก็ยังมีหวังว่าจะรักษาได้

ตอนนี้พวกเรา กำลังแข่งกับเวลา

โรงพยาบาลที่ตำบลจะต้องรักษาไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าเป็นรอยฟกช้ำทั่วไปที่นั้นอาจรักษาให้หายได้

แต่สภาพโดนแทงอย่างท่านนักพรตตู๋ อาจได้รับบาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาจะรักษาไม่ได้

ดังนั้นเหล่าฉินจึงไม่ขับกลับตำบล เขาตรงไปโรงพยาบาลในเมืองทันที

เขาขับเร็วมาก และรถที่พวกเรากำลังนั่งอยู่คือรถขนศพ

 

ในสายตาของคนภายนอก รถที่ขนคนตายอย่างพวกเราเป็นลางไม่ดี แม้ว่าจะอยู่บนทางหลวง พวกเขาก็ยังขับออกห่าง แทบไม่อยากเข้ามายุ่งกับเส้นทางของพวกเราเลย

บวกกับการขับรถที่อย่างกับฟาสต์แทร็คของเหล่าฉิน บีบแตรตลอดเวลา ความเร็วรถที่ควรไปถึง 1 ชั่วโมงกว่า เหล่าฉินกลับทำให้เหลือไม่ถึง 1 ชั่วโมง

ตอนนี้สีหน้าของท่านนักพรตตู๋ซีดสุดๆ เขาดูทรมานมาก หายใจแผ่วเบา หรือพูดได้ว่าชีวิตมาถึงช่วงที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว

เราเพิ่งมาถึงหน้าโรงพยาบาล เหล่าฉินก็รีบอุ้มท่านนักพรตตู๋พุ่งเข้าไปในโรงพยาบาล

ผมเองก็ตะโกนอยู่ข้างหน้า บอกให้หมอรีบมารักษา

 

เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลกระตือรือร้นอย่างมาก เมื่อเห็นพวกเราอุ้มคนเจ็บหนักเข้ามา พวกเขาก็รีบเข็นเตียงมารับทันที

แน่นอน ค่ารักษาของที่นี่ก็ไม่ถูก

แต่ตอนนี้ชีวิตคนสำคัญกว่า พวกเราจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น

ทางโรงพยาบาลฉีดยา เจาะเลือดของท่านนักพรตตู๋ จากนั้นก็พาท่านนักพรตตู๋เข้าไปในห้องผ่าตัดทันที

พวกเรายืนรอหน้าห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ ดวงตาของเฟิงเฉ่วหานแดงก่ำ จ้องห้องผ่าตัดอย่างไม่ละสายตา

หลังจากนั้นประมาณชั่วโมงกว่าๆ หมอก็ออกมา

เมื่อเห็นหมอออกมา พวกเราก็เข้าไปล้อมทันที

 

“ หมอ อาจารย์ผมเป็นยังไงบ้าง ” เหล่าเฟิงพูดเป็นคนแรก

คุณหมอถอดหน้ากาก ถอนหายใจออกมา “ ครอบครัวสบายใจได้ครับ การรักษาประสบความสำเร็จ อาวุธไม่ได้ทำร้ายอวัยวะภายใน คนไข้จะค่อยๆหายกลับมาเป็นปกติครับ ใจของคนไข้ก็อึดมากครับ จากอาการของคนไข้ ขอแค่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสักระยะ คนไข้ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ ! ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเราทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ในที่สุดพวกเราก็ช่วยท่านนักพรตตู๋กลับมาจากประตูผีได้ ตอนนี้เมื่อได้ยินคุณหมอพูดแบบนั้น หินที่อยู่ในใจของผม ก็ถูกวางลงทันที

 

เพราะท่านนักพรตตู๋ยังต้องตรวจเช็คอะไรอีกสองสามอย่าง ดังนั้นตอนนี้พวกเราจึงยังเจอเขาไม่ได้

ตอนนี้ท่านนักพรตตู๋ “ ไม่เป็นอะไรแล้ว ” อาจารย์เห็นผมและเฟิงเฉ่วหานเองก็เหนื่อยมาทั้งคืน ดังนั้นเขาจึงบอกให้พวกเราออกไปหาอะไรกิน

เฟิงเฉ่วหานมองห้องผ่าตัดอีกพักหนึ่ง จากนั้นถึงได้เดินออกมาจากโรงพยาบาลกับผม พวกเรานั่งกินอะไรในร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ

ตอนนี้เที่ยงแล้ว คนที่มากินข้าวจึงเยอะมาก และโต๊ะส่วนใหญ่ก็ถูกคนจับจองแล้ว

ผมและเฟิงเฉ่วหานเห็นโต๊ะในสุดมีผู้หญิงนั่งอยู่คนเดียว มันมีที่ว่างสองที่พอดี พวกเราจึงเดินเข้าไป

 

แผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นดูดีมาก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ และนั่งลงตามอำเภอใจทันที

แต่ผมสองคนเพิ่งนั่งลง ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็พูดออกมาด้วยความตกใจ “ เฮ้ย ! นาย ! ”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ผมถึงมองเธออย่างละเอียด

ทันใดนั้นผมก็พบว่าคนที่พูดคือผู้หญิงที่ร่วมโต๊ะเดียวกันกับพวกเรา และผู้หญิงคนนี้ยังไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือนักแสดงสาวสวยอู่ฮุ่ยฮุ่ย

เมื่อเห็นว่าเป็นอู่ฮุ่ยฮุ่ย ผมก็ตกใจนิดหน่อย

ไม่อยากจะพูดจริงๆ เหมือนชีวิตจะถูกลิขิตให้เจอกับยัยนี้

 

ผมจะไม่พูดถึงเรื่องสวนสาธารณ์แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นแม้แต่งานเลี้ยงรุ่นผมก็ยังได้เจอกับเธอ

และตอนนั้นเธอยังถูกจางจึเทาจับตัวเอาไว้ ถ้าผมไม่ได้ไปเจอ อู่ฮุ่ยฮุ่ยก็อาจกลายเป็นอาหารของจางจึเทาไปแล้ว

หลังจากถูกพาตัวไปสถานีตำรวจ เธอก็ยังถูกคนพาตัวออกไปก่อน จากนั้นพวกเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

คิดไม่ถึงว่าผ่านไปไม่นาน พวกเราก็ได้กลับมาเจอกันที่ร้านอาหารแถวโรงพยาบาลในเมืองอีกครั้ง

ผมเงียบไปแป๊บนึง จากนั้นก็พูดออกมาทันที “ อู่ฮุ่ยฮุ่ย ! ”

อู่ฮุ่ยฮุ่ยไม่ใช่ดาราดังอะไร นอกจากหยางเฉ่วจะติดตามและชอบเม้ามอยเรื่องดาราตัวเล็กๆพวกนี้แล้ว ที่นี่ก็ไม่มีใครรู้จักเธอ

คนรอบข้างก็ไม่ได้สนใจ อู่ฮุ่ยฮุ่ยถึงกลับยิ้มออกมาเล็กน้อย “ ใช่ฉันเอง เรื่องคราวก่อนขอบใจมากนะ ! ”

 

ผมรู้ดีว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย “ เรื่องเล็ก นั้นเป็นเรื่องที่ฉันควรทำ ! เออใช่ ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ละ ”

อู่ฮุ่ยฮุ่ยได้ยินผมพูด เธอก็ไม่ลังเลเลยสักนิด รีบตอบกลับทันที “ พักนี้ฉันได้เล่นเป็นตัวละครตัวหนึ่ง ซึ่งมันเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับน่ะ ”

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ อู่ฮุ่ยฮุ่ยก็จ้องตาผม

จากนั้นก็พูดออกมาทันที “ ฉันรับบทเป็นนางพยาบาล เพื่อให้เข้าถึงบท ดังนั้นฉันเลยมาที่โรงพยาบาล…… ”

สำหรับการแสดง ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ และก็ไม่ได้สนใจ

 

ผมจึงพูดตอบกลับ “ อืมอืม ” เท่านั้น ไม่ว่าจะถ่ายหนังเรื่องอะไร หรือจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับปลอมๆ ซึ่งต่างจากการตีรันฟันแทงของจริงอย่างพวกเรา ตอนเผชิญหน้าก็ไม่สามารถลังเลได้เลยสักนิด ทั้งหมดนั้นมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

หลังจากอู่ฮุ่ยฮุ่ยพูดจบ เธอก็ถามผมกลับ “ แล้วทำไมพวกนายมาอยู่ที่นี่ละ อีกอย่าง ทำไมบนตัวของพวกนายถึงมีคราบเลือดอยู่ละ ”

เฟิงเฉ่วหานไม่ได้พูดอะไร แต่ผมกลับยิ้มอย่างขมขื่น “ เมื่อคืนเจอปัญหานิดหน่อย ผู้อาวุโสคนหนึ่งของฉันบาดเจ็บ ดังนั้นเลยพามาที่โรงพยาบาลน่ะ ! ”

อู่ฮุ่ยฮุ่ยรู้ดีว่าพวกเราทำงานอะไร ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น เธอก็อดนึกถึงบางสิ่งไม่ได้ ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

 

ผมไม่อธิบายอะไรมาก เพราะไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนธรรมดาฟัง

อู่ฮุ่ยฮุ่ยก็ไม่อยากรู้ เธอจึงไม่ถามอะไรมาก

หลังจากตกใจไปพักหนึ่ง ทันใดนั้นเธอพูดกับผมว่า “ ติงฝาน เรื่องสองครั้งที่ผ่านมา ฉันยังไม่ได้ขอบคุณนายอย่างจริงจังเลย เรามาแลกเบอร์โทรศัพท์กันได้ไหม ต่อไปฉันจะได้นัดพวกนายมาเลี้ยงข้าว ”

ผมลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็หยิบนามบัตรออกมา จากนั้นก็ยื่นให้อู่ฮุ่ยฮุ่ย “ นี่นามบัตรของฉัน…… ”

อู่ฮุ่ยฮุ่ยรับนามบัตรไป เธออ่านตาม “ ร้านรับจัดงานศพแห่งตำบลชิงฉือ…… ”

ตอนที่เธอพูด อาหารสองสามอย่างที่ผมและเฟิงเฉ่วหานสั่งก็มาเสิร์ฟแล้ว

ผมหิวจนแทบรอต่อไปไม่ไหว เวลานี้จึงไม่สนใจจะพูดต่อ ผมเริ่มกินอาหารทันที

 

เฟิงเฉ่วหานเหมือนกับไม้ตายซาก ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ นอกจากสั่งอาหารเขาก็ไม่พูดอะไรอีกเลย

หลังจากนั้น อู่ฮุ่ยฮุ่ยยังคุยกับพวกเราอีกนิดหน่อย สุดท้ายเธอก็รับโทรศัพท์สายหนึ่ง จากนั้นก็บอกว่ามีเรื่องด่วนต้องไปทำ

ผลลัพธ์เธอยังกินข้าวไม่เสร็จ ก็บอกลาพวกเรา ก่อนเธอจะจากไปยังจ่ายค่าอาหารให้ผมและเฟิงเฉ่วหานด้วย

ตอนที่เจออู่ฮุ่ยฮุ่ย ผมและเฟิงเฉ่วหานต่างไม่ได้สนใจ

แต่ใครจะรู้ ว่าอู่ฮุ่ยฮุ่ยจะเป็นตัวก่อปัญหา

ถึงเธอจะไปถ่ายละครที่เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ กองถ่ายของเธอก็ยังเรียกวิญญาณออกมาได้จริงๆ

 

หลังจากกินอิ่มท้อง ผมก็ซื้ออาหารให้อาจารย์และเหล่าฉิน จากนั้นก็เดินกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

ท่านนักพรตตู๋ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว ตอนนี้อยู่ในความดูแลอย่างเข้มข้น

ได้ยินอาจารย์บอกว่า ท่านนักพรตตู๋เพิ่งตื่นขึ้นมา

แล้วบอกว่า หมอบอกพวกเขาว่า ตราบใดที่บาดแผลของเขาไม่ติดเชื้อ อาการคงที่ ก็จะไม่มีปัญหาใหญ่ตามมาแล้ว

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เหล่าเฟิงก็สบายใจได้จริงๆ

เพราะพวกเราอดนอนมาทั้งคืน เหนื่อยจนแทบเดินไม่ไหว จึงอยากพักผ่อนดีๆสักหน่อย

ดังนั้นหลังจากรู้ว่าท่านนักพรตตู๋ปลอดภัยแล้วจริงๆ พวกเราก็ออกจากโรงพยาบาล……

ศพ

ศพ

Score 10
Status: Completed

หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่แห้งแล้ง เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่รกร้าง พวกมันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงัด มันคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับ คนเป็น …..

Options

not work with dark mode
Reset