ลิขิตกลกาล 127 ชดใช้

ตอนที่ 127 ชดใช้

“ขอรับ…” หลิวจือถอยกรูดไปด้านหลัง เพื่อที่ว่าอีกครู่หนึ่งเขาจะได้ปลีกตัวหลบออกไปข้างนอกได้อย่างสะดวก “บ่าวนำของทั้งหมดเข้าไปเก็บในห้องเก็บของแล้ว ตรงนั้น นายท่านลองดู…”

 

 

ต้วนเฉินเซวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามบังคับไม่ให้ตัวเองคิดมากจนเกินไป

 

 

คงจะเป็นเพราะนางไม่ถูกใจของที่เขามอบให้ก็เลย…ถูกหรือไม่? ดังนั้นซูเหลียนอวิ้นจึงไม่ได้รับของไว้ คงไม่ได้เป็นเพราะว่า…ของพวกนี้เป็นของที่เขามอบให้นางจึงไม่รับ

 

 

“เจ้าออกไปเถิด” ผ่านไปครู่ใหญ่ต้วนเฉินเซวียนจึงเอ่ยปากขึ้น ตอนนี้แค่เขาเห็นหลิวจือก็รู้สึกรำคาญแล้ว! เรื่องเล็กๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้แล้วจะเก็บเขาเอาไว้ทำไม!

 

 

“ขอรับนายท่าน! บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” หลิวจือหันหลังขวับอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประโยคนี้เป็นประโยคที่เขารอมานานมาก!

 

 

ดูท่าแล้ววันนี้คงต้องกลับไปจวนตระกูลซูอีกสักรอบ ต้วนเฉินเซวียนค่อยๆ คิดทบทวน เพราะเรื่องของความรู้สึกมันต้องค่อยๆ พัฒนาถึงจะเกิดขึ้นได้ อีกอย่าง…แรกพบอาจเป็นคนแปลกหน้าแต่เจอกันอีกคราอาจสนิทสนม เขาคงต้องไปหลายๆ รอบสักหน่อย เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาสามารถทำให้ซูเหลียนอวิ้นชอบได้อย่างแน่นอน

 

 

พลบค่ำหลังจากที่ซูเหลียนอวิ้นอาบน้ำผลัดผ้าเรียบร้อยแล้วและกำลังขะเข้านอนอยู่นั้น ขณะที่กำลังจะถอดเสื้อเพื่อเข้านอนอยู่นั้น เงาของคนผู้หนึ่งก็แอบย่องเข้ามาในห้องนางอย่างเงียบๆ

 

 

“ช้าก่อน” น้ำเสียงของต้วนเฉินเซวียนแฝงรอยยิ้มโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว “แน่นอนว่าหากเจ้าต้องการจะนอนแล้ว ข้าก็ไม่ขอรั้ง”

 

 

ซูเหลียนอวิ้น “!?”

 

 

องครักษ์ของนางตายกันหมดแล้วหรือ?! ถึงขนาดปล่อยให้คนตัวเป็นๆ เข้ามาในเรือนของนางได้! อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เหตุใดคนผู้นี้ถึงมาอีกแล้ว?! ดึกดื่นป่านนี้ ดูท่าแล้วต้วนเฉินเซวียนในตอนค่ำเมื่อเทียบกับช่วงกลางวันแล้ว ท่าทางจะมีปัญหาอย่างแน่นอน!

 

 

ตอนกลางวันก็ดูปกติดี? เหตุใดพอเข้าช่วงค่ำแล้วถึง…หากผิดปกติก็รีบไปรักษาเถิด!

 

 

 

 

 

 

“ท่านเพี้ยนไปแล้วหรือ!” ซูเหลียนอวิ้นหยิบเสื้อคลุมตัวนอกเขวี้ยงใส่ต้วนเฉินเซวียนด้วยความโกรธและอับอาย “หากผิกปกติก็ไปโรงหมอสิ ไปหาหมอหลวงแทนได้ไหม? ที่นี่คือจวนตระกูลซู! ทั้งยังเป็นห้องของข้าด้วย!” ที่นี่ไม่ใช่หลังบ้านของท่าน! ที่จะไปจะมาเมื่อไหร่ก็ได้?

 

 

ต้วนเฉินเซวียนยื่นมือออกไปบังเอาไว้ แล้วยังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ขบขันอยู่ “ข้ามิได้…มาหาเจ้าเพราะมีเรื่องอยากจะพูดหรือ” ซูเหลียนอวิ้นในตอนนี้ดูแล้วสบายตากว่ากันเยอะเลย แม้ว่าตอนนี้กำลังโมโหเขาอย่างมากก็ตาม แต่อย่างไรก็ยังดีกว่าท่าทางของเขาในตอนนั้นที่จ้องเขาโดยไม่มีความรู้สึกใด

 

 

เวลานี้ชุดตัวในของซูเหลียนอวิ้นที่สวมใส่เป็นสีขาวที่ขาวกว่าหิมะไม่แปดเปื้อนความสกปรกใดบนโลก ทว่าแก้มของนางกลับสีแดงระเรื่อเนื่องเพราะความโกรธ สีแดงระเรื่อนั้นแดงเสียยิ่งกว่าชาดทาแก้มคุณภาพดีเสียอีก ด้วยเหตุนี้ความรู้สึกของเขาในตอนนี้กลับยิ่งรู้สึกว่านางยิ่งมีเสน่ห์และมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

 

 

ต้วนเฉินเซวียนแอบมองนางพลางกลืนน้ำลาย จากนั้นจึงกระแอมคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เจ้ารีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเราคุยกัน” เหตุใดเขาจึงรู้สึกคันที่จมูก? อีกอย่างในห้องของซูเหลียนอวิ้น เหตุใดถึงร้อนขนาดนี้?

 

 

“ท่าน!” ซูเหลียนอวิ้นก้มหน้าสำรวจดูการแต่งตัวของตน จากนั้นอารมณ์โกรธของนางจึงแล่นพ่าน นางโมโหจนสามารถลงมือทำได้ทุกอย่างในตอนนี้ นางจึงหยิบกระบี่ที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงออกมาแล้วเอ่ยว่า “ถึงอย่งไรท่านก็เห็นหมดแล้วกระมัง? ข้าจะยังมัวรอช้าอะไรอยู่อีก? ข้าจะควักลูกตาท่านออกมา เจ็บเพียง

 

 

ครั้งเดียวแล้วให้ปัญหามันจบๆ ไปซะ?”

 

 

แม้ว่าน้ำเสียงของซูเหลียนอวิ้นจะเต็มไปด้วยความเหลียดชัง แต่สุดท้ายแล้วนางก็เพียงหยิบกระบี่ออกมาเท่านั้น แต่กลับมิได้ถอดฝักกระบี่ออก

 

 

เมื่อต้วนเฉินเซวียนเห็นว่าซูเหลียนอวิ้นตั้งใจทำท่าโหดเ**้ยมก็อดรู้สึกว่าน่าขันไม่ได้ “ได้สิ ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้รอให้เจ้ามาควักลูกตาของข้าไป” เมื่อเอ่ยจบแล้วก็หลับตาลงด้วยท่าทางยอมแต่โดยดี

 

 

“ข้า…!” ซูเหลียนอวิ้นกุมกระบี่ไว้แล้วยกขึ้นเพื่อข่มขู่

 

 

 

 

 

 

เอาเถิด หากไม่พูดถึงประเด็นที่ว่าตอนนี้นางไม่กล้าเข้าไปหาเรื่องต้วนเฉินเซวียนแล้ว และพิจารณาเพียงฐานะของต้วนเฉินเซวียนเพียงอย่างเดียวต่อให้นางใช้ความกล้ามากกว่านี้สิบเท่า นางก็ไม่กล้าลงมืออยู่ดี!

 

 

“ทำไมหรือ? ยังมิได้เตรียมตัวหรือ?” ต้วนเฉินเซวียนลืมตาขึ้นแล้วยิ้ม “เตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง?

 

 

ซูเหลียนอวิ้นรู้สึกว่า หากจะเปรียบความหนาของหนังหน้ากับคนเช่นนี้ นางรีบเรียกคนมาช่วยนางจะเป็นไปได้มากกว่า เพราะเมื่อชาติที่แล้วต้วนเฉินเซวียนก็อาศัยความหนาของหนังหน้าเขาทำให้คนอื่นต้องพ่ายแพ้ไปกี่คนต่อกี่คนแล้ว! หากเปรียบเทียบความหน้าหนา นางคงต้องยอมแพ้?

 

 

ซูเหลียนอวิ้นมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างระมัดระวังเพื่อหาทางหนีทีไล่ พลางคิดว่านางควรจะตะโกนเรียนหลานเย่ว์เข้ามาตอนไหนดี

 

 

เจ้ากำลังรอองครักษ์ผู้นั้นของเจ้าอยู่หรือ?” ต้วนเฉินเซวียนหุบยิ้ม “หากเจ้ากำลังรอเขาอยู่จริง เช่นนั้นข้าขอเตือนเจ้าสักคำ เจ้ามิต้องรอแล้ว เพราะข้ามิเคยทำการใดโดยมิได้เตรียมการไว้ก่อน องครักษ์คนนั้นของเจ้าตอนนี้คงหลับเป็นตายไปเสียแล้วรวมถึงสาวรับใช้ของเจ้านางนั้นของเจ้าด้วย ต่อให้เจ้าเรียกจนคอแตก พวกเขาก็คงได้ยินเสียงของเจ้าอีกทีในวันรุ่งขึ้น”

 

 

“ได้!” ซูเหลียนอวิ้นกัดฟันแล้วนั่งลงบนเก้าอี้พลางเอ่ยว่า “สรุปว่าท่านมีเรื่องอะไร? ท่านรีบพูดมาเถิด!” รีบพูดให้จบๆ จะได้ไปให้พ้นหน้านางเสียที! ผู้อาวุโสอย่างท่านอยู่นานกว่านี้ไปแม้แต่ชั่วขณะเดียว นางเกรงว่าจะยิ่งทำให้เวลาในชีวิตของนางต้องเสียไปมากเท่านั้น

 

 

“วันนี้ข้าให้คนของข้ามามอบของให้เจ้า เหตุใดเจ้าถึงไม่รับไว้?” ต้วนเฉินเซวียนก้มหน้าแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ได้รับความเป็นธรรม

 

 

“อะไรนะ?” ซูเหลียนอวิ้นขมวดคิ้ว “อ้อ ท่านกำลังพูดถึงเรื่องที่ท่านให้คนรับใช้ของท่านนำลังพวกนั้นมามอบให้ข้าน่ะหรือ?”

 

 

“อืม เหตุใดเจ้าถึงไม่รับไว้?”

 

 

ซูเหลียนอวิ้นแค่นยิ้ม “หากมิเสียแรงก็มิอาจรับเงินหลวง คาดว่าคุณชายต้วนก็คงเคยได้ยินประโยคนี้กระมัง? อีกอย่างตระกูลซูของเราก็เป็นตระกูลที่มือสะอาดและภักดี ดังนั้นจึงไม่มีทางรับของอย่างไม่มีเหตุผลและไม่มีที่มาที่ไปได้”

 

 

“ไม่มีเหตุผลอย่างไร? มีเหตุผลสิ” ต้วนเฉินเซวียนเอ่ย “ของที่มอบเพื่อขอโทษเจ้าพวกนั้น ถือว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ”

 

 

ย่อมเป็นเช่นนั้นแน่! ความโกรธในใจของซูเหลียนอวิ้นยิ่งทวีความรุนแรง รอยยิ้มบนริมฝีปากของนางยิ่งเย็นชามากขึ้น “คุณชายต้วนกล่าวเกินไปแล้ว ความโกรธแค้นได้จบสิ้นไปแล้ว เหตุใดต้องมาขอโทษขอโพยกันอีกรอบด้วย? ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพวกเราทั้งสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วดีหรือไม่? คุณชายต้วนคงจะฟังภาษาคนออกกระมัง?”

 

 

ไม่ว่าจะเป็นชาตินี้หรือว่าชาติที่แล้ว ต้วนเฉินเซวียน ความสัมพันธ์ใดๆ ก็ตามของเราทั้งสองคนควรจะจบสิ้นกันไปตั้งนานแล้ว!

 

 

ต้วนเฉินเซวียนกำลังจะเอ่ยปากโต้เถียงและทำหน้าถมึงทึงใส่ แต่เมื่อเห็นสายตาโกรธจัดของซูเหลียนอวิ้นแต่กลับพยายามข่มตัวเองไม่ให้สงบลงนั้น อารมณ์พุ่งพล่านของต้วนเฉินเซวียนก็สลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง

 

 

เป็นเขาเองที่ติดหนี้นางเอาไว้ ดังนั้นไม่ว่าซูเหลียนอวิ้นจะพูดอย่างไรหรือว่าทำอะไรในตอนนี้ เขาก็ควรได้รับผลทั้งสิ้น อีกอย่างการพูดจาอย่างเย็นชาเช่นนี้ หากเทียบกับคำพูดที่เขาเคยพูดกับนางเมื่อชาติที่แล้วก็ไม่รู้ว่าหนักกว่านางมากเท่าไหร่และเขาผิดต่อนางไปมากเท่าไหร่

 

 

“ขอโทษ” ต้วนเฉินเซวียนก้มหน้า “แต่หากเจ้าไม่ชอบของพวกนั้น ข้าจะส่งคนไปหาของใหม่มาให้ ขอเพียงเจ้าบอกมา ข้าจะหามาให้ได้”

 

 

“อีกอย่างหนึ่ง ข้าติดสินบนเจ้าเสียที่ไหนกัน? ข้าเพียงคิดว่า…” พยายามจะทำเต็มความสามารถของตน เพื่อที่จะ…ชดใช้ให้เจ้าเพียงน้อยนิด

ลิขิตกลกาล

ลิขิตกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 132 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ฉู่ชาติที่แล้วบุตรีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ซูเหลียนอวิ้น มอบใจทั้งดวงให้คุณชายสืบทอดแห่งจวนโหว
ต้วนเฉินเซวียน ผู้เป็นที่เลื่องลือด้านความเลือดเย็นไร้หัวใจมาตั้งแต่แรกพบเมื่อครั้งเยาว์วัย
เพียรพยายามทำทุกวิถีทางให้เขารู้ว่านางมีใจ

เขาเฉยชาใส่นาง ไม่เป็นไร นางหาได้ท้อไม่

แต่ทว่าด้วยเพราะความเข้าใจผิด เขากลับเป็นผู้ปลิดชีวิตนาง ยามนี้เมื่อนางได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่ ไหนเลยจะเลือกเดินตามเส้นทางเดิมอีก ด้วยกลัวต้องมีจุดจบถูกเขาฆ่าตายเป็นครั้งที่สอง ซูเหลียนอวิ้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งและโดดเด่นกว่าเดิม ทั้งยังพยายามหลบลี้หนีหน้าเขาให้ไกล ทว่าเหตุไฉนคนใจร้ายผู้นั้นจึงได้เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายเข้าหานางเสียเองเล่า!

Options

not work with dark mode
Reset