ลิขิตกลกาล 193 น่าขัน

ตอนที่ 193 น่าขัน

“ดูไม่ออกเลยว่าองค์ชายเยียลี่ว์จะเป็นคนที่มีความมั่นใจเช่นนี้” ลี่หยวนตี้แย้มสรวลที่ยากจะเข้าใจความหมาย “การมั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องที่ดีแต่มีความั่นใจก็ต้องมีกำลังเพียงพอที่จะช่วยสนับสนุนให้ประสบความสำเร็จด้วย”

 

 

เยียลี่ว์เยี่ยนฟังคำพูดประชดประชันที่อยู่ในคำพูดของลี่หยวนตี้ออก นี่เขากำลังเยาะเย้ยในความพร่ำเพ้อหลงไหลนี้ของตนหรือ

 

 

เยียลี่ว์เยี่ยนอดหัวเราะในใจไม่ได้ พร่ำเพ้อ? หลงไหล? คอยดูก็แล้วกัน ตนจะพิสูจน์ให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ

 

 

“อย่างนั้นกระหม่อมจะเริ่มลงมือก่อนแล้ว แต่ถ้าหากกระหม่อมได้รับการยินยอมให้แต่งงานกับโฉมงามนางนั้น กระหม่อมหวังว่าถึงเวลานั้นฮ่องเต้ลี่หยวนตี้คงจะไม่ขัดขวางนางไว้ด้วยเหตุผลอย่างอื่นอีก”

 

 

“ไม่แน่นอนๆ” ลี่หยวนตี้ขำพรวดออกมา “อย่างที่เขาว่ากันว่า รื้อวัดสิบวัดยังไม่เท่าทำลายงานแต่งเพียงงานเดียว ข้าไม่ทำตัวเช่นนั้นแน่”

 

 

“วันหน้าค่อยพบกันใหม่ฝ่าบาท”

 

 

“อื้ม” ลี่หยวนตี้หันหน้าไปส่งสัญญาณให้เหล่าขันทีผู้น้อยที่อยู่ข้างๆ “ไปส่งองค์ชายเยียลี่ว์ด้วย”

 

 

“พะย่ะค่ะ”

 

 

ณ ตำหนักหน้า ลี่หยวนตี้ยังไม่ได้ลุกขึ้นทันที แต่เขายังคงทอดพระเนตรมองด้านหลังของเยียลี่ว์เยี่ยนที่ค่อยๆ ลับตาออกไปเรื่อยๆ จากนั้นจึงตรัสขึ้นว่า “เจ้าหลี่ เจ้าว่าเรื่องนี้น่าขันหรือไม่”

 

 

หลี่กงกงที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงครุ่นคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “บ่าวรู้สึกว่าน่าขันยิ่งพะย่ะค่ะ”

 

 

“อ่อ? หมายความว่าอย่างไร” ลี่หยวนตี้ประนมมือขึ้นแล้วหันหน้าไปทางหลี่กงกงเตรียมจะฟังว่าเขาจะพูดว่าอย่างไรต่อ

 

 

“เรื่องนี้…” เมื่อหลี่กงกงอยู่ภายใต้การจับจ้องของลี่หยวนตี้เช่นนี้ก็แอบกลืนน้ำลายก่อนเอ่ยว่า “องค์ชายเยียลี่ว์ผู้นี้คงจะลืมเรื่องสำคัญไปเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ ที่นี่คือแผ่นดินต้าชั่ว และยังมีอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ฝ่าบาทคือฮ่องเต้”

 

 

ว่ากันตามจริงแล้วตอนนี้หลี่กงกงเริ่มขาอ่อนแล้ว เพราะคำถามของเจ้าแผ่นดิน หากตอบได้ดีก็มีโอกาสได้รับรางวัลแต่หากตอบไม่ดีเล่า หัวอาจจะหลุดจากบ่าได้ภายในระยะเวลาเพียงชั่วครู่!

 

 

แม้ว่าลี่หยวนตี้จะไม่ใช่ฮ่องเต้แบบเผด็จการและโง่เขลา แต่รัศมีของการเป็นเจ้าแผ่นดิน หากเขาแสดงมันออกมาเมื่อไหร่มีหรือที่จะไม่ทำให้คนพวกนี้ต้องขาสั่น!

 

 

“ฮ่าๆๆๆ” ลี่หยวนตี้ยื่นมือออกไปลูบไหล่ของหลี่กงกง “เจ้าพูดมิผิดเลย” ที่นี่คือต้าชั่วและเขาก็ยังเป็นเจ้าแผ่นดินเพียงคนเดียวของที่นี่!

 

 

ดังนั้นการกล่าวให้คำมั่นด้วยท่าทีมั่นใจแน่วแน่ของเยียลี่ว์เยี่ยนเมื่อครู่นี้นั้น ในสายตาของลี่หยวนตี้แล้วกลับเป็นเพียงแค่การละเล่นของเด็กน้อยเท่านั้น เขาเพียงดูเพื่อความบันเทิงก็เพียงพอแล้ว

 

 

เพราะเมื่อมีคนยินดีแสดงละครโง่ๆ ให้ดูเปล่าๆ เขาจะยังมีเหตุผลอะไรให้ต้องขัดขวางด้วยเล่า

 

 

    ……

 

 

ณ จวนจิ้งอันโหว

 

 

“นายท่าน”

 

 

“ว่ามา” ต้วนเฉินเซวียนหันตัวมาพร้อมวางของในมือลง “ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว”

 

 

“เป็นอย่างที่นายท่านเดาไว้ไม่มีผิด เช้าวันนี้เยียลี่ว์เยี่ยนไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้จริงๆ ถึงแม้ว่าบ่าวจะไม่รู้รายละเอียดแน่ชัด แต่เมื่อมองจากท่าทางการเดินของฮ่องเต้แล้วก็ไม่นับว่าโมโหมากนัก” ถึงขั้นดูจะมีอารมณ์ดีหน่อยๆ? องครักษ์ที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นตกอยู่ในภวังค์ ทว่าเรื่องอารมณ์ดีนั้น…เขาอย่ารายงานเลยจะดีกว่า เพราะท่าทางของนายท่ายตอนสั่งให้เขาไปจับตาดูเรื่องนี้ออกจะเคร่งเครียดมาก!

 

 

“เพิ่งจะไปวันนี้เองหรือ” ต้วนเฉินเซวียนเลิกคิ้ว “แหล่งข่าวของเยียลี่ว์เยี่ยนแคบเกินไปหรือว่าตัวเขาขี้ขลาดเกินไปกันแน่ ถึงเพิ่งจะอยากไปพบตาแก่วันนี้” เนื่องจากเขารออยู่ที่จวนแห่งนี้จนอกจะแตกตายอยู่แล้ว!

 

 

เขาปล่อยข่าวนี้ออกไปตั้งหลายวันแล้ว เยียลี่ว์เยี่ยนกลับยังคงนั่งใจเย็นอยู่ได้ อีกนิดเดียวเขาก็เกือบจะส่งคนไปกระซิบข้างหูเยียลี่ว์เยี่ยนแล้วว่าเขากำลังจะไปสู่ขอซูเหลียนอวิ้น

 

 

  จากนั้นเขาก็จะยุแยงเยียลี่ว์เยี่ยนอีกสักนิดให้เขารีบไปหาลี่หยวนตี้เพื่อพูดเรื่องขอแต่งงาน! เพราะหากไม่รีบพูดเรื่องแต่งงาน เยียลี่ว์เยียนน้องสาวของเขาก็ใกล้จะเข้าพิธีอภิเษกเต็มทีแล้ว เขาคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ที่ต้าชั่วต่อไป

 

 

“อย่างนั้นตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรต่อไปขอรับ” สุดท้ายองครักษ์ผู้นั้นก็เอ่ยปาก

 

 

“ยังต้องให้บอกอีกรึ” สีหน้าของต้วนเฉินเซวียนเคร่งขรึมขึ้น “เหตุใดคนของข้าถึงได้โง่เขลานัก! ตอนนี้พวกเจ้ายังไม่รีบเข้าวังแล้วรีบไปบอกตาแก่นั่นอีก! บอกว่าข้าก็อยากจะแต่งงานกับซูเหลียนอวิ้นเช่นกัน”

 

 

จากนั้นต้วนเฉินเซวียนก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ยังมีอีกเรื่องก็คือตอนนี้พวกเจ้าต้องรีบเฆี่ยนม้าไปส่งข่าวแบบปากต่อปากหรือว่าอะไรก็ได้

 

 

ให้ที่ค่ายทหารให้ทราบเร็วที่สุด โดยจะต้องให้ซูปั๋วชวนแม่ทัพใหญ่รู้ข่าวว่าตอนนี้เยียลี่ว์เยี่ยนคิดจะสู่ขอซูเหลียนอวิ้น”

 

 

  “อ้อ อย่างนี้เอง!” องครักษ์ผู้นั้นพยักหน้าทึ่มๆ “บ่าวทราบแล้ว บ่าวจะรีบแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม”

 

 

“อืม” ต้วนเฉินเซวียนพยักหน้า “รีบไปซะและจำเอาไว้ด้วยว่าต้องทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว!” เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถรออีกต่อไปได้แล้ว อีกอย่างในใจเขายังแอบหวั่นว่าทางลี่หยวนตี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น

 

 

เพราะการยอมให้คนต่างเมืองแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของแม่ทัพอันดับต้นๆ ของเมือง ขอแค่ลี่หยวนตี้ไม่โง่เขลาก็คงจะไม่มีทางตอบรับเรื่องเหลวไหลเช่นนี้แน่! ดังนั้นตอนนี้เขาคงจะมีข้ออ้างบางอย่างบอกปัดเยียลี่ว์เยี่ยนไปส่งๆ กระมัง

 

 

แต่ว่าเป็นเหตุผลอะไรนั้น นี่ต่างหากที่ต้องครุ่นคิดอย่างหนัก! เพราะหากเขาชี้นิ้วสั่งหรือพูดส่งเดชไปมั่วๆ แล้วยกซูเหลียนอวิ้นให้ผู้อื่นไปจะทำอย่างไร ต้วนเฉินเซวียนรู้สึกว่าเรื่องเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น!

 

 

ดังนั้นการจะลงมือทำอะไรในตอนนี้มีแต่จะต้องเร่งมือ เร่งมือและเร่งมือเท่านั้น!

 

 

“นายท่าน!” ในขณะที่ต้วนเฉินเซวียนกำลังจะพักผ่อนเพื่อพยายามข่มไม่ให้ตัวเองเอาแต่ครุ่นคิดว่าลี่หยวนตี้จะทำอะไรอยู่นั้น

 

 

หลิวจือก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรนโดยที่ไม่ยอมเคาะประตูเลยด้วยซ้ำ “นายท่านๆ”

 

 

“ว่ามา!” ต้วนเฉินเซวียนลุกขึ้นแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีอย่างยิ่ง “หรือว่าการที่เจ้าเอาแต่เรียกข้าจะทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไรอย่างนั้นรึ เจ้ารีบพูดออกมาเร็วๆ เข้า!” ตอนนี้ผู้ใดก็ตามที่ขัดขวางการนอนของเขา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรล้วนจะต้องรู้สึกละอายใจทั้งนั้น!

 

 

“นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินมาถึงที่นี่แล้ว” หลิวจือก้มหน้า สีหน้าของเขาตื่นเกร็ง “เข้ามาถึงประตูแล้วขอรับ”

 

 

ต้วนเฉินเซวียน “….”

 

 

เจ้าทึ่มหลิวจือเหตุใดเจ้าถึงไม่บอกมาตั้งแต่ทีแรก?! สภาพของเขาตอนนี้ต่อให้คิดจะปีนหน้าต่างหนีก็ไม่ทันเสียแล้วกระมัง

 

 

“เซวียนเอ๋อร์ เป็นอะไรไป ไม่อยากต้อนรับแม่หรือ” ในขณะที่ต้วนเฉินเซวียนกำลังรีบจะเอาตัวเองเข้าไปซุกอยู่ใต้ผ้าห่มเพื่อแสร้งป่วยแต่ยกผ้าห่มขึ้นไม่ทันอยู่นั้น จางชื่อก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วมองดูเขาด้วยสีหน้าขบขัน

 

 

จางชื่อหรือจางเจาหวาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นการกระทำของต้วนเฉินเซวียนแล้วเดินเข้ามานั่งบนเตียงแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ลูก แม่มาแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่หาน้ำหาท่ามาให้แม่ดื่มเล่า นี่เรียกว่าไม่กตัญญูได้หรือไม่”

 

 

   ต้วนเฉินเซวียนคิดในใจว่า สุดท้ายก็ช้ากว่าไปหนึ่งก้าว! ผู้ใดกันที่ไม่ยอมดูตาม้าตาเรือถึงยอมล่อยให้แม่ของเขาเข้ามาถึงในนี้ได้!

 

 

“ท่านแม่ น้ำ” ต้วนเฉินเซวียนหันไปเทน้ำให้แก้วหนึ่งแล้วยื่นให้อย่างขอไปที “ท่านแม่ ลูกง่วงแล้ว”

 

 

“ง่วงแล้วหรือ ง่วงแล้วก็อย่าเพิ่งรีบนอนเลย อยู่เป็นเพื่อนคุยกับแม่ก่อน จากนั้นแม่รับประกันว่าเจ้าจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง”

ลิขิตกลกาล

ลิขิตกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 132 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ฉู่ชาติที่แล้วบุตรีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ซูเหลียนอวิ้น มอบใจทั้งดวงให้คุณชายสืบทอดแห่งจวนโหว
ต้วนเฉินเซวียน ผู้เป็นที่เลื่องลือด้านความเลือดเย็นไร้หัวใจมาตั้งแต่แรกพบเมื่อครั้งเยาว์วัย
เพียรพยายามทำทุกวิถีทางให้เขารู้ว่านางมีใจ

เขาเฉยชาใส่นาง ไม่เป็นไร นางหาได้ท้อไม่

แต่ทว่าด้วยเพราะความเข้าใจผิด เขากลับเป็นผู้ปลิดชีวิตนาง ยามนี้เมื่อนางได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่ ไหนเลยจะเลือกเดินตามเส้นทางเดิมอีก ด้วยกลัวต้องมีจุดจบถูกเขาฆ่าตายเป็นครั้งที่สอง ซูเหลียนอวิ้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งและโดดเด่นกว่าเดิม ทั้งยังพยายามหลบลี้หนีหน้าเขาให้ไกล ทว่าเหตุไฉนคนใจร้ายผู้นั้นจึงได้เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายเข้าหานางเสียเองเล่า!

Options

not work with dark mode
Reset