ลิขิตกลกาล 126 ส่งคืน

ตอนที่ 126 ส่งคืน

“เอากลับไปเถิด!” ซูเหลียนอวิ้นหันหน้าหนีฝืนตัวเองไม่ให้มองไปที่ด้านบนของเหล่านั้น

 

 

“คุณหนูซู หมายความว่าอย่างไรขอรับ? หลิวจือสงสัยว่าตัวเองจะหูฝาดไป คุณหนูซูให้เขาเอาของทั้งหมดกลับไป?! นี่…นี่ไม่ใช่คนปกติแล้ว ต่อให้เป็นตัวเขาเองหากมีคนมอบของล้ำค่าให้เยอะแยะมากมายเช่นนี้ จิตใจของเขาคงเต้นระรัว

 

 

เขาพยายามบังคับไม่ให้ตนเองคิดเป็นอย่างอื่น แต่ตอนนี้ซูเหลียนอวิ้นจะให้ตนขนกลับไปหมดนี่เลยหรือ? หรือว่า…ของมากมายขนาดนี้กลับไม่มีอันไหนที่ทำให้คุณหนูซูเปลี่ยนใจบ้างหรือ?

 

 

แน่นอนว่าคนที่นายท่านชอบต้องไม่เหมือนผู้อื่น! มีจิตใจโดดเดี่ยวไม่ถูกธรรมเนียมปฏิบัติใดครอบงำและทำให้ไขว้เขวได้ กล่าวได้ว่ามองทองคำราวกับเป็นมูลสัตว์! ความมีคุณธรรมสูงส่งเช่นนี้ทำให้

 

 

หลิวจือรู้สึกว่าความหยาบโลนของตัวเองเมื่อเทียบกับผู้อื่นแล้วเห็นความแตกต่างชัดเจน

 

 

“ข้าบอกให้เจ้ารีบเอากลับไป!” ซูเหลียนอวิ้นสะบัดแขนเสื้อ หันหลังหนีพร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “เจ้าเอามาจากทางไหนก็เอากลับไปทางนั้น จากนั้นเจ้าจงรีบไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!” นางกลัวว่าหากจิตใจของนางไม่แน่วแน่มากพอ อีกเดี๋ยวหากนางเปลี่ยนใจหันไปรับไว้นั่นจะต้องเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาแน่!

 

 

แม้ว่าทรัพย์สินเงินทองเหล่านี้จะป็นสิ่งที่นางชื่นชอบตลอดมา แต่ผู้มีคุณธรรมแม้ชื่นชอบทรัพย์สิน แต่ก็ต้องหามาได้อย่างชอบธรรม ทรัพย์สินที่ได้มาโดยง่ายอย่างนี้ นางมิกล้ารับมาอย่างส่งๆ

 

 

อีกอย่างต่อให้ต้วนเฉินเซวียนไม่มีความหมายใดแอบแฝง แต่เพียงอยากมอบของให้นางเท่านั้นทำไมจะต้องเลือกของมากมายที่มีมูลค่าราคาแพงเช่นนี้?

 

 

หรือว่า…คงมิได้เป็นเพราะเรื่องราวเมื่อวานกระมังเลยอยากจะชดเชยให้นาง?

 

 

ถุย!

 

 

พอคิดถึงตรงนี้ซูเหลียนอวิ้นก็ทำเสียงถ่มน้ำลายในใจ คิดจริงๆ หรือว่าการให้เงินเพียงเท่านี้จะสามารถชำระหนี้ได้?! ต้วนเฉินเซวียนคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แล้วคิดว่านางเป็นคนเช่นไร? ถึงได้มอบเงินให้นางตามใจชอบเช่นนี้?

 

 

 

 

 

 

ดังนั้นเมื่อซูเหลียนอวิ้นเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ตอนนั้นจึงหันตัวกลับมา แววตาของนางราวกับมีน้ำค้างแข็งเคลือบอยู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าขอพูดเป็รครั้งสุดท้าย เก็บของของเจ้าแล้วรีบไสหัวออกไปจากจวนตระกูลซูเดี๋ยวนี้!

 

 

เมื่อหลิวจือต้องเผชิญกับปฏิกิริยาแปรเปลี่ยนอย่างกระทันหันเช่นนี้ของซูเหลียนอวิ้น ตัวของเขาก็เริ่มสั่น

 

 

เขา ตัวเขาพูดอะไรผิดไปหรือ? เมื่อครู่นี้ยังดีๆ อยู่เลย? เหตุใดตอนนี้ถึงให้คนมาเชิญให้เขากลับไป?

 

 

หากจะกล่าวแบบน่าฟังก็คือคำว่าเชิญ แต่ถ้าจะพูดแบบเสียดหูสักหน่อยก็คือตะโกนเรียกให้คนมาจับเขาโยนออกไป!

 

 

คุณหนูซู…ข้าน้อย…” หลิวจือผายมืออกเพื่อต้องการจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองบริสุทธิ์ เนื่องจากตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองทำอะไรผิดตรงไหน?!

 

 

“หลีมู่” เสียงของซูเหลียนอวิ้นแข็งกระด้าง “เจ้าไปตามองครักษ์เข้ามาแล้วเชิญคนผู้นี้ออกไป”

 

 

“ไม่ๆๆ คุณหนูซู ข้าน้อยไปเดี๋ยวนี้แล้ว” หลิวจือรีบปิดฝาลังทุกใบลงอย่างรวดเร็ว “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้! ไม่อยู่กวนใจคุณหนูซูแล้ว!”

 

 

โธ่เอ๊ยเรา มิน่าเล่าช่วงนี้ในเมืองถึงมีข่าวลือว่าอารมณ์ของคุณหนูซูรุนแรง เดิมทีเข้าใจว่าเป็นเพียงข่าวลือเพื่อใส่ร้ายป้ายสีนาง เพราะคนที่งดงามราวหยกราวดอกไม้ แถมยังเป็นธิดาตระกูลใหญ่ที่ดูเปราะบาง

 

 

โหดร้าย จะโหดร้ายได้สักเท่าใดกัน?

 

 

แต่ตอนนี้หลิวจือเชื่อจริงๆ แล้วว่านางโหดร้ายของจริง! หากไม่ขยับตัวคงเอาคนมาลากเขาออกไป! อีกอย่างแม้ว่าเขาจะไม่ขัดขืนแต่ก็ต้องโดนลากออกไปอยู่ดี ตอนนี้นางไม่เพียงแต่ยิ้มเท่านั้นแต่เป็นการยิ้มอย่างมีความสุขจนรอยตีนกาแทบจะพุ่งออกมา?

 

 

 

 

 

 

 

 

อีกอย่างเขาเป็นเพียงคนที่มาส่งของเท่านั้น…ไม่ได้มาตามทวงหนี้ สุดท้ายกลับโดนจับโยนออกมา!

 

 

เฮ้อ หลิวจือถอนใจแทนเจ้านายตัวเอง คุณหนูซูผู้ดุร้าย นายท่าน วันเวลาของท่านต่อจากนี้คงต้องขอให้พระคุ้มครองแล้วกระมัง…

 

 

“คุณหนู…?” หลีมู่ลองเรียกหยั่งเชิง “คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้พวกเรา…?” วันนี้คุณหนูเป็นอะไรไป? คงมิได้หงุดหงิดเพราะโดนกวนตอนนอนกระมัง? มิเช่นนั้นเหตุใดถึงปฏิบัติกับคนที่เคยเห็นหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้งอย่างดุร้ายเช่นนี้!

 

 

เพราะหลีมู่เข้าใจซูเหลียนอวิ้นอย่างมาก โดยปกติแล้วต่อให้ซูเหลียนอวิ้นไม่ชอบหน้าผู้ใดมากแค่ไหน อย่างมากก็คงทำเพียงหน้านิ่งๆ ไม่มีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นบนใบหน้าเท่านั้น แต่ความกราดเกรี้ยวตรงหน้าตอนนี้ ในความทรงจำของหลีมู่แล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรก

 

 

“หลีมู่ กลับ! ข้า อยาก นอน!” เสียงของซูเหลียนอวิ้นแข็งกระด้าง นางต้องการนอนแล้ว นอนไปให้ฟ้าดินสลายไปเลย! ไม่ว่ามีเรื่องราวใดก็ห้ามปลุกนางเด็ดขาด! ปล่อยให้นางจมดิ่งและมัวเมาอยู่ในโลกแห่งความฝัน

 

 

จวนจิ้งอันโหว

 

 

“นายท่าน…” หลิวจือลากขาหนักๆ หาใดเปรียบเดินกลับไปช้าๆ ที่ห้องหนังสือของต้วนเฉินเซวียน

 

 

“เอ๊ะ?” ต้วนเฉินเซวียนเงยหน้าขึ้นแล้ววางตำราที่อยู่ในมือลง “จัดการไปถึงไหนแล้ว? นางชอบหรือไม่?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ต้วนเฉินเซวียนก็มีท่าทีปลาบปลื้มขึ้นมา

 

 

ของเหล่านั้นเขาต้องทุ่มเทแรงกายอย่างมากกว่าจะหาทุกอย่างมาได้อย่างครบถ้วนรวดเร็ว เพราะเวลาภายในหนึ่งคืนย่อมทำได้อย่างมีข้อจำกัด ทว่าในด้านคุณภาพกลับเอ่ยได้อย่างเต็มปากว่าไร้ที่ติ ส่วนเรื่องที่ว่าจะทำให้คนชอบได้หรือไม่นั้น ต้วนเฉินเซวียนเองก็มิอาจยืนยันได้เต็มสิบ แต่อย่างน้อยๆ ก็มั่นใจสักเจ็ดแปดคะแนนได้

 

 

ตอนนี้ภาพที่เขาจินตนาการอยู่ในหัวคือตอนที่ซูเหลียนอวิ้นเห็นของพวกนี้แล้วสายตาจะต้องเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี

 

 

 

 

 

 

 

 

“ข้าน้อย…ข้าน้อย…” หลิวจือเห็นท่าทางของเจ้านายตัวเองที่พยายามปิดบังความรู้สึกอย่างเต็มที่ แต่แววตาแอบรอคอยยังคงเห็นได้ชัด คำพูดของเขาที่มาจ่อรออยู่ที่ปากจึงไม่รู้จะหาทางเอ่ยออกมาอย่างไร

 

 

นายท่านมิต้องเก็บอาการแล้ว! บ่าวเข้าใจดีว่าตอนนี้ในใจของท่านกำลังรอคอยมากแค่ไหน!

 

 

แต่ว่า ข้าต้องขออภัยด้วย บ่าวคงต้องดับความหวังและความมั่นใจของท่าน…

 

 

“ว่าอย่างไร?” เมื่อต้วนเฉินเซวียนเห็นท่าทางการพูดกระอึกกระอักของหลิวจือ เขาก็รู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง ของพวกนี้ตอนนี้ซูเหลียนอวิ้นคงมิได้ไม่อยากได้พวกมันอีกแล้วกระมัง?

 

 

เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ความเข้าใจในตัวซูเหลียนอวิ้นที่เขามีก็มีเพียงแค่ความเข้าใจเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ซูเหลียนอวิ้นในชาตินี้ สามารถกล่าวได้ว่าต้วนเฉินเซวียนไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

 

 

“บ่าวทำให้นายท่านต้องผิดหวังเสียแล้ว!” หลิวจือตะเบ็งเสียงขึ้นอย่างเศร้าใจ “นายท่านคงเป็นเพราะตัวข้าพูดไม่เก่ง แถมยังไม่เป็นที่ต้องชะตาของคุณหนูซู คุณหนูซู…ไม่รับของทั้งหมดแถมยังให้บ่าวขนกลับมาอีกด้วย”

 

 

 แถมนางยังทำท่าทางรังเกียจและไม่ยอมรับของพวกนี้อย่างมากแล้วก็ให้เขานำกลับมาทั้งอย่างนั้น…

 

 

แน่นอนว่าคำพูดนี้ หลิวจือเพียงพูดอยู่ในใจกับตนเองเท่านั้น เพราะหากให้ต้วนเฉินเซวียนรู้เข้า วันนี้เขาจะไม่เพียงทำธุระไม่สำเร็จเท่านั้น แต่ยังถึงขั้นทำให้คนขายหน้าไม่เหลือชิ้นดีอีกด้วย…คงเป็นครั้งแรกที่นายท่านจำต้องยกกระบี่ขึ้นแล้วประหารเขาทิ้งเสีย

 

 

ดังนั้นบางเรื่องราวปล่อยให้มันเลือนหายไปเงียบๆ เสียดีกว่า

 

 

“ไม่เอา?!” ต้วนเฉินเซวียนลุกพรวดขึ้น “เจ้ากำลังบอกว่าซูเหลียนอวิ้นไม่รับของอะไรไว้เลยสักชิ้นหรือ? แถมยังให้เจ้าขนกลับมาทั้งหมด?!”

ลิขิตกลกาล

ลิขิตกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 132 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ฉู่ชาติที่แล้วบุตรีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ซูเหลียนอวิ้น มอบใจทั้งดวงให้คุณชายสืบทอดแห่งจวนโหว
ต้วนเฉินเซวียน ผู้เป็นที่เลื่องลือด้านความเลือดเย็นไร้หัวใจมาตั้งแต่แรกพบเมื่อครั้งเยาว์วัย
เพียรพยายามทำทุกวิถีทางให้เขารู้ว่านางมีใจ

เขาเฉยชาใส่นาง ไม่เป็นไร นางหาได้ท้อไม่

แต่ทว่าด้วยเพราะความเข้าใจผิด เขากลับเป็นผู้ปลิดชีวิตนาง ยามนี้เมื่อนางได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่ ไหนเลยจะเลือกเดินตามเส้นทางเดิมอีก ด้วยกลัวต้องมีจุดจบถูกเขาฆ่าตายเป็นครั้งที่สอง ซูเหลียนอวิ้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งและโดดเด่นกว่าเดิม ทั้งยังพยายามหลบลี้หนีหน้าเขาให้ไกล ทว่าเหตุไฉนคนใจร้ายผู้นั้นจึงได้เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายเข้าหานางเสียเองเล่า!

Options

not work with dark mode
Reset