ลำนำบุปผาพิษ 2111+2112

ตอนที่ 2111 2112

บทที่ 2111 ข้าเป็นคู่หมั้นเจ้า 2 แล้วหันหลังพุ่งเข้าไปหาสัตว์ร้ายตัวใหญ่สองตัวนั้น กู้ซีจิ่วนิ่งงัน โดมนี้สัมผัสแล้วดูเบาหวิว ดุจมือโฉมงาม สบายยิ่งนัก และแข็งแรงยิ่งนักเช่นกัน สัตว์ร้ายเหล่านั้นเข้ามาล้อมโจมตีเธอ ล้วนถูกโดมนี้ขวางกั้นไว้ เธออยู่ข้างในแล้วปลอดภัยมาก… เธอเงยหน้ามองไปที่คนผู้นั้น เห็นเขาราวกับพยัคฆ์ในฝูงหมาป่า ลายลมโหมกรรโชกพัดใบไม้ปลิดปลิว… ตัวคนเสมือนฉีดด้วยเลือดไก่ก็มิปาน กระบี่ในมือกวัดแกว่งปานกังหันลม ฟาดฟันเข้าไปตลอดทาง… สัตว์ร้ายทั้งหลายที่พยายามจะสกัดกั้นเขาล้วนถูกเขาฟาดฟันปานหั่นผักผ่าแตง… สัตว์ร้ายเหล่านี้ไม่ได้ปกป้องผู้นำอย่างที่เขาคาดไว้เลย เขาฟาดฟันสังหารจนเข้าใกล้สัตว์ร้ายสองตัวนั้นได้รวดเร็วยิ่ง… หนึ่งเค่อผ่านไป ในที่สุดสัตว์ร้ายสองตัวนั้นก็ถูกปลิดชีพ กองอยู่แทบเท้าเขา เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดตัวหัวหน้าก็ตายแล้ว พวกลูกสมุนเหล่านั้นน่าจะล่าถอยแล้วกระมัง? เขาเป็นห่วงกู้ซีจิ่ว จึงหันไปมองนาง เห็นนางยังอยู่ในโดมนั้น สองมือน้อยๆ แนบลงบนโดม กำลังมองมาทางเขาเช่นกัน ท่าทางของนางค่อนข้างพิกล สองตาเบิกกว้าง อ้าปากน้อยๆ มองไปที่…ด้านหลังเขา… ตี้ฝูอีหันกลับไปทันที มองเห็นสัตว์ร้ายตัวกระจ้อยร่อยสีดำตัวหนึ่งมุดขึ้นมาจากพื้นดินที่สัตว์ร้ายสองตัวนั้นล้มกองอยู่ ขนาดตัวของสัตว์ร้ายตัวกระจ้อยร่อยนี้เล็กกว่าสัตว์ร้ายที่ห้อมล้อมอยู่ถึงสองเท่า แต่สายตากลับดุร้ายยิ่ง! นัยน์ตาเป็นสีม่วงจัดจ้าน สองแก้มพองออก จู่ๆ ก็กรีดร้องเสียงแหลมเสียดหู… ตี้ฝูอีถูกเสียงกรีดร้องที่เปล่งออกมาอย่างกะทันหันของมันทำเอาหูอื้อมึนงง ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองอันใด สัตว์ร้ายตัวอื่นๆ ก็ราวกับได้รับคำสั่งอันใด พุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง… ในที่สุดตี้ฝูอีก็เข้าใจแล้ว! สัตว์ร้ายตัวใหญ่สองตัวนั้นที่เขาสังหารไม่ใช่ตัวหัวหน้า เจ้าตัวเล็กสีดำนี่สิถึงจะใช่! แต่กว่าเขาจะเข้าใจก็สายไปแล้ว สัตว์ร้ายตัวนั้นคงจะทราบถึง ‘ความโหดเหี้ยม’ ของเขาแล้ว หลังจากกรีดร้องเสียงแหลมออกมา มันก็ไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเลย ในไม่ช้าเงาร่างของมันกลืนหายไปในหมู่สัตว์ร้ายอย่างรวดเร็วยิ่ง ทำให้ผู้อื่นหาตัวมันไม่พบอีก… ยามนี้สัตว์ร้ายที่ล้อมโจมตีตี้ฝูอีมีอยู่หลายร้อยตัว เนืองแน่นแออัด คิดจะควานหาเจ้าตัวเล็กท่ามกลางกลุ่มสัตว์ร้ายเช่นนี้ พูดแล้วทำได้ง่ายนักหรือ? ก้าวแรกพลาดพลั้ง ก้าวต่อๆ ไปย่อมไม่พลาดอีก! เมื่อครู่ยามที่เขาเพิ่งโรมรันสังหารเจ้าตัวใหญ่สองตัวนั้น มองเห็นเจ้าตัวเล็กนี่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วชัดๆ… ครั้งนี้เกรงว่าจะวุ่นวายแล้ว! เขากวาดตามองกู้ซีจิ่วอีกแวบหนึ่ง พบว่านางกำลังทุบตีโดมอยู่ ปากก็คล้ายจะตะโกนอะไรอยู่ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ยินว่าตัวนางที่อยู่ด้านในพูดอะไร แต่เขาอ่านปากเป็น นางกำลังตะโกนว่า ‘ปล่อยข้าออกไป’ เขาใจเต้นแวบหนึ่ง จึงหันหลังเข่นฆ่าสังหารเพื่อกลับไป… ผ่านไปครู่หนึ่งก็สังหารเปิดทางจนมาถึงข้างกายนาง ใช้กระบี่กำจัดสัตว์ร้ายที่รายล้อมกัดแทะโดมอยู่ พลางปลดโดมนั้นออก “มีอะไร?” กู้ซีจิ่วกระทำการคล่องแคล่วเฉียบขาดเสมอมา ทันทีที่ออกจากโดมได้ ก็ฉวยมือเขาไว้ “ตามข้ามา!” แววตาตี้ฝูอีวูบไหวนิดๆ น้ำเสียงโอนอ่อน “ได้ ข้าจะตามเจ้า” ปล่อยให้นางจับจูงอย่างว่าง่าย กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ราวกับนึกไม่ถึงว่าเขาจะว่าง่ายถึงเพียงนี้ เพียงแต่เธอก็ไม่พูดจาเป็นอื่นเช่นกัน เชิดหน้าขึ้นแล้วกรีดร้องเสียงแหลมออกมาทันที ไม่น่าเชื่อว่าเสียงกรีดร้องจะไม่ต่างไปจากเสียงของเจ้าสัตว์สีดำตัวจ้อยเมื่อครู่เลย ผ่านไปครู่หนึ่ง ในพงหญ้าด้านหน้าเยื้องซ้ายออกไปประมาณสิบห้าลี้ มีเสียงตอบรับของเจ้าสัตว์สีดำแว่วออกมา เสียงของเจ้าสัตว์สีดำจดจำได้ง่ายยิ่ง เสียงคำรามของสัตว์ร้ายตัวอื่นหยาบกระด้าง มีเพียงเสียงร้องของมันที่แฝงความนิ่มนวลไว้ ทันทีที่สัตว์ร้ายสีดำตัวนั้นเปล่งเสียงออกมา กู้ซีจิ่วก็พาตี้ฝูอีใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปหา แทบจะหล่นลงบนหลังของสัตว์ร้ายตัวนั้นแล้ว! เธอปล่อยมือเขา เอ่ยสั่ง “ฆ่ามัน!” “ได้!” ตี้ฝูอีตอบรับแล้วลงมือทันที เกิดแสงกระบี่ที่ดุดันสายหนึ่ง ฟาดฟันเข้าใส่สัตว์ร้ายสีดำตัวนั้น ————————————————————————————- บทที่ 2112 ข้าเป็นคู่หมั้นเจ้า 3 ถึงแม้เจ้าตัวเล็กนี้จะเป็นหัวหน้า แต่พลังยุทธ์กลับไม่เอาอ่าวเลยจริงๆ ภายใต้การโจมตีอันแม่นยำของตี้ฝูอี มันไม่มีแม้แต่โอกาสจะหลบหนี… ส่วนสัตว์ร้ายที่อยู่รอบกายมันไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ย่อมมาปกป้องมันไม่ทัน …. สัตว์สีดำตัวจ้อยสิ้นชีพแล้ว ถูกตี้ฝูอีใช้กระบี่ฟันขาดเป็นสองท่อน เป็นอย่างที่กู้ซีจิ่วว่าไว้ เมื่อตัวหัวหน้าตาย สัตว์ร้ายที่เหลือจะแตกกระเจิง วิ่งเตลิดหายไปในชั่วพริบตา ตี้ฝูอีถอนหายใจอย่างโล่งอก สะบัดข้อมือที่ค่อนข้างชาอยู่บ้าง “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าตัวเล็กนั้นจะเป็นหัวหน้า เป็นสถานที่ที่วิปริตโดยแท้ ซีจิ่ว…” ตั้งแต่วินาทีที่ได้พบนาง เขาก็ปรารถนาจะดึงนางเข้าสู่อ้อมแขนแล้วกอดแน่นๆ ยิ่งนัก เพื่อคลี่คลายความทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวลในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ก็กลัวว่าจะทำให้นางตกใจจนเตลิดไปอีก ดังนั้นเขาจึงยับยั้งชั่งใจเอาไว้ตลอดตัดสินใจจะอยู่ข้างกายนางในฐานะสหายไปก่อน ค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้อันตรายรอบกายหายไปแล้ว เขาอยากคุยกับนางยิ่งนัก อยากถามว่าวันเวลาที่ผ่านมานางใช้ชีวิตอย่างไร แต่เขาเพิ่งจะเปิดปากพูด ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนโหวกเหวก “พี่สือโทว!” (ก้อนหิน) “พี่สือโทว! วันนี้เก็บเกี่ยวได้มหาศาลเลย!” “พี่สือโทว…” พี่สือโทว? นี่มันคำเรียกขานอะไรกัน? ตี้ฝูอีแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง เงยหน้าขึ้น มองเห็นคนกว่าสิบคนกำลังรีบวิ่งลงมาหลังผาหินบนภูผาศิลา ใบหน้าของคนเหล่านี้ก็ทาสีน้ำมันเอาไว้เช่นกัน เสื้อผ้าบนร่างมอซอยิ่งกว่าผ้าขี้ริ้ว แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวกลับว่องไวปานเหินบิน พริบตาเดียวก็ล้อมพวกเขาทั้งคู่เอาไว้ตรงกลางแล้ว ตี้ฝูอีพอจะมองเครื่องหน้าของพวกเขาออกบ้างตัดสินได้ว่านี่คือเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด แต่ละคนร่างกายบึกบึน ร่างกายเป็นสีทองแดงกำยำแข็งแรง สายตานับไม่ถ้วนเพ่งพินิจตี้ฝูอีอย่างกำเริบเสิบสานเห็นได้ชัดเจนว่าตี้ฝูอีไม่เข้าพวกกับเผ่าพันธุ์ของที่นี่ “หวา คนผู้นี้ขาวจริงๆ!” “เสื้อผ้าก็ดูดี!” “ใช่ๆ ตัวเล็กแบบนี้ก็งดงามอย่างยิ่งเช่นกัน!” “แปลกจัง เขาดูเหมือนไก่อ่อนชัดๆ ทำไมถึงมีพลังยุทธ์กล้าแกร่งปานนั้นเล่า? ไม่น่าเชื่อว่าจะสังหารสัตว์ร้ายมายาได้มากมายขนาดนั้นภายในครั้งเดียว!” “พี่สือโทว เขาเป็นใคร?” ตี้ฝูอีพูดอะไรไม่ออกแล้ว เขาตะลึงงันปานถูกฟ้าผ่า! เขาหันไปมองกู้ซีจิ่ว นางกลายเป็นลูกพี่ของที่นี่ไปแล้วหรือ? กู้ซีจิ่วก็มองพินิจเขาอยู่เช่นกัน เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าไม่ใช่คนที่นี่กระมัง? มาจากไหน?” ตี้ฝูอีแข็งค้างไปครู่หนึ่ง มองนางด้วยแววตาสงสัย “เจ้าไม่รู้จักข้าหรือ?” กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว สุ้มเสียงเจือความไม่แน่ใจไว้ “ข้าควรรู้จักเจ้าหรือ? เจ้าเป็นใคร?” ตี้ฝูอีมองนางอย่างจริงจังครู่หนึ่ง ท่าทางของนางไม่คล้ายว่าแสร้งทำ ดวงตาคู่นั้นยังคงแจ่มชัดขาวดำตัดกันชัดเจน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีน้ำมันของนางดูไร้เดียงสา มีชีวิตชีวากว่าเดิม นางความจำเสื่อม! จำเขาไม่ได้แล้ว! ตี้ฝูอีใคร่ครวญอยู่ถึงสามนาทีเต็มๆ ในยามที่กู้ซีจิ่วทนไม่ค่อยไหว นึกว่าเขาจะไม่ตอบแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า  “เจ้าย่อมสมควรจะจำข้าได้ ซีจิ่ว ข้าเป็นคู่หมั้นเจ้า” กู้ซีจิ่วตะลึงงัน เธอยังไม่ทันพูดอะไร คนอื่นๆ ก็ร้องโวยวายขึ้นมาแล้ว “เหวย เจ้าคนผู้นี้พูดจาเหลวไหลอะไรกัน? คู่หมั้นไม่คู่หมั้นอันใด? พี่สือโทวของพวกเราเป็นบุรุษนะ!” “ใช่ ใช่ บุรุษจะมีคู่หมั้นเป็นบุรุษได้อย่างไร? พูดจาน่าขัน!” “คนผู้นี้คงมิได้ถูกสัตว์ร้ายมายาโจมตีจนกลายเป็นบ้าไปแล้วกระมัง?” ตี้ฝูอีรู้สึกว่า วันนี้วันเดียวเขาตกตะลึงมากกว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมาเสียอีก! บุรุษรึ? กู้ซีจิ่วเป็นบุรุษ?! เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่านางยังคงเป็นนางมิใช่หรือ?! ถึงแม้เขาจะได้จับมือนางเพียงสองครั้ง แต่ก็แน่ใจในจุดนี้ยิ่งนัก เพ่งพินิจนางอีกครา นางแต่งตัวเหมือนบุรุษมากจริงๆ แม้แต่ทรวงอกที่เคยนูนเด่นทระนงก็แบนราบลงไปไม่น้อยเลย… …. ————————————-

บทที่ 2111 ข้าเป็นคู่หมั้นเจ้า 2

แล้วหันหลังพุ่งเข้าไปหาสัตว์ร้ายตัวใหญ่สองตัวนั้น

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

โดมนี้สัมผัสแล้วดูเบาหวิว ดุจมือโฉมงาม สบายยิ่งนัก และแข็งแรงยิ่งนักเช่นกัน

สัตว์ร้ายเหล่านั้นเข้ามาล้อมโจมตีเธอ ล้วนถูกโดมนี้ขวางกั้นไว้ เธออยู่ข้างในแล้วปลอดภัยมาก…

เธอเงยหน้ามองไปที่คนผู้นั้น

เห็นเขาราวกับพยัคฆ์ในฝูงหมาป่า ลายลมโหมกรรโชกพัดใบไม้ปลิดปลิว…

ตัวคนเสมือนฉีดด้วยเลือดไก่ก็มิปาน กระบี่ในมือกวัดแกว่งปานกังหันลม ฟาดฟันเข้าไปตลอดทาง…

สัตว์ร้ายทั้งหลายที่พยายามจะสกัดกั้นเขาล้วนถูกเขาฟาดฟันปานหั่นผักผ่าแตง…

สัตว์ร้ายเหล่านี้ไม่ได้ปกป้องผู้นำอย่างที่เขาคาดไว้เลย เขาฟาดฟันสังหารจนเข้าใกล้สัตว์ร้ายสองตัวนั้นได้รวดเร็วยิ่ง…

หนึ่งเค่อผ่านไป ในที่สุดสัตว์ร้ายสองตัวนั้นก็ถูกปลิดชีพ กองอยู่แทบเท้าเขา

เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดตัวหัวหน้าก็ตายแล้ว พวกลูกสมุนเหล่านั้นน่าจะล่าถอยแล้วกระมัง?

เขาเป็นห่วงกู้ซีจิ่ว จึงหันไปมองนาง

เห็นนางยังอยู่ในโดมนั้น สองมือน้อยๆ แนบลงบนโดม กำลังมองมาทางเขาเช่นกัน ท่าทางของนางค่อนข้างพิกล สองตาเบิกกว้าง อ้าปากน้อยๆ มองไปที่…ด้านหลังเขา…

ตี้ฝูอีหันกลับไปทันที มองเห็นสัตว์ร้ายตัวกระจ้อยร่อยสีดำตัวหนึ่งมุดขึ้นมาจากพื้นดินที่สัตว์ร้ายสองตัวนั้นล้มกองอยู่ ขนาดตัวของสัตว์ร้ายตัวกระจ้อยร่อยนี้เล็กกว่าสัตว์ร้ายที่ห้อมล้อมอยู่ถึงสองเท่า แต่สายตากลับดุร้ายยิ่ง! นัยน์ตาเป็นสีม่วงจัดจ้าน สองแก้มพองออก จู่ๆ ก็กรีดร้องเสียงแหลมเสียดหู…

ตี้ฝูอีถูกเสียงกรีดร้องที่เปล่งออกมาอย่างกะทันหันของมันทำเอาหูอื้อมึนงง ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองอันใด สัตว์ร้ายตัวอื่นๆ ก็ราวกับได้รับคำสั่งอันใด พุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง…

ในที่สุดตี้ฝูอีก็เข้าใจแล้ว!

สัตว์ร้ายตัวใหญ่สองตัวนั้นที่เขาสังหารไม่ใช่ตัวหัวหน้า เจ้าตัวเล็กสีดำนี่สิถึงจะใช่!

แต่กว่าเขาจะเข้าใจก็สายไปแล้ว สัตว์ร้ายตัวนั้นคงจะทราบถึง ‘ความโหดเหี้ยม’ ของเขาแล้ว หลังจากกรีดร้องเสียงแหลมออกมา มันก็ไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเลย

ในไม่ช้าเงาร่างของมันกลืนหายไปในหมู่สัตว์ร้ายอย่างรวดเร็วยิ่ง ทำให้ผู้อื่นหาตัวมันไม่พบอีก…

ยามนี้สัตว์ร้ายที่ล้อมโจมตีตี้ฝูอีมีอยู่หลายร้อยตัว เนืองแน่นแออัด คิดจะควานหาเจ้าตัวเล็กท่ามกลางกลุ่มสัตว์ร้ายเช่นนี้ พูดแล้วทำได้ง่ายนักหรือ?

ก้าวแรกพลาดพลั้ง ก้าวต่อๆ ไปย่อมไม่พลาดอีก!

เมื่อครู่ยามที่เขาเพิ่งโรมรันสังหารเจ้าตัวใหญ่สองตัวนั้น มองเห็นเจ้าตัวเล็กนี่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วชัดๆ…

ครั้งนี้เกรงว่าจะวุ่นวายแล้ว!

เขากวาดตามองกู้ซีจิ่วอีกแวบหนึ่ง พบว่านางกำลังทุบตีโดมอยู่ ปากก็คล้ายจะตะโกนอะไรอยู่

ถึงแม้เขาจะไม่ได้ยินว่าตัวนางที่อยู่ด้านในพูดอะไร แต่เขาอ่านปากเป็น นางกำลังตะโกนว่า

‘ปล่อยข้าออกไป’

เขาใจเต้นแวบหนึ่ง จึงหันหลังเข่นฆ่าสังหารเพื่อกลับไป…

ผ่านไปครู่หนึ่งก็สังหารเปิดทางจนมาถึงข้างกายนาง ใช้กระบี่กำจัดสัตว์ร้ายที่รายล้อมกัดแทะโดมอยู่ พลางปลดโดมนั้นออก

“มีอะไร?”

กู้ซีจิ่วกระทำการคล่องแคล่วเฉียบขาดเสมอมา ทันทีที่ออกจากโดมได้ ก็ฉวยมือเขาไว้

“ตามข้ามา!”

แววตาตี้ฝูอีวูบไหวนิดๆ น้ำเสียงโอนอ่อน

“ได้ ข้าจะตามเจ้า”

ปล่อยให้นางจับจูงอย่างว่าง่าย

กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ราวกับนึกไม่ถึงว่าเขาจะว่าง่ายถึงเพียงนี้

เพียงแต่เธอก็ไม่พูดจาเป็นอื่นเช่นกัน เชิดหน้าขึ้นแล้วกรีดร้องเสียงแหลมออกมาทันที ไม่น่าเชื่อว่าเสียงกรีดร้องจะไม่ต่างไปจากเสียงของเจ้าสัตว์สีดำตัวจ้อยเมื่อครู่เลย

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในพงหญ้าด้านหน้าเยื้องซ้ายออกไปประมาณสิบห้าลี้ มีเสียงตอบรับของเจ้าสัตว์สีดำแว่วออกมา

เสียงของเจ้าสัตว์สีดำจดจำได้ง่ายยิ่ง เสียงคำรามของสัตว์ร้ายตัวอื่นหยาบกระด้าง มีเพียงเสียงร้องของมันที่แฝงความนิ่มนวลไว้

ทันทีที่สัตว์ร้ายสีดำตัวนั้นเปล่งเสียงออกมา กู้ซีจิ่วก็พาตี้ฝูอีใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปหา แทบจะหล่นลงบนหลังของสัตว์ร้ายตัวนั้นแล้ว!

เธอปล่อยมือเขา เอ่ยสั่ง

“ฆ่ามัน!”

“ได้!”

ตี้ฝูอีตอบรับแล้วลงมือทันที เกิดแสงกระบี่ที่ดุดันสายหนึ่ง ฟาดฟันเข้าใส่สัตว์ร้ายสีดำตัวนั้น

————————————————————————————-

บทที่ 2112 ข้าเป็นคู่หมั้นเจ้า 3

ถึงแม้เจ้าตัวเล็กนี้จะเป็นหัวหน้า แต่พลังยุทธ์กลับไม่เอาอ่าวเลยจริงๆ ภายใต้การโจมตีอันแม่นยำของตี้ฝูอี มันไม่มีแม้แต่โอกาสจะหลบหนี…

ส่วนสัตว์ร้ายที่อยู่รอบกายมันไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ย่อมมาปกป้องมันไม่ทัน

….

สัตว์สีดำตัวจ้อยสิ้นชีพแล้ว ถูกตี้ฝูอีใช้กระบี่ฟันขาดเป็นสองท่อน

เป็นอย่างที่กู้ซีจิ่วว่าไว้ เมื่อตัวหัวหน้าตาย สัตว์ร้ายที่เหลือจะแตกกระเจิง วิ่งเตลิดหายไปในชั่วพริบตา

ตี้ฝูอีถอนหายใจอย่างโล่งอก สะบัดข้อมือที่ค่อนข้างชาอยู่บ้าง “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าตัวเล็กนั้นจะเป็นหัวหน้า เป็นสถานที่ที่วิปริตโดยแท้ ซีจิ่ว…”

ตั้งแต่วินาทีที่ได้พบนาง เขาก็ปรารถนาจะดึงนางเข้าสู่อ้อมแขนแล้วกอดแน่นๆ ยิ่งนัก เพื่อคลี่คลายความทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวลในช่วงเวลาที่ผ่านมา

แต่ก็กลัวว่าจะทำให้นางตกใจจนเตลิดไปอีก ดังนั้นเขาจึงยับยั้งชั่งใจเอาไว้ตลอดตัดสินใจจะอยู่ข้างกายนางในฐานะสหายไปก่อน ค่อยเป็นค่อยไป

ตอนนี้อันตรายรอบกายหายไปแล้ว เขาอยากคุยกับนางยิ่งนัก อยากถามว่าวันเวลาที่ผ่านมานางใช้ชีวิตอย่างไร

แต่เขาเพิ่งจะเปิดปากพูด ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนโหวกเหวก

“พี่สือโทว!” (ก้อนหิน)

“พี่สือโทว! วันนี้เก็บเกี่ยวได้มหาศาลเลย!”

“พี่สือโทว…”

พี่สือโทว? นี่มันคำเรียกขานอะไรกัน?

ตี้ฝูอีแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง เงยหน้าขึ้น มองเห็นคนกว่าสิบคนกำลังรีบวิ่งลงมาหลังผาหินบนภูผาศิลา

ใบหน้าของคนเหล่านี้ก็ทาสีน้ำมันเอาไว้เช่นกัน เสื้อผ้าบนร่างมอซอยิ่งกว่าผ้าขี้ริ้ว แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวกลับว่องไวปานเหินบิน พริบตาเดียวก็ล้อมพวกเขาทั้งคู่เอาไว้ตรงกลางแล้ว

ตี้ฝูอีพอจะมองเครื่องหน้าของพวกเขาออกบ้างตัดสินได้ว่านี่คือเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด แต่ละคนร่างกายบึกบึน ร่างกายเป็นสีทองแดงกำยำแข็งแรง

สายตานับไม่ถ้วนเพ่งพินิจตี้ฝูอีอย่างกำเริบเสิบสานเห็นได้ชัดเจนว่าตี้ฝูอีไม่เข้าพวกกับเผ่าพันธุ์ของที่นี่

“หวา คนผู้นี้ขาวจริงๆ!”

“เสื้อผ้าก็ดูดี!”

“ใช่ๆ ตัวเล็กแบบนี้ก็งดงามอย่างยิ่งเช่นกัน!”

“แปลกจัง เขาดูเหมือนไก่อ่อนชัดๆ ทำไมถึงมีพลังยุทธ์กล้าแกร่งปานนั้นเล่า? ไม่น่าเชื่อว่าจะสังหารสัตว์ร้ายมายาได้มากมายขนาดนั้นภายในครั้งเดียว!”

“พี่สือโทว เขาเป็นใคร?”

ตี้ฝูอีพูดอะไรไม่ออกแล้ว เขาตะลึงงันปานถูกฟ้าผ่า!

เขาหันไปมองกู้ซีจิ่ว นางกลายเป็นลูกพี่ของที่นี่ไปแล้วหรือ?

กู้ซีจิ่วก็มองพินิจเขาอยู่เช่นกัน เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า

“เจ้าไม่ใช่คนที่นี่กระมัง? มาจากไหน?”

ตี้ฝูอีแข็งค้างไปครู่หนึ่ง มองนางด้วยแววตาสงสัย

“เจ้าไม่รู้จักข้าหรือ?”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว สุ้มเสียงเจือความไม่แน่ใจไว้

“ข้าควรรู้จักเจ้าหรือ? เจ้าเป็นใคร?”

ตี้ฝูอีมองนางอย่างจริงจังครู่หนึ่ง ท่าทางของนางไม่คล้ายว่าแสร้งทำ ดวงตาคู่นั้นยังคงแจ่มชัดขาวดำตัดกันชัดเจน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีน้ำมันของนางดูไร้เดียงสา มีชีวิตชีวากว่าเดิม

นางความจำเสื่อม! จำเขาไม่ได้แล้ว!

ตี้ฝูอีใคร่ครวญอยู่ถึงสามนาทีเต็มๆ ในยามที่กู้ซีจิ่วทนไม่ค่อยไหว นึกว่าเขาจะไม่ตอบแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า

 “เจ้าย่อมสมควรจะจำข้าได้ ซีจิ่ว ข้าเป็นคู่หมั้นเจ้า”

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน

เธอยังไม่ทันพูดอะไร คนอื่นๆ ก็ร้องโวยวายขึ้นมาแล้ว

“เหวย เจ้าคนผู้นี้พูดจาเหลวไหลอะไรกัน? คู่หมั้นไม่คู่หมั้นอันใด? พี่สือโทวของพวกเราเป็นบุรุษนะ!”

“ใช่ ใช่ บุรุษจะมีคู่หมั้นเป็นบุรุษได้อย่างไร? พูดจาน่าขัน!”

“คนผู้นี้คงมิได้ถูกสัตว์ร้ายมายาโจมตีจนกลายเป็นบ้าไปแล้วกระมัง?”

ตี้ฝูอีรู้สึกว่า วันนี้วันเดียวเขาตกตะลึงมากกว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมาเสียอีก!

บุรุษรึ? กู้ซีจิ่วเป็นบุรุษ?!

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่านางยังคงเป็นนางมิใช่หรือ?!

ถึงแม้เขาจะได้จับมือนางเพียงสองครั้ง แต่ก็แน่ใจในจุดนี้ยิ่งนัก

เพ่งพินิจนางอีกครา นางแต่งตัวเหมือนบุรุษมากจริงๆ แม้แต่ทรวงอกที่เคยนูนเด่นทระนงก็แบนราบลงไปไม่น้อยเลย…

….

————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1800

อ่านต่อข้างล่าง


เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง!

ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง

ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ

ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!!

แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว

เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Options

not work with dark mode
Reset