ลิขิตกลกาล 132 ประหลาดใจ

ตอนที่ 132 ประหลาดใจ

“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูนอนไปแล้วหรือยัง?” ผูหลิวเห็นว่าเสียงเทียนยังคงสว่างไสวอยู่ในห้องของซูเหลียนอวิ้นจึงเคาะที่ประตูห้องสองทีพร้อมเอ่ยถามขึ้น

 

 

“หลีมู่หรือ?” ซูเหลียนอวิ้นเงยหน้าขึ้นแล้ววางตัวหมากล้อมในมือลง “ข้ายังมานอน มีเรื่องอะไรก็เข้ามาเถิด”

 

 

ด้านนอกยังคงมีฝนตกหยิมๆ ลงมาอยู่ แม้ว่าจะดีกว่าตอนเช้าที่ฝนตกถล่มลงมามากแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อประตูถูกเปิดเพียงชั่วครู่ ละอองฝนที่ถูกลมยามวิกาลพัดเข้ามาก็ทำให้ซูเหลียนอวิ้นตัวสั่นและรู้สึกหนาวได้!

 

 

“คุณหนูใหญ่ เป็นบ่าวเองเจ้าค่ะ หลีมู่นอนหลับไปแล้ว” ผูหลิวปิดประตูอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีลมลอดเข้ามาได้อีก

 

 

“เจ้าเองหรือ” ซูเหลียนอวิ้นยิ้มให้ “เจ้าคงเป็นคนที่นอนห้องเดียงกับหลีมู่กระมัง?”

 

 

นั่นเป็นเพราะว่าสองคนนี้มีนิสัยที่คล้ายคลึงกัน อย่างน้อยๆ ดูแล้วก็น่าจะพอพึ่งพาได้? แน่นอนว่ายังมีเหตุผอื่นอีก นั่นก็คือหยาเอ่อร์กับเนี่ยนเอ๋อร์ ทั้งสองคนนี้มีนิสัยร่าเริงอย่างมาก ทั้งคู่จึงสามารถเข้ากันได้ดี ดังนั้นก็เหลือผูหลิวเท่านั้นที่ต้องไปนอนกับหลีมู่

 

 

“เจ้าค่ะ” ผูหลิวพยักหน้า “บ่าวไม่มีเรื่องอื่นใด เพียงแค่เห็นว่าดึกดื่นป่านนี้แล้วแต่ไฟในห้องของคุณหนูยังคงสว่างอยู่ ก็เลยแวะมาดูเสียหน่อย ในเมื่อคุณหนูใหญ่เล่นหมากล้อมอยู่ บ่าวก็ไม่รบกวนแล้ว” เมื่อพูดจบผูหลิวก็ตั้งท่าจะถอยออกไป

 

 

“เอ๊ะ เดี๋ยวๆ !” ซูเหลียนอวิ้นฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา “เจ้าอย่าเพิ่งไป” แม้ว่าตอนนี้นางจะมีองครักษ์ห้าคน หากรวมกับหลานเย่ว์แล้วก็มีถึงหกคน!

 

 

แต่ว่าน้ำที่อยู่ไกลมิอาจแก้กระหายได้[1] ตอนนี้ซูเหลียนอวิ้นคิดว่ามีคนคอยเฝ้านางสักคนหนึ่งตอนนี้ นางถึงจะพอวางใจได้

 

 

“ฝีมือของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซูเหลียนอวิ้นเอ่ยปากอย่างตื่นเต้น เนื่องจากหากถึงเวลานั้นแล้วต้วนเฉินเซวียนมาตามนัดจริงๆ แล้วผูหลิวสู้เขาไม่ได้ เช่นนั้นคงจะ…ขายหน้าเต็มที!”

 

 

คงจะเหมือนโดนตบหน้าดังเพี๊ยะๆ เลยล่ะ!

 

 

“เรื่องนี้…” เมื่อผูหลิวได้ยินซูเหลียนอวิ้นถามเช่นนี้ สีหน้าของนางก็แสดงออกถึงความยากลำบาก จะให้นางเปรียบเทียบอย่างไรดี?

 

 

เนื่องจากในมุมมองของผูหลิวแล้ว ซูเหลียนอวิ้นถือเป็นคุณหนูที่มีความสามารถแต่ไม่แสดงออกผู้หนึ่ง ดังนั้นความหมายแฝงของคำว่าฝีมือดี…บางทีคำว่าฝีมือดีในความหมายของซูเหลียนอวิ้นอาจมีความหมายตรงตัวตามหนังสือ เช่น สามารถเหาะเหินหรือดำดิน ฟันแทงไม่เข้า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ หากเช่นนี้คือความหมายของคำว่าฝีมือดี…เช่นนั้นแล้วคงต้องบอกว่านางฝีมือไม่ได้เรื่อง!

 

 

“ในบรรดาพวกเราทั้งห้าคน…ฝีมือของบ่าวถือว่าอยู่ในระดับกลาง” ผูหลิวได้ข้อสรุปในที่สุดหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

 

 

“อ้อ เช่นนี้เอง” งั้นก็จัดว่าธรรมดากระมัง?

 

 

เช่นนั้นคงจะแย่หน่อยกระมัง…เนื่องจากระดับวรยุทธ์ของต้วนเฉินเซวียนเป็นอย่างไร แม้ซูเหลียนอวิ้นจะไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง แต่จากคำบอกเล่าและจากการที่นางเคยเห็นวรยุทธ์ของหรงซู่แล้วนั้น วรยุทธ์ของต้วนเฉินเซวียนจะต้องสูงกว่าหรงซู่แน่ ไม่มีทางต่ำไปกว่ากัน!

 

 

“เช่นนั้นคืนนี้เจ้าเอาฟูกมาปูนอนกับข้าตรงนี้ก็แล้วกัน” ซูเหลียนอวิ้นชี้ไปที่ตู้ใบหนึ่ง “ด้านในมีฟูกกับผ้าห่มที่ค่อนข้างหนา ช่วงนี้ข้ารู้สึกว่าจิตใจของข้ากระสับกระส่าย นอนไม่ค่อยหลับ ดังนั้นหากมีคนนอนเป็นเพื่อนข้า ข้าคงจะเบาใจได้บ้าง”

 

 

“แต่ตอนนี้หลีมู่หลับไปแล้วแถมหลีมู่เองก็ไม่มีวรยุทธ์ด้วย ดังนั้นวันนี้ข้าคงต้องขอร้องผูหลิวแล้ว ได้หรือไม่?” ซูเหลียนอวิ้นพูดไปพลางพลางเอามือกุมหน้าผากเอาไว้ ดูจากท่าทางแล้วอ่อนแอเหนื่อยล้าคล้ายใกล้จะเป็นลมลงไปเต็มที

 

 

ผูหลิว “…ได้เจ้าค่ะ คุณหนู” คุณหนูใหญ่สนิทกับคนง่ายยิ่งนัก…นางเพิ่งมาวันนี้เป็นวันแรกเอง แต่กลับเข้าห้องของเจ้านายได้แล้ว?

 

 

 

 

 

 

ฮ้อ พัฒนาเร็วเช่นนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าดีหรือร้าย เพราะดูท่าทางของซูเหลียนอวิ้นแล้วคล้ายไม่ใช่คนที่จะยอมเชื่อใจใครง่ายๆ แต่กลับขอร้องนางเช่นนี้? คงมิได้มีจุดมุ่งหมายอื่นกระมัง…

 

 

“เอาเช่นนี้ก็แล้วกันคุณหนูใหญ่ บ่าวจะคอยดูคุณหนูอยู่ตรงนี้ มิต้องปูฟูกที่นอนก็ได้ คุณหนูจะได้วางใจ” เมื่อผูหลิวคิดๆ ดูแล้ว นางก็รู้สึกว่าเอาเช่นนี้จะดีกว่า

 

 

เพราะว่าดูจากท่าทางแล้วคล้ายว่าซูเหลียนอวิ้นมีบางเรื่องที่จะต้องจัดการกลางดึก? เช่นนี้แล้วทางที่ดีนางจึงควรพยายามเตรียมการทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบ มิเช่นนั้นหากเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นแล้ว ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะไม่กล้าลงมือทำอะไร

 

 

“ก็ได้” ซูเหลียนอวิ้นพยักหน้า เพราะหากพรุ่งนี้หลีมู่รู้เรื่องนี้เข้า…นางเกรงว่าหลีมู่จะต้องรู้สึกหวงและไม่ชอบใจเอาได้ เพราะก่อนหน้านี้เนี่ยนเอ๋อร์ก็ไม่เคยนอนค้างคืนร่วมกับนางมาก่อน อีกอย่างผ้าห่มชุดนั้นยังเป็นของหลีมู่ด้วย หากถูกคนนำไปใช้ ผู้ใดบ้างจะไม่โมโห?

 

 

เวลากลางดึก ฝนยามราตรีได้หยุดลง บรรยากาศโดยรอบถูกแทนที่ด้วยเสียงนกเสียงการ่ำร้องในคืนสงัดเงียบ

 

 

ซูเหลียนอวิ้นนอนตะแคงอยู่บนเตียง สายตาของนางจ้องไปยังทิศทางของประตูผ่านมุ้งที่คลุมอยู่

 

 

ตอนนี้นางอยากให้ต้วนเฉินเซวียนรีบมาเสียเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นนางคงมิอาจวางใจนอนหลับได้โดยไม่สนใจอะไร! เมื่อมาแล้วจะได้รีบไล่กลับไป จากนั้นปัญหาจะได้ถูกจัดการโดยสิ้นซาก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วนางจะได้นอนหลับอย่างสบายใจ

 

 

หลังจากรออย่างร้อนใจอยู่เป็นเวลาหนึ่งก้านธูป หนังตาของซูเหลียนอวิ้นก็มิอาจฝืนลืมตาเอาไว้ได้อีก แต่ในตอนนั้นเองกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

 

 

“ผูหลิว!” ซูเหลียนอวิ้นเรียกขึ้นเบาๆ

 

 

“บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ” มีเสียงดังขึ้นเล็กน้อย จากนั้นผูหลิวก็ปรากฏตัวออกมาจากบนคานห้องทันที สำหรับองครักษ์แล้ว การไม่ได้นอนกลางคืนถือเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ดังนั้นผูหลิวในตอนนี้ยังคงมีสีหน้าสดใสตามเดิม

 

 

ซูเหลียนอวิ้นยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปาก ส่วนมือด้านซ้ายชี้ไปที่ประตู จากนั้นจึงชี้ไปที่ผ้าม่านของตนเป็นการส่งสัญญานให้ผูหลิวมาหลบอยู่ด้านหลัง

 

 

 

 

 

 

เพราะหากผูหลิวปรากฏตัวออกมาตอนนี้จะไม่ค่อยสวยงามนัก! นางต้องทำให้คนบางคนตื่นเต้นเสียหน่อย

 

 

“แค่ก” ด้านนอกประตูมีเสียงไอเสียงดังดังขึ้น “ซูเหลียนอวิ้น เจ้านอนแล้วหรือยัง?”

 

 

ซูเหลียนอวิ้นฟังเสียงที่ดังขึ้น จากนั้นจึงกลืนน้ำลายลงไปโดยไม่รู้ตัว อีกเดี๋ยวก็จะรู้เองว่าข้านอนหรือยัง!

 

 

“ข้าจะเคาะประตูอีกที หากเจ้ายังไม่ตอบรับ ข้าจะเข้าไปเดี๋ยวนี้แล้ว หากเจ้าส่งเสียงออกมาสักหน่อย ข้าก็จะรอเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมพูดยอมจา ข้าจะถือว่าเจ้ายินยอมแล้วจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ แต่หากข้าเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นอีก เจ้าก็อย่าโทษข้าก็แล้วกัน” ท้ายประโยคเสียงของต้วนเฉินเซวียนแหลมขึ้น ทำให้รู้ได้ว่าคนที่อยู่ด้านนอกผู้นี้อารมณ์ไม่เลวเลยทีเดียว

 

 

มือทั้งสองข้างของซูเหลียนอวิ้นกำผ้าห่มไว้แน่น และยังไม่ส่งเสียงอะไรออกไป! เพราะนางกำลังกัดฟันทนและโมโหอย่างมาก เมื่อวานโดนฟันลึกเสียขนาดนั้นยังไม่พิการไปอีกหรือ? ผ่านไปเพียงวันเดียวกลับมีน้ำเสียงสดใสเช่นนี้อีก!

 

 

ต้วนเฉินเซวียนรออยู่ด้านนอก นับถอยหลังตามจำนวนที่ตัวเองต้องการ สุดท้ายจึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไป

 

 

เขาแน่ใจและมั่นใจมากว่า ซูเหลียนอวิ้นยังไม่นอนอย่างแน่นอน! เพราะเขาคิดว่าคงไม่มีใครกล้าหลับได้ลงหลังจากที่เขาทิ้งคำพูดประโยคนั้นเอาไว้เมื่อวานกระมัง? อีกอย่างคนผู้นั้นยังเป็นซูเหลียนอวิ้น ดังนั้นตอนนี้ต้วนเฉินเซวียนจึงใคร่รู้มากว่าซูเหลียนอวิ้นจะปรากฏตัวอย่างไรต่อหน้าเขา

 

 

เพราะทุกครั้งที่เจอหน้ากันมักจะมีเรื่องให้ประหลาดใจใหม่ๆ ในทุกครั้ง

 

 

 

 

——

 

 

[1] น้ำที่อยู่ไกลมิอาจแก้กระหายได้ หมายถึงวิธีการแก้ปัญหาที่ชักช้า ไม่อาจแก้ปัญหาเร่งด่วนได้

ลิขิตกลกาล

ลิขิตกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 132 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ฉู่ชาติที่แล้วบุตรีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ซูเหลียนอวิ้น มอบใจทั้งดวงให้คุณชายสืบทอดแห่งจวนโหว
ต้วนเฉินเซวียน ผู้เป็นที่เลื่องลือด้านความเลือดเย็นไร้หัวใจมาตั้งแต่แรกพบเมื่อครั้งเยาว์วัย
เพียรพยายามทำทุกวิถีทางให้เขารู้ว่านางมีใจ

เขาเฉยชาใส่นาง ไม่เป็นไร นางหาได้ท้อไม่

แต่ทว่าด้วยเพราะความเข้าใจผิด เขากลับเป็นผู้ปลิดชีวิตนาง ยามนี้เมื่อนางได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่ ไหนเลยจะเลือกเดินตามเส้นทางเดิมอีก ด้วยกลัวต้องมีจุดจบถูกเขาฆ่าตายเป็นครั้งที่สอง ซูเหลียนอวิ้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งและโดดเด่นกว่าเดิม ทั้งยังพยายามหลบลี้หนีหน้าเขาให้ไกล ทว่าเหตุไฉนคนใจร้ายผู้นั้นจึงได้เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายเข้าหานางเสียเองเล่า!

Options

not work with dark mode
Reset