ราชาเหนือราชัน 20 : ข้าจะเผด็จศึกเจ้าในสามกระบวนท่า!

ตอนที่ 20 : ข้าจะเผด็จศึกเจ้าในสามกระบวนท่า!

“ข้าเพิ่งจะรู้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนนั้นหล่อเหลาถึงเพียงนี้! ข้าไม่แปลกใจเลยที่ท่านลู่เสี่ยวฉิงจะสนใจ!”

“เขาหล่อเหลาจริง ๆ นั่นละ! ดูเหมือนจะเป็นสุภาพบุรุษและยังดูมีน้ำใจอีกด้วย เป็นแบบที่ข้าชอบเลย!”

“ข้าหวังจริง ๆ ว่าเขาจะมีหนทางเอาชนะได้! เขาช่างรูปงามกว่าเจ้าอู่หมิงเหลียงตัวเหม็นนั่นเสียอีก”

“เขาอาจจะหล่อเหลานะ แต่ช่างไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง! ข้าเกรงว่าเขาจะถูกอู่หมิงเหลียงจัดการแน่!”

เหล่าศิษย์หญิงมากมายในลานประลองเริ่มหลงใหลในตัวเซี่ยงเส้าหยุนมากขึ้น บางคนถึงกับจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา ทำให้เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้รับความชื่นชมจากฝูงชนมาอย่างยาวนาน น่าเสียดายที่อารมณ์ดีเมื่อครู่ต้องถูกทำลายย่อยยับด้วยน้ำมือของสหาย

“ลูกพี่ ท่านยอดเยี่ยมที่สุด! สายตาข้าจะจดจ่อเพียงท่าน เช่นนั่นแล้วอย่าแพ้ซะละ เข้าใจ๋?” เซี่ยหลิวฮุยกล่าวขณะที่มีผ้าขนหนูพันรอบหน้าผากและโบกธงสีขาวเพื่อให้กำลังใจ สหายผู้นี้แต่งตัวราวกับกำลังจะยอมแพ้และหลังจากที่ได้ยินคำเหล่านั้น เซี่ยงเส้าหยุนแทบจะกระอักเลือด

“เจ้าโง่งี่เง่าเอ้ย” เซี่ยงเส้าหยุนด่ากับตนเองก่อนจะเดินไปยังลานประลอง โดยที่ไม่หันไปมองเหล่าผู้ชม

ในขณะนั้นเซี่ยงเส้าหยุนแบกกระบี่ยักษ์ไว้บนหลัง กิริยาท่าทางแปรเปลี่ยนนับตั้งแต่เข้ามายังตำหนักยุทธ์ ตัวเขาไม่ได้ดูราวกับบัณฑิตอีกต่อไป แต่เป็นผู้ถือกระบี่ที่ยืนหยัด

“เซี่ยงเส้าหยุน เจ้ามาจริงด้วย! คุณชายอู่จะสอนบทเรียนแก่เจ้าเอง!” เสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองดังมาจากด้านล่างของลานประลอง ผู้พูดนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลิ่วล้อผู้หนึ่งของอู่หมิงเหลียง ‘โกวจื่อ’ แม้อาการบาดเจ็บจะยังไม่หายดีและหัวยังพันผ้าราวกับเกี๊ยวที่ถูกห่อ สร้างความตลกขบขันอย่างมาก

เซี่ยงเส้าหยุนมองไปยังด้านล่างและหัวเราะเสียงดัง “ช่างน่าเสียดาย ที่นี่ไม่มีก้อนอิฐ มิเช่นนั้นข้าคงจะทำเช่นเดียวกันนั้นกับคุณชายอู่อย่างแน่นอน!”

“เจ้ามันก็เหมือนพวกที่พูดจาใหญ่โตทั้งที่พึ่งพาบารมีของผู้อื่นมาโอ้อวด! มิหนำซ้ำยังกล้ายืนต่อหน้าข้าอีก ผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานขั้นเก้าเช่นข้ากับผู้ฝึกยุทธ์ที่น่าสมเพชเช่นเจ้างั้นรึ? ช่างไร้เดียงสา!” อู่หมิงเหลียงตะโกนดูหมิ่นเซี่ยงเส้าหยุนอย่างที่สุด

“จบการประลองแล้วพวกเราค่อยทราบว่าผู้ใดกันแน่ที่ไร้เดียงสา!” เซี่ยงเส้าหยุนตอบกลับด้วยความมั่นใจ เมื่อคิดย้อนกลับไปไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ตั้งแต่ที่ถูกทำให้อับอายที่โรงอาหาร หัวใจก็ลุกโชนขึ้นด้วยความโกรธ ทั้งที่เคยเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์และมีอิทธิพล กลับร่วงหล่นไปอยู่จุดที่เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐาน เขาจะต้องชำระหนี้แค้นให้สาสม

ขณะนั้นผู้ดูแลที่ยืนอยู่บนลานประลองเป็นเวลานานได้กล่าวขึ้น “ข้าไม่สนว่าเจ้ามีความขุ่นเคืองอันใดกัน แต่เจ้าต้องจัดการอีกฝ่ายบนลานประลองในวันนี้! แต่ข้าจะพูดให้ชัดเจนที่สุด ไม่ว่าผู้ใดจะแพ้หรือจะชนะ เจ้าทั้งคู่จะต้องไม่เอาชีวิตอีกฝ่าย ผู้ที่ถูกจับได้ว่าคิดกระทำเช่นนั้นจะถูกไล่ออกจากตำหนักยุทธ์! เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?”

“ขอรับ!” อู่หมิงเหลียงและเซี่ยงเส้าหยุนตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ดี งั้นข้าจะเริ่มการประลองเลยแล้วกัน!” ผู้ดูแลตำหนักประกาศ

“เซี่ยงเส้าหยุน หากเจ้าจะสำนึกผิดในตอนนี้และสาบานจะกราบขอขมาต่อข้า ข้าจะช่วยให้เจ้าไปสบายเอง นอกจากนี้ข้ายังสามารถให้แหล่งข้อมูลเพื่อช่วยให้เจ้าเติบโตได้อย่างเต็มที่ด้วย! เจ้าคิดว่าอย่างไร?” อู่หมิงเหลียงมอบข้อเสนอก่อนการประลองจะเริ่มขึ้น

“เจ้างั้นรึ? เหอะ เหอะ! นี่เป็นเรื่องตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนสรวงสวรรค์! เข้ามาและยอมรับความพ่ายแพ้ซะ เจ้าขี้โม้! ข้าจะจัดการเจ้าภายในสามกระบวนท่า!” เซี่ยงเส้าหยุนโยกหัวไปด้านหลังและคำรามด้วยเสียงหัวเราะ

“เจ้าช่างโง่เง่าซ้ำซ้อน นี่เจ้าฝันไปหรืออย่างไรที่จะเอาชนะข้าด้วยเพียงสามกระบวนท่า คุณชายผู้นี่จะทำให้เจ้าต้องก้มหัวด้วยหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น!” อู่หมิงเหลียงเผยเสียงดังส่เซี่ยงเส้าหยุนเสียงดัง เพื่อไม่ให้เสียเวลาเขาจึงพุ่งไปยังเซี่ยงเส้าหยุน

หมัดพลังปราณ!

กระบวนท่าแรกที่อู่หมิงเหลียงใช้เป็นวิชาของตำหนักยุทธ์ระดับหนึ่งที่ทุกผู้สามารถฝึกฝนได้ หมัดที่มีพลังมากมายอยู่ภายใน ดูเหมือนบรรลุเพียงเจ็ดในสิบ นั่นหมายความว่าหมัดพลังปราณของอู่หมิงเหลียงนั้นขาดไปถึงสามในสิบจึงจะสมบูรณ์ นอกจากนี้ความแข็งแกร่งและความสามารถของอู่หมิงเหลียงก็ได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้หมัดพลังปราณเกิดเสียงฟู่ขึ้นบนลานประลอง

หมัดพุ่งทะยานมาด้วยแรงถึงห้าร้อยกิโลกรัม! นับเป็นความแข็งแกร่งอย่างมากสำหรับผู้ที่อยู่ระดับพื้นฐานขั้นเก้า แม้สำหรับผู้ชม เหล่าศิษย์ชั้นนอกก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่ปล่อยออกมา พวกเขาต่างเริ่มสงสัยว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะทนต่อหมัดเหล่านี้ได้อย่างไร

“ข้าจะขึ้นไปแทนที่ระดับของเจ้าในวันนี้!” เซี่ยงเส้าหยุนเย้ยหยันโดยปราศจากการหลบหลีกและก้าวไปข้างหน้าราวกับม้า ปล่อยหมัดออกไปราวกับสายลม นี่เป็นวิทยายุทธ์แบบเดียวกัน หมัดพลังปราณ

โครม!

ก่อให้เกิดความประหลาดใจต่อฝูงชน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าผู้ฝึกฝนระดับพื้นฐานขั้นต่ำเช่นเซี่ยงเส้าหยุน จะกล้าปะทะกับผู้ฝึกฝนระดับพื้นฐานที่อยู่อันดับต้น ๆ เช่นนี้

เมื่อพวกเขาคิดว่ากระดูกของเซี่ยงเส้าหยุนนั้นจะต้องแตกละเอียดและต้องถูกบังคับให้ออกจากลานประลอง แต่ที่พบคือยังยืนมั่นคงอยู่จุดเดิม แต่เป็นอู่หมิงเหลียงถูกผลักถอยหลังไปหลายก้าวและกำหมัดของตนด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก ในขณะนี้เหล่าศิษย์ชั้นนอกต่างพูดคุยกันอย่างวุ่นวาย

“มะ มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?! เซี่ยงเส้าหยุนมีความแข็งแกร่งมากถึงขนาดผลักอู่หมิงเหลียงให้ถอยหลังได้เลยรึ”

“นี่จะต้องไม่ใช่ความจริง? ถ้าหากเซี่ยงเส้าหยุนซ่อนความแข็งแกร่งทั้งหมดและเพิ่งจะเผยออกมาในวันนี้งั้นรึ?”

“นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปกระมัง? จำวันแรกที่เขาพยายามแย่งอาหารที่โรงอาหารได้ไหม? แม้แต่ข้าก็สามารถตีเขาได้! เจ้าคิดว่าเขาแกล้งทำด้วยงั้นรึ?!”

“บางทีอาจเป็นฝีมือท่านผู้อาวุโสที่สิบเก้า! ถ้าหากเขามอบยาวิญญาณให้กับเซี่ยงเส้าหยุนล่ะ ซึ่งมันจะอธิบายความแข็งแกร่งว่าเขาจะก้าวมาถึงระดับนี้”

“รับชมให้ดี นี่เป็นกระบวนท่าที่สองของข้า!” เซี่ยงเส้าหยุนเยาะเย้ย เมื่อเริ่มการโจมตีร่างกายของเขาจึงพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแหมือนดังสัตว์อสูรที่กำลังวิ่งอยู่โดยท่วงท่าชวนสะพรึง

มันเป็นความเร็วที่แท้จริงของหมัดปลังปราณ ขั้นต่อไปคือการสะสมแรงจากการวิ่งเพื่อปล่อยออกมาในเวลาที่เหมาะสม เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มปล่อยหมัดพลังปราณอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้มันสมบูรณ์ถึงเก้าในสิบแล้ว ซึ่งจะเพิ่มน้ำหนักให้กับหมัดมากกว่าห้าสิบกิโลกรัม

เซี่ยงเส้าหยุนต้องการจะใช้อู่หมิงเหลียงเพื่อแสดงความแข็งแกร่งให้ทุกผู้ประจักษ์ เขาตั้งใจจะเผด็จศึกการประลองนี้ด้วยสามกระบวนท่าเท่านั้น และไม่คิดให้อีกฝ่ายสวนกลับจนเกินไป

อู่หมิงเหลียงเป็นถึงหนึ่งในสิบอันดับของศิษย์ชั้นนอกและมันไม่ได้มีไว้อวด เขาเปลี่ยนรูปแบบของกำปั้นและตะโกนอย่างโหดเหี้ยม “ข้าจะให้เจ้าเห็นถึงพลังที่แท้จริงของคุณชายผู้นี้!”

วิทยายุทธ์ระดับสอง ‘หมัดเกลียวคลื่น’ ชั่วขณะที่ส่งหมัดไปด้านหน้าก่อให้เกิดระลอกคลื่นในอากาศ หมัดนี้มีพลังทำลายล้างเทียบเท่าหมัดพลังปราณ แต่ความแตกต่างที่แท้จริงระหว่างทักษะของหมัดระดับสองและทักษะหมัดระดับหนึ่งนั้น วิทยายุทธ์นี้ไม่ได้เป็นส่วนที่ตำหนักยุทธ์บันทึกภาพไว้ในศิลาแต่เป็นหนึ่งในวิชาที่สืบทอดกันในตระกูลอู่

หมัดทั้งสองประสานกันในอากาศ นักสู้ทั้งสองสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้ในครั้งนี้โดยที่ไม่มีผู้ใดถอย

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?! หมัดเกลียวคลื่นน่าจะช่วยให้ข้าปลดปล่อยพลังได้มาถึงหกร้อยห้าสิบกิโลกรัม แม้ว่าข้าจะบรรลุวิชาเพียงสองในสิบก็ตาม! แต่เจ้าเด็กเหลือขอนี่สามารถป้องกันมันได้งั้นรึ?” อู่หมิงเหลียงไม่เชื่อในสายตาตนเอง

ต่างทราบกันดีว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานขั้นเก้าส่วนใหญ่ไม่สามารถรับหมัดนี้ได้โดยตรง แต่นี่เซี่ยงเส้าหยุนไปถึงระดับพื้นฐานขั้นเก้าแล้วอย่างนั้นรึ?

ขณะที่อู่หมิงเหลียงกำลังงุนงง เซี่ยงเส้าหยุนได้เปลี่ยนกระบวนท่า คราวนี้เขาเลือกที่จะไม่ชก แต่ปล่อยลูกเตะวายุหมุนใส่อู่หมิงเหลียงแทน ลูกเตะวายุหมุนไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งเหมือนหมัดพลังปราณ ความพิเศษของมันคือการปล่อยลูกเตะติดต่อกันได้อย่างรวดเร็วทำให้ยากต่อการป้องการให้ได้ทุกครั้ง

เซี่ยงเส้าหยุนเตะใส่อู่หมิงเหลียงห้าถึงหกครั้งติดต่อกัน ลูกเตะเหล่านี้มีน้ำหนักถึงห้าร้อยกิโลกรัม

ตึง ตึง!

ในตอนที่เริ่มการประลองนั้นอู่หมิงเหลียงประเมินคู่ต่อสู้ของตนต่ำเกิน และก็ได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการประลอง ตอนนี้เขาฟุ้งซ่าน เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะเปลี่ยนแปลงทักษะทั้งหมดของตนได้ในทันที ด้วยไม่ทันเตรียมตัว ลูกเตะจึงปะทะกับหน้าท้องส่งผลให้ร่างต้องกระเด็นออกนอกลานประลอง

โครม!

ราชาเหนือราชัน

ราชาเหนือราชัน

Score 10
Status: Completed
~เกริ่นนำ~
จากสำนักอันยิ่งใหญ่ทรงอำนาจ สู่ความตกต่ำยังสำนักอันเล็กจ้อย เพราะมั่นใจในพรสวรรค์จึงกล่าวจะว่างเว้นฝึกฝนสิบปี กาลเวลาผันผ่าน ชีวิตพลิกกลับตาลปัตรอย่างไม่อาจหวนคืน ด้วยไร้ซึ่งกำลังจึงต้องเริ่มต้นใหม่ เพื่อทวงคืนเกียรติยศที่เคยมีกลับคืน แม้ฝืนชะตาฟ้าเขาก็ขอคิดทำให้สำเร็จ!

Options

not work with dark mode
Reset