ลูกพลับสีหม่น (Mpreg) 15 ทุ่มสุดตัว

ตอนที่ 15 ทุ่มสุดตัว

หลังจากทำสัญญาซื้อขายบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลูกพลับและป้าปิ่นก็ย้ายมาที่บ้านสวนแห่งใหม่เป็นการถาวร มีบ้านหลังแรกในชีวิต โดยในระหว่างนี้ไททันคอยช่วยเหลือและดูแลเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะได้รับมอบหมายจากบิดา อีกส่วนก็เพราะต้องการช่วยเหลือครอบครัวของแฟนสาวด้วย แม้ว่าตอนนี้จะมีเรื่องขัดใจกันอยู่บ้างก็ตามที

ลูกพลับรู้สึกตื่นเต้นกับบ้านหลังใหม่ของครอบครัว แม้จะอยู่เพียงลำพังกับป้าปิ่นในพื้นที่บ้านขนาดเกินตัว แถมยังอยู่ห่างจากเมืองพอสมควร แต่คงไม่ทำให้รู้สึกเหงา เพราะท้องทุ่งนาและพื้นที่สีเขียวรอบตัวจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง เขาชอบที่นี่มาก นอกจากมีพื้นที่ใช้สอยให้ทำกิจกรรมแล้ว ยังได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และคิดว่าที่นี่เหมาะสำหรับการเลี้ยงดูลูกที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

เขาได้ถามไททันว่าใครรู้เรื่องนี้บ้าง อีกฝ่ายตอบว่ามีเพียงทีปกรและศรัยฉัตรเท่านั้นที่รู้เรื่อง ส่วนแทนไทไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วางใจในเมื่อแทนไทยังคงผูกใจเจ็บ เจ้าคิดเจ้าแค้น ทั้งที่เขาเองควรจะเป็นคนที่รู้สึกอย่างนั้น

“ถ้ามีอะไรขาดเหลือบอกผมได้เลยนะครับ ผมจะอำนวยความสะดวกให้”

“ขอบคุณคุณไททันมากค่ะ แต่คงไม่มีอะไรที่ต้องการเพิ่มเติมแล้ว หากเหลืออะไรเดี๋ยวพวกเราจะจัดการกันเอง รบกวนคุณมากแล้วป้าเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ลูกในท้องลูกพลับก็หลานผม ถึงยังไงก็ตัดกันไม่ขาด เอาเป็นว่าผมจะหาเวลามาเยี่ยมบ่อย ๆ นะครับ”

“ขอบคุณค่ะ” ปิ่นวดีส่งยิ้มให้ แม้รู้ว่าอีกฝ่ายชอบพลอกับลูกสาวของตน แต่เธอก็ไม่เคยคาดหวังอะไรมากมาย เพราะรู้ว่าด้วยฐานะที่แตกต่างกันมันย่อมส่งผลต่อความสัมพันธ์ อีกทั้งไททันเป็นลูกชายคนโต เป็นความหวังของวงศ์ตระกูล คงจะต้องถูกคาดหวังเอาไว้สูงเช่นกัน หากทั้งสองมีบุญวาสนาต่อกันคงจะได้แต่งงานกันในที่สุด เธอได้แต่คิดอย่างนั้น

“ผมมีเรื่องขอร้องคุณไททันครับ”

“ว่าไงลูกพลับ”

“อย่าให้คุณแทนไทรู้ว่าผมอยู่ที่นี่จะได้ไหมครับ ผมอยากตัดขาดกับเขาตลอดชีวิต ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย”

“พี่จะพยายามให้ถึงที่สุดก็แล้วกันนะ แล้วถ้ามันรู้ว่าลูกพลับอยู่ที่นี่จะทำยังไง จะย้ายไปที่อื่นหรือเปล่า”

“ไม่หรอกครับ ถ้าทำอย่างนั้นผมคงจะขี้ขลาดตาขาวมาก และคงจะหนีไปตลอดชีวิต ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลัวเขา แค่ไม่อยากรำคาญใจเท่านั้น”

“ถ้ามันมากวนใจเราบอกพี่ได้นะ พี่จะจัดการมันให้”

“ขอบคุณครับ”

ลูกพลับยกมือไหว้พร้อมทั้งส่งยิ้มให้ หันไปหาพี่สาวซึ่งยืนอยู่ข้างไททันอีกที นับดาวยิ้มให้น้องชาย ยื่นมาคว้ามือน้อย ๆ มาจับไว้

“ดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าทำอะไรตามใจเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้แกมีอีกคนที่อยู่ในท้องแล้ว มีอะไรโทรหาพี่นะ”

“ครับพี่ดาว”

สองพี่น้องฉายรอยยิ้มแล้วสวมกอดกันอย่างแนบแน่น แม้จะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ ทว่าความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งกว่าคนมีสายเลือดเดียวกันเสียอีก ปิ่นวดียิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจที่เห็นเด็กทั้งสองรักใคร่กลมเกลียวกัน ดูแลกันในยามทุกข์ยากลำบากตั้งแต่เด็กจนโต

หลังจากไททันและนับดาวกลับไปแล้ว สองคนที่เหลือก็เดินชมรอบบ้าน ตอนนี้อากาศกำลังเย็นสบาย แสงแดดที่สาดส่องลงมายังไม่เข้มข้นมากพอจะทำให้รู้สึกร้อนได้ ลูกพลับสูดอากาศเข้าปอดอย่างรู้สึกผ่อนคลาย ทุกย่างก้าวไม่เร่งรีบเหมือนในเมืองกรุง การมีพื้นที่เป็นของตัวเองรู้สึกเป็นอิสระและไม่กดดัน เรื่องที่เคยทำให้เครียดเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

มือเรียวเลื้อยขึ้นมาสัมผัสท้องของตัวเอง พาลให้นึกถึงใบหน้าของคนที่ทำให้เด็กคนนี้เกิดขึ้นมา เขาจะรู้บ้างไหมว่าเด็กคนนี้เป็นลูกแท้ ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมา เป็นเพียงแค่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

“เอ็งชอบที่นี่ไหมพลับ”

“ชอบครับป้า ที่นี่เงียบสงบดีไม่วุ่นวายเหมือนในเมือง เราคงจะมีความสุขกันมากแน่ ๆ ครับ”

“ป้าได้ยินอย่างนี้ก็โล่งใจ อยู่มาจนหัวหงอกยังไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่พอเอ็งมีน้องทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เอ็งต้องคิดว่าลูกในท้องคือคนที่ฟ้าประทานมาให้พร้อมกับความโชคดี เพราะฉะนั้นเอ็งอย่าคิดมาก ดูแลเขาให้ดี ๆ นะ”

“ครับป้า ผมจะดูแลลูกให้ดีที่สุด มีอะไรแนะนำผมด้วยนะครับ ตอนแรกก็รู้สึกตกใจหลังจากรู้ว่าตัวเองท้องได้ รู้สึกแย่จนไม่อยากจะเก็บลูกไว้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเขามีค่าและสำคัญมากที่สุดในชีวิตผม”

“ได้ยินอย่างนี้ป้าก็ดีใจ”

“ป้าครับผมว่าพื้นที่ว่าง ๆ ข้างบ้านเราทำสวนผักดีไหม แล้วก็เอาไก่มาเลี้ยงด้วย ผมอยากเลี้ยงหมาสักตัวไว้เป็นเพื่อนเล่นป้าว่าดีไหมครับ” เมื่อเห็นพื้นที่ว่างข้างบ้านแล้วก็ทำให้ภาพกิจกรรมต่าง ๆ ผุดขึ้นในหัว อยู่ที่นี่ไม่มีห้างสรรพสินค้าให้เดิน ไม่มีร้านคาเฟ่ให้นั่งตากแอร์เย็น ๆ มีแต่ธรรมชาติและเสียงนกเสียงกาเท่านั้น สิ่งที่จะช่วยคลายความเหงาได้นั่นคือสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น

“เอาสิ อยากทำอะไรก็ทำเลย ป้าสนับสนุนเต็มที่ แล้วหมาที่อยากจะเลี้ยงเป็นพันธุ์อะไร จะได้ให้ดาวมันหามาให้”

“เอาหมาพันธุ์ไทยธรรมดานี่ล่ะครับ จะได้ช่วยเฝ้าบ้านด้วย”

“ก็จริงนะ เผื่อกลางค่ำกลางคืนมีโจรมีขโมย”

“แถวนี้มีหรือครับป้า”

“ป้าก็พูดไว้ก่อนไง ที่ไหนก็มีทั้งนั้นล่ะโจร ขึ้นอยู่กับว่าเราจะซวยวันไหน ป้องกันไว้ก่อนเป็นดี ถ้าอย่างนั้นเอ็งก็เดินเล่นดูอะไรไปก่อนนะ ป้าจะเข้าไปจัดการในบ้าน”

“ครับป้า เดี๋ยวผมจะตามเข้าไปช่วยนะ”

“ไม่เป็นไร เดินเล่นให้สบายใจ ป้าทำคนเดียวได้ บ้านเราหลังไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นหรอกน่า”

ปิ่นวดียิ้มให้หลานชายแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน เมื่ออยู่คนเดียวแล้วลูกพลับจึงตัดสินใจเดินไปดูรอบ ๆ บริเวณบ้าน มีรั้วไม้กั้นแบ่งเขตแดนกับเพื่อนบ้านไว้ไม่สูงมากนัก ข้างบ้านทางฝั่งซ้ายมือมีบ้านหลังหนึ่งดูท่าทางแล้วไม่น่าจะมีคนอยู่ เพราะมีหญ้าขึ้นปกคลุมรกชัฏ ลูกพลับชะเง้อมองได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซต์ขับผ่านหน้าบ้าน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงหมาร้องเสียงดัง จึงรีบเดินตามต้นเสียงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะพบว่ามีหมาน้อยสีน้ำตาลอ่อนตัวหนึ่งถูกรถชน เจ้าตัวจึงรีบวิ่งเข้าไปดู หมายใจจะด่าคนที่ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือแต่อีกฝ่ายขับรถหนีไปเสียก่อน

“น่าสงสารจัง คงจะเจ็บน่าดู”

เจ้าตัวเอ่ยแต่ยังไม่กล้าจับตัว เพราะเจ้าหมาน้อยมีอาการตื่นกลัวคนแปลกหน้า จึงทำได้เพียงนั่งสังเกตอาการ เจ้าหมาน้อยพยายามจะลุกขึ้นแต่กลับล้มลง แค่นี้ก็พอจะเดาออกว่าน่าจะขาหัก เขาจึงกลับไปที่บ้านแล้วนำผ้าผืนหนึ่งติดมือมาด้วย แถมยังมีไก่ย่างชิ้นหนึ่งที่ขอป้าปิ่นออกมาให้เจ้าหมาน้อยกิน ใช้ความพยายามไม่นานก็สามารถจับเนื้อต้องตัวเจ้าหมาน้อยผู้โชคร้ายตัวนั้นได้ เขาจึงอุ้มกลับไปที่บ้านเพื่อช่วยปฐมพยาบาล

“ป้าครับมาแล้ว”

“ไหนดูซิ”

“สงสัยขาจะหักครับ ผมจะช่วยปฐมพยาบาลให้ แล้วค่อยพาไปหาหมอ”

“โถ น่าสงสารจริง ๆ แล้วมีเจ้าของไหมล่ะนั่น”

“ผมก็ไม่รู้ครับ ตอนเห็นครั้งแรกก็อยู่ตัวเดียว ไม่มีปลอกคอคงไม่มีเจ้าของมั้งครับ”

“เดี๋ยวป้าช่วย ว่าแต่แถวนี้มีคลินิกรักษาสัตว์หรือเปล่านะ”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ สงสัยคงต้องค้นหาในเน็ตเอา”

“ถ้างั้นค่อยว่ากันอีกทีช่วยมันก่อนเร็ว”

สองป้าหลานช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้น้องหมาตัวนั้น ในขณะที่มันก็ส่งเสียงร้องตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวด แม้จะรู้สึกสงสารแต่ก็ต้องฝืนเข้าเฝือกจำเป็นเพื่อไม่ให้กลายเป็นหมาพิการก่อนจะโต

รถมอเตอร์ไซต์คันใหม่ที่เพิ่งจะซื้อมา คือพาหนะพาน้องหมาออกไปพบคุณหมอที่คลินิก โชคดีที่มีคลินิกรักษาสัตว์อยู่ไม่ไกลมาก ขับรถไปประมาณสิบห้านาทีก็ถึง คุณหมอหนุ่มผู้แสนใจดีช่วยเข้าเฝือกให้น้องหมาจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนมายังช่วยจัดยาให้อีกต่างหาก ส่วนค่ารักษาคิดไม่แพงมากหลังจากรู้ว่าลูกพลับคือพลเมืองดีที่ช่วยเหลือชีวิตลูกหมาน้อยเอาไว้

ในเมื่อน้องหมาไม่มีเจ้าของ ประจวบเหมาะว่าตนเองอยากจะได้หมามาเลี้ยงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงปรึกษากับป้าปิ่นว่าจะเลี้ยงดูเจ้ามาตัวนี้เอาไว้เสียเอง อีกฝ่ายยินดีและเห็นด้วยจึงนั่งคิดช่วยกันตั้งชื่อ ในที่สุดก็ตกลงกันได้ว่าจะตั้งชื่อให้เจ้าหมาน้อยผู้โชคร้ายนั้นว่า เจ้าโชคดี มันโชคดีที่ได้มาเจอกับเขาและป้าปิ่น ไม่อย่างนั้นคงจะกลายเป็นหมาพิการหรือไม่ก็ตายไปแล้วโดยไม่มีใครสนใจ

*-*-*-*-*-*-*-*

หลายวันก่อนแทนไทตัดสินใจขายรถราคาหลายล้านบาท ซึ่งรถหรูคันนี้บิดาเคยซื้อให้เพื่อเป็นรางวัลหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ บัดนี้เหลือไว้เพียงรถบิ๊กไบค์คันโปรดที่เคยขับไปออกทริปกับเพื่อน ๆ ไว้ขับขี่ไปไหนมาไหนเท่านั้น หลายคนอาจจะสงสัยว่าเขานำเงินที่ขายรถไปทำอะไร คำตอบก็คือไปซื้อบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่แถวชานเมือง เป็นบ้านสวนห่างไกลจากความวุ่นวาย ต้องใช้เวลาเดินทางนานหลายนาทีกว่าจะไปถึงมหาวิทยาลัย เขาเลือกจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นในช่วงวันหยุด เพื่อจะได้อยู่ใกล้กับใครบางคนเพื่อจับตาดูพฤติกรรม ไม่ให้ใครเข้าใกล้และไม่ให้มีโอกาสไปอ่อยใครอีก โดยเขาเองก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ทำอย่างนี้คืออะไรกันแน่

แทนไทขับบิ๊กไบค์คันโปรดมาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนถอดหมวกกันน๊อควางไว้บนถังน้ำมันหน้ารถแล้วจัดทรงผมให้ดูดี ลงมาจากรถก็เห็นพี่ชายกำลังยืนกอดอกมองดูก่อนแล้ว เขาทำเป็นเมินเมื่อเห็นหน้าพี่ชายแสนชังคนนั้น กำลังจะเดินผ่านแต่ก็มีเสียงอันไม่พึงประสงค์ทักทาย

“มึงขายรถทำไม มึงก็รู้ว่ารถคันนั้นพ่อซื้อให้เป็นของขวัญตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”

“แล้วไง มันเป็นรถกูแล้วจะขายหรือไม่ขายก็เป็นสิทธิ์ของกู มึงไม่ต้องมายุ่ง”

“มึงเอาเงินไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่มาขอคุณพ่อดี ๆ หรือไปเล่นพนันจนเป็นหนี้เป็นสิน”

“ถึงกูจะเลวก็ไม่คิดสั้นอย่างนั้นหรอก อย่ามาเสือกเรื่องของกู” ว่าใส่หน้าพี่ชายแล้วเดินเบียดไหล่ไป ทว่าไททันรั้งต้นแขนน้องชายเอาไว้เสียก่อน

ลูกพลับสีหม่น (Mpreg)

ลูกพลับสีหม่น (Mpreg)

Score 10
Status: Completed

ความผิดพลาดในค่ำคืนแห่งความอัปยศอดสู ทำให้ลูกพลับซึ่งกำลังจะมีอนาคตที่สดใส กลับกลายมาเป็นคุณแม่มือใหม่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทว่าสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือผู้ชายคนนั้นไม่ยอมรับลูกในท้อง ไม่ยอมรับว่าเขาเป็นเมีย ไม่ยอมรับการมีตัวตนของเขาและลูก เสียทุกอย่างได้แต่จะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี เขาจะต้องทำให้ผู้ชายคนนั้นเจ็บปวดและทรมานอย่างแสนสาหัสที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset