ศพ 148 ผี 11 ตน

ตอนที่ 148 ผี 11 ตน

ตอนที่ 148 ผี 11 ตน

ยันต์ของหยางเฉ่วเป็นยันต์ที่ร้ายกาจ ที่สุดในหมู่พวกเราสามคน

ไม่ว่าวิธีใช้ยันต์หรือชนิดของยันต์ เธอล้วนชำนาญมาก

และหนึ่งในนั้นยังมีคาถาที่พิเศษมากๆอยู่หนึ่งอย่าง แต่มันเป็นคาถาลึกลับ

ตอนนั้นเมื่อหยางเฉ่วเสกคาถาเสร็จ ด้วยพลังของยันต์แผ่นนั้น ยัยผีนั้นจะต่อต้านได้ยังไง

ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดัง “ ปัง ” พลังของยันต์แพร่ออกมาทันที

ผีผู้หญิงตนนั้นกรีดร้องออกมา ขณะเดียวร่างกายของเธอก็โดนแรงระเบิดซัดปลิวไปกระแทกกับพื้นทันที

แต่ผีผู้หญิงตนนั้นไม่ใช่ผีเร่ร่อนทั่วไป เธอร้ายกาจมาก แถมพลังชั่วร้ายยังเข้มข้นมากอีกด้วย

 

แม้จะโดนยันต์ของหยางเฉ่วเข้าไปหนึ่งแผ่น แต่ตอนนี้เธอกลับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ไม่ได้วิญญาณแตกสลายไป

แต่ผมที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

นี่เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะเข้าไปทำให้เธอยอมแพ้ ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องเป็นฝ่ายทุกข์ทรมานซะเอง

ผมไม่ได้ลังเล ยกดาบในมือขึ้น และตรงเข้าไปแทงที่ท้องของผีผู้หญิงทันที

“ สารเลว ! ”

ระหว่างพูด ผมก็กระโดดลอยตัว พุ่งลงไปแทงทันที

 

ผีผู้หญิงตนนั้นกำลังบาดเจ็บสาหัส ในเวลานี้ผมยังตามมาติดๆ ไหนเลยเธอจะสามารถหลบได้

“ ฉึก ” ผีผู้หญิงตนนั้นกรีดร้องออกมาทันที

ดาบไม้ในมือของผม แทงเข้าไปในท้องของผีผู้หญิงตรงๆ จนมันปักลงกับพื้น

“ ลูกสะใภ้ ! ” ผีตาแก่หันมาอย่างรวดเร็ว ตะโกนมาทางพวกเราหนึ่งครั้ง จากนั้นก็พุ่งเข้ามาโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

เมื่อหยางเฉ่วเห็นผีตาแก่เข้ามาอย่างกระทันหัน ก็เข้าไปตอบรับ เตรียมหยุดเขาเอาไว้ทันที

ในเวลาเดียวกันก็พูดกับผมที่อยู่ด้านหลังของเธอว่า “ ติงฝาน อย่าปราณี ทำลายประตูชีวิต ฆ่าผีผู้หญิงตัวนั้นซะ ไม่อย่างนั้นคนที่ลำบากจะกลายเป็นพวกเรา และคนที่ตายก็คือพวกเราซะเอง ! ”

 

การแทงครั้งนี้ ผมไม่ได้คิดจะเอาชีวิต ผีผู้หญิงจึงยังไม่ตาย

เพราะถ้าพูดจากตำแหน่งที่ไม่มีอวัยวะสำคัญของวิญญาณ มันจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ทำให้พวกเขาแค่บาดเจ็บ แต่ก็ยังมีพลังชั่วหลงเหลืออยู่บ้าง

เฉพาะตำแหน่งหน้าอกและหน้าผากเท่านั้น ถึงจะเป็นจุดตายของพวกวิญญาณ

ดังนั้นผมไม่ได้เลือกจุดตายทั้งสองจุด เพื่อฆ่าผีผู้หญิงในทันที

จุดประสงค์ก็เพื่อไว้ชีวิตเธอ เพราะอีกเดี๋ยวแค่ใช้ยันต์หรือวิธีอื่น กำจัดพลังชั่วร้ายออกจากร่างกายผีผู้หญิงตนนี้ ก็จะสามารถส่งวิญญาณของพวกเขาได้

เพราะสำหรับผม ผีพวกนี้ไม่จำเป็นต้องตายอย่างเดียว

 

พวกเขาเคยฆ่าคน นี่เป็นความผิดเพียงเล็กน้อย

ถึงแม้พวกเราจะฆ่าพวกเขาแล้ว และไม่ได้รับผลกรรมตามมาก็ตาม

แต่ผมก็ไม่อยากทำแบบนั้น เพราะการตายของพวกเขาน่าสงสารมาก

ตอนมีชีวิตได้เจอกับเรื่องที่ไม่ยุติธรรมมามากมาย หลังจากตายไปวิญญาณก็กลายเป็นผีร้ายถึงได้ออกมาอาละวาด นี่จึงเป็นเหตุที่เห็นใครก็เรียก “ นักพัฒนา ! ”

ถ้าผมไว้ชีวิตพวกเขา และสามารถส่งวิญญาณของพวกเขาลงนรกได้

ที่ลงนรก เพราะพวกเขาเคยฆ่าคน จึงต้องตกนรก 18 ชั้นได้รับความทุกข์ทรมานตามกรรมที่ตนเองก่อ หรืออย่างมากก็ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้ได้

 

แต่ นั้นมันดีกว่าวิญญาณแตกสลายไม่ใช่เหรอ ผมกำลังคิดแบบนี้

ต้องรู้ว่าเมื่อวิญญาณไม่มีอยู่แล้ว พวกเขาก็จะหายไปจากโลกนี้จริงๆ วิญญาณจะแตกสลายไม่สามารถออกมาปรากฎตัวได้อีกตลอดกาล

แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆก็ยังหวงแหนชีวิตของมัน แล้วจะนับประสาอะไรกับผีหนึ่งตน

เพราะเหตุนี้ ความคิดที่จะฆ่าของผมจึงไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น และผมยังมีความรู้สึก “ เมตตาต่อผู้หญิง ”

แต่หลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉ่ว ผมก็ขมวดคิ้ว ในเวลาเดียวกันก็ดึงดาบออกมา

ผีผู้หญิงเจ็บมาก เธอกรีดร้อง “ อร๊ายยยย ” ออกมาไม่หยุด

 

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเจ็บปวดทรมานอย่างนั้น ผมก็เริ่มกระวนกระวาย

ผีประเภทนี้ จะต้องตายจริงๆเหรอ ถ้าผมกำจัดเธอจริงๆ ทำให้วิญญาณของเธอแตกสลาย

ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านบริสุทธิ์ ทำให้วิญญาณของพวกเขาแตกสลาย มันดูเหมาะสมแล้วเหรอ

“ นายยังรออะไรอยู่ฮะ ” หยางเฉ่วต่อสู้กับผีตาแก่เป็นที่เรียบร้อย เมื่อเห็นผมไม่ฆ่าผีผู้หญิงซะที เธอจึงรู้สึกร้อนใจ

“ เหล่าติง คนปราบวิญญาณชั่วจะมีความเมตตาไม่ได้นะ ! ” จู่ๆเฟิงเฉ่วหานก็พูดออกมา บางทีเขาอาจอ่านความคิดของผมออก จึงบอกให้ผมฆ่าผีผู้หญิงทันที

 

วินาทีนั้น ผมกังวลและร้อนรนมากจริงๆ

ถ้าบอกว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้ฟังเรื่องที่คนขับรถแท็กซี่พูด และไม่รู้เรื่องของผีพวกนี้ ผมก็คงลงมือฆ่าอย่างไม่ลังเลแล้ว

แต่ตอนนี้การฆ่าทำให้ผมลำบากใจมากจริงๆ

ผู้ชายของตัวเองถูกฆ่าตาย บ้านถูกทำลาย และยังไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม บีบบังคับจนตัวเองต้องฆ่าตัวตาย วิญญาณถึงได้กลายเป็นผีร้าย

ดังนั้น ผมจึงลังเล และไม่ลงมือซะที

เมื่อหยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานร่วมมือกัน ผีตาแก่ตนนั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้อีกต่อไป

 

ขณะที่ผมกำลังลังเล หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานก็ร่วมมือกันโจมตีอย่างรวดเร็ว จนสามารถทำให้ผีตาแก่กลิ้งลงไปอยู่กับพื้นแล้ว และยังเกือบถูกดาบของเฟิงเฉ่วหานฆ่าตาย

ตอนนี้ผีตาแก่กระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็ว จนมาถึงข้างกายของผีเด็ก เขาใช้มือประคองเธอเอาไว้

“ ปู่ ปู่ช่วย ช่วยแม่ของหนูด้วย ! ” ผีเด็กพูดอ้อนวอนขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของผีตาแก่

ในเวลาเดียวกันก็ชี้มาทางผมที่อยู่ห่างออกไป ผมบังเอิญได้ยินประโยคนี้เข้า

จึงหันมามอง พบว่าผีตาแก่กำลังอุ้มตัวผีเด็กเอาไว้ มองพวกเราด้วยความเกลียดชังและความเป็นศัตรู

แต่มันยังไม่จบเท่านี้ เสียงของผีเด็กพึ่งจางหาย ผีตาแก่ตนนั้นก็พยักหน้าให้เธอ

 

จากนั้น เขาก็ตะโกนออกมาทันที “ ยายแก่ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง เจ้าสาม…… ”

เสียงของเขาดังมาก เหมือนมันจะดังก้องไปทั่วตำบลหม่าหวาง

ขณะที่เสียงนี้กระจายออกไป ทันใดนั้นรอบๆก็มีลมกระโชกแรงพัดเข้ามา

“ ฮูฮูฮู ” พัดทรายที่พื้นปลิวไปมา จากนั้นสายลมก็ค่อยๆช้าลง

ขณะที่ลมกระโชกเกิดขึ้น เสียงยายแก่ที่เย็นชา ก็ดังเข้ามายังตำแหน่งของพวกเราเป็นเสียงแรก “ ตาแก่ พวกมันกล้าดีมาจากไหน ถึงได้กล้ามารังแกครอบครัวของพวกเราฮะ ”

“ ฮึ ไอ้พวกรนหาที่ตาย กล้าทำร้ายพี่สะใภ้และหลานของฉัน ! ”

 

“ พี่สะใภ้ น้องรองมาแล้ว ! ”

“ พี่สะใภ้ น้องสามมาแล้ว ! ”

สี่เสียงนี้ ดังขึ้นจากสี่ทิศ

ขณะที่เสียงทั้งสี่ปรากฎขึ้น ทั้งสี่ทิศก็มีเงาสีขาวของใครบางคนปรากฎขึ้นที่พุ่มไม้ จากนั้นก็เข้ามาปรากฎตัวที่มุมเล็กๆของจัตุรัส

เมื่อเห็นฉากนี้ พวกเราสามคนก็มึนงงไปในทันที

เมื่อหันไปมองรอบๆ ก็พบว่าที่นี่มีผีแปดตัวปรากฎตัวขึ้น

ในกลุ่มผีแปดตนนี้มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็ก แต่ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนจะเป็นครอบครัวเดียวกัน

 

เมื่อรวมกันกับผีสามตัวที่อยู่ตรงหน้า หรือเรียกว่าคนในครอบครัวอีกสามคน ก็จะได้จำนวนผีทั้งหมด 11 ตน

จากเรื่องที่คนขับรถแท็กซี่พูด มันก็ดูเข้าเค้านิดหน่อย แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ

สามีภรรยาแก่ชรา มีลูกชายและลูกสะใภ้สามคู่ และตามมาด้วยหลานอีก 3 คน

ผีตนหนึ่งมีอายุราวๆสี่ห้าขวบ เป็นผีเด็ก ส่วนผีอีกหนึ่งตนมีอายุประมาณแปดเก้าปี  เขาก็เป็นผีเด็กเช่นกัน แต่ล้วนเป็นเด็กผู้ชาย

ตอนนี้เมื่อเห็นผี 11 ตนมาอยู่ด้วยกัน ใจผมก็อดไม่ได้ที่จะเต้นแรง

แม่เจ้า นี่พวกเราเข้ามาตีรังผีชัดๆ

 

ผีมากันเป็นครอบครัว คืนนี้พวกเราต้องเจอศึกใหญ่แน่

ในเวลานี้หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานเห็นอีกฝ่ายเรียกทหารเสริมเข้ามา ก็ไม่กล้าประมาท มือข้างหนึ่งของเฟิงเฉ่วหาน ย้ายไปที่กระเป๋า เห็นได้ชัดว่าเจ้านี้คิดจะหยิบขวดยาออกมา

แต่ในเวลาเดียวกันทั้งคู่ ก็ยังถอยมาที่ผมอย่างรวดเร็ว ทำหลังชนกันเป็นรูปสามเหลี่ยมอีกครั้ง

หยางเฉ่วเห็นผมยังไม่ฆ่าผีผู้หญิงตนนั้นซะที จึงอดพูดกับผมอย่างเย็นชาไม่ได้ “ ทำงานในสายนี้ สิ่งที่ห้ามที่สุดก็คือมีเมตตา บางครั้งนายก็ช่วยผีทุกตัวไม่ได้นะหรอก ! ”

เดิมทีผมคิดจะเถียงหยางเฉ่ว แต่เมื่ออ้าปากขึ้น ก็พบว่าไม่มีอะไรจะพูด

หยางเฉ่วพูดถูก บางครั้ง ผมก็ช่วยผีทุกตัวไม่ได้

 

ถ้าวินาทีนี้ผมยังไม่ฆ่าผีผู้หญิงตนนี้ หรือวินาทีต่อไปเธอก็จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง และเข้ามากัดผมตาย

“ เหล่าติง เธอทรมานมาก จบชีวิตให้เธอเถอะ ! ” เฟิงเฉ่วหานพูด

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ

ผมไม่ใช่แม่พระอะไร เป็นแค่คนปราบผี และเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคน หน้าที่ต้องมาก่อน

แต่ก่อนหน้านี้ ผมต้องรักษาชีวิตของตัวเองให้ได้ก่อน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็มองผีผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอีกครั้ง เธอทรมานมาก ร่างกายดิ้นไปดิ้นมาไม่หยุด

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็กัดฟันอย่างแรง และพูดกับผีผู้หญิงว่า “ พี่สาว ขอโทษด้วยนะครับ ! ”

หลังจากพูดจบ ผมก็ใช้ดาบในมือแทงลงไปอีกครั้ง

“ ฉึก ” ครั้งนี้มันแทงลงไปที่หน้าอกของผีผู้หญิง

ผีผู้หญิงตนนั้นเจ็บปวดมาก กรีดร้อง “ อร๊าย ” ออกมาทันที หลังจากนั้นมือและเท้าของเธอก็กระตุกไปมาสองสามครั้ง

แต่เพียงไม่กี่ครั้ง หลังจากนั้นเธอก็กลับมาสงบอีกครั้ง

ต่อมา ผมก็เห็นไอดำ ไหลทะลักออกมา จากแผลที่หน้าอกของผีผู้หญิง

 

และร่างกายของผีผู้หญิง ก็เริ่มกระพริบ และกลายเป็นภาพเบลอๆ

เห็นได้ชัด ว่าวิญญาณของเธอกำลังแตกสลาย

ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมจะไม่ใช่แค่ไม่ฆ่าผีผู้หญิงตนนี้ แต่ยังช่วยวิญญาณของเธอด้วย

แต่ใครจะรู้ขณะที่ส่วนลึกของใจผม กำลังตำหนิตัวเอง

ร่างกายที่เรือนรางของผีผู้หญิงตนนั้น วิญญาณที่กำลังแตกสลายกลับมีนัยต์ตาปรากฎขึ้น เธอกลับมามีสติอีกครั้ง

เธอนอนจ้อง ผมอยู่กับพื้นทั้งๆแบบนั้น

ขณะเดียวกันก็พูดกับผม ด้วยเสียงที่อ่อนแรง “ ตอน ตอนนี้ ฉัน ฉันจะ ฉันจะได้ จะได้หลุด หลุดพ้นซะที…… ”

ศพ

ศพ

Score 10
Status: Completed

หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่แห้งแล้ง เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่รกร้าง พวกมันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงัด มันคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับ คนเป็น …..

Options

not work with dark mode
Reset