ระบบใช้จ่าย 43 : ด่าฉันแค่ประโยคเดียว ฉัน จะฆ่าครอบครัวของแกทิ้งซะ

ตอนที่ 43 : ด่าฉันแค่ประโยคเดียว ฉัน จะฆ่าครอบครัวของแกทิ้งซะ

ระบบใช้จ่ายตอนที่ 43

บทที่ 43: ด่าฉันแค่ประโยคเดียว ฉัน จะฆ่าครอบครัวของแกทิ้งซะ

” ปล่อย … ปล่อยฉัน … ฉันกําลังจะตาย ฉันกําลังจะตายแล้ว … “เพื่อนร่วมงานของเขาถูกรัดคอจนเกือบหายใจไม่ออก ” พี่ … พี่ชางกําลังจะฆ่าฉันนะ …”

จากนั้นชางเวินชีเปลี่ยนจากการรัดคอเป็นการกดไหล่เพื่อนเขาแทนและส่าย เขาอย่างรุนแรง ” ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ไหน? พาฉันไปหาเธอเดี๋ยวนี้! เพลงของเธอเหมาะสมที่สุดสําหรับบทเพลงประกอบภาพยนตร์ มันเพอร์เฟคมาก!

เพื่อนร่วมงานของเขาหายใจเข้าลึก ๆ เขาได้หอบเหมือนวัวสีน้ําตาลแก่ที่ทํางานในทุ่งนา “นายจะรีบไปพะ..เพื่อ ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่บอก นา..นาย…เป็นยังไงล่ะ ผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ? เมื่อฉันฟังเธอร้องเพลงเมื่อวานนี้ ฉันก็กลายเป็นแฟนตัวยงของเธอทันทีเลยแหละ! “

ชางเวินชีกลายเป็นคนคลั่ง “อ้าาา หยุดพูด! ฉันรู้ว่านายเป็นแฟนตัวยงของเธอแล้ว ตอนนี้ฉันก็เหมือนกัน! แต่สิ่งที่ฉันถามคือ ฉันจะไปหาเธอได้ที่ไหน! ฉันจะหาตัวเธอได้ที่ไหนห้ะ! ในตอนนี้ มันไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดว่าใครเป็นแฟนตัวยงโว้ย! ”

ตอนนี้ เพื่อนร่วมงานของเขาก็หยุดหายใจและพูดว่า ” เมื่อคืนวานนี้ ฉันเบื่อ ๆ และได้ยินมาจากเพื่อนว่าที่ไนท์คลับ เย่ไหลเซียงในสี่แยกทิศตะวันตกเปิดบริการฟรีทุกอย่างฉันก็เลยไปเที่ยวที่นั้น เมื่อฉันไปถึงที่ไนท์คลับ ผู้คนก็แออัด และ…อ๊ะ อย่ารีบสิ ฉันกําลังจะบอกว่า จริง ๆแล้ว.. !“เขารู้สึกถึงความจ้องเขม็งจากชางเวินชี เขารีบพูดว่า ” ฉันจะข้าม เล่าตอนที่เริ่มต้น เมื่อผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปบนเวที ผู้คนก็ต่างตื่นเต้นมาก เธอร้อง เพลงทั้งหมดสองเพลง ฉันรู้สึกว่าบทเพลง “ไล่ตามฝันหาอัสนีบาต” นี้เหมาะที่จะ เป็นบทเพลงประกอบภาพยนตร์ ดังนั้น ฉันจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเธอ จากนั้นฉันพบว่าเธอดูเหมือนจะ … ดูเหมือนจะเป็น … ฉันจะพูดยังไงดีล่ะ? ”

” ดูเหมือนจะเป็นอะไร? นายจะทําให้ฉันบ้าตายที่ต้องกังวลใจนะ นั่นคือสิ่งที่นายต้องการรีไง? ” ชางเวินชีกําลังโกรธเคือง เขาเริ่มเร่งให้เพื่อนร่วมงานเล่าต่อ

“อ๊ะ เธอดูเหมือนจะเป็นนักร้องคนโปรดของนายน้อยจากตระกูลร่ํารวยคนนึง แต่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรา นายน้อยคนนั้น อายุเพียง 17 หรือ 18 ปี และความสัมพันธ์ของพวกเขา ดูแล้วไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่ถ้ามีความสัมพันธ์อื่น ๆ ฉันก็ไม่รู้หรอก ” หลังจากเพื่อนร่วมงานของเขาที่พูดยืดเยื้อมานาน เขาก็ได้ข้อสรุปในที่สุด ” โดยพื้นฐานแล้ว เธอน่า จะมีความสัมพันธ์กับนายน้อยคนนั้นอย่างแน่นอน ”

“นายน้อยคนนั้นคือใคร? นายรู้จักเขารึเปล่า?” ชางเวินชีถามด้วยความอยากรู้ว

“แน่นอน “เพื่อนร่วมงานของเขาผลักแว่นขึ้นจมูก ” เขาคือ ท่านนายน้อย หงต้าหลี่จากตระกูลหง นายคงเคยได้ยินเรื่องราวของเขามาก่อนแล้วแน่ ๆ”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ ชางเวินชีก็เกือบจะกัดลิ้นของตัวเองแล้ว หงต้าหลี่จากตระกูลหงอย่างนั้นเหรอ? อาเสี่ยวัยหนุ่มที่ใช้จ่ายไปวัน ๆ ทําตัวน่าอับอาย!? คนที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบนั้นไปพบนักร้องที่พิเศษแบบนี้มาจากที่ไหนกัน? ”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ? “เพื่อนร่วมงานของเขากระทุ่งข้อศอกไปที่ชางเวินชี ” ฮิฮิ พี่ชาง ฉันได้ยินมาว่าในอีกสองวัน นายน้อยต้าหลี่คนนั้นจะจัดคอนเสิร์ตให้สําหรับนักร้องผู้หญิงคนที่นายดูในวิดีโอมือถือของฉันล่ะ และคอนเสิร์ตฟรีทุกอย่าง ในวันนั้น…”

มีอะไรให้ลังเล? ชางเวินชีตัดสินใจทันที ” ไปแน่นอน เราจะไป! ฉันจะไปตามโปรดิวเซอร์ให้มารวมตัวกันและเดินทางไปด้วยกัน โอ้ ใช่ และบริษัทที่ถ่ายทําภาพยนตร์ ก็ขอร้องให้พวกเขามาด้วย พวกเราจะไปพบเธอในวันนั้น! อัยยาสวรรค์อยู่ข้างฉันจริง ๆ ด่วนเลย เล่นวิดีโอที่เธอร้องเพลงอีกครั้งสิ! ถึงแม้ว่าเสียงรอบข้างจะดังเกินไป แต่เสียงของเธอก็ยังคงน่าฟัง มันช่างมหัศจรรย์จริง ๆ !”

หงต้าหลี่ยังคงนอนหลับในคาบเรียน ในตอนเที่ยงด้วยความงุนงงและรู้สึกไม่มีความสุขเลย

สื่อบันเทิงในโลกนี้ มันแย่เกินไปจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าว หากแต่ว่าสื่อบันเทิงในโลกก่อนหน้าของเขาได้ รับการจัดอันดับ 100 คะแนน แต่ในโลกนี้จะได้รับการจัดอันดับเพียงแค่ 50 คะ แนนเท่านั้น หงต้าหลี่ไม่พบเพลงที่อยากจะฟังเลยสักนิด แม้ว่าดนตรีจะไม่มีขอบเขต แต่เพลงที่เขาได้ยินมักทําให้เขารู้สึกหนวกหูเหมือนมีคนเกาหลัง อยู่ข้าง ๆ เขาซะงั้น

เมื่อเขาต้องการอ่านนวนิยาย นวนิยายในโลกนี้ก็โคตรน่าเบื่อ เขาเข้าไปดูเว็บไซต์จงเตียน ที่เขาได้ซื้อเมื่อวานนี้ นวนิยายต่าง ๆ ในเว็ปไซต์มันไม่สามารถอ่านได้เลย … ถ้าพูดจากการอ่านแค่บทแรกแล้ว นิยายในโลกนี้เป็นเหมือนบทความมากกว่า ไม่ใช่ประเภทที่บรรยายเกี่ยวกับการจินตนาการต่าง ๆ แต่เป็นประเภทที่แสดงอารมณ์ เนื้อหาทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยคําพูดที่ไพเราะ ซึ่งบรรยายถึงฉากที่น่าประทับใจ แต่พวกเขาไม่มีเนื้อเรื่องหรือการบรรยายใด ๆ ที่น่าตื่นเต้นเลย นวนิยายประเภทนี้สามารถ อ่านได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ? หงต้าหลี่นอนหลับในตอนเช้าด้วยผลของการ สะกดจิตของนวนิยายบ้า ๆ พวกนี้ หลังจากอ่านนวนิยายสามตอนของการเปิดตัวเว็ปไซต์นวนิยายจงเตียน เขาก็แทบจะผล็อยหลับไปทันที

ในที่สุดเมื่อเขาพบนวนิยายที่น่าสนใจมาก เขาก็กําลังจะเปิดอ่าน แต่มันดันไม่มีบทต่อไปซะงั้น …

นี่มันแย่เหลือเกิน!

หงต้าหลีโกรธมากจนเขาอยากทุบโทรศัพท์ของเขาลงบนพื้น เมื่อเขาได้อ่านไปถึงตอนที่สําคัญ แต่ไม่มีให้อ่านต่อ เขาไม่สามารถคาดหวังกับบทที่เหลือได้ เพราะผู้เขียนไม่เขียนต่อแล้ว อย่างไรก็แล้วแต่ ทําไมเขาต้องมาเจอกับนวนิยายที่ขาดตอนแบบนี้กัน?

ดังนั้นเมื่อหยุดพักกลางวัน หงต้าหลี่ก็เข้ามาในรถของเขาและถามเสี่ยวหยี่โดยตรงว่า “เสี่ยวหยี่ เว็บไซต์จงเตียนนวนิยายส่วนใหญ่มันไม่น่าสนใจเลย แล้วเมื่อฉันเจอนิยายที่น่าสนใจ แต่ผู้เขียนกลับไม่เขียนต่อแล้ว นั่นมันทําให้ฉันรู้สึกหดหู่ชะมัด ช่วยฉันค้นหานักเขียนคนนั้นที่มีสไตล์การเขียนที่เป็นเอก

ลักษณ์ของตัวเอง เพื่อเขียนนวนิยายที่มีเนื้อเรื่องและบรรยายเพิ่มเติมที่ แล้วก็ระบุในงานของพวกเขา คือเขียนนวนิยายเต็มเวลา”

“คะ? ” เมื่อได้ยินคําพูดของหงต้าหลี่ หลิงเสี่ยวหยี่ก็งุนงงและถามว่า ” โครงเรื่อง? เปลี่ยนนิยาย? ให้นิยายไม่เป็นเหมือนตอนนี้งั้นเหรอคะ? ”

“ฉันคิดว่าพวกเขาคงเขียนได้อย่างสบาย ๆ แหลชะ เพราะฉันอ่านเป็นครั้งคราว ไม่อ่านมากเกินไปหรืออ่านภายในครั้งเดียว ถ้าอ่านมากเกินไป มันจะทําให้ง่วงนอนได้ นั่นคือสิ่งที่ฉันจะบอก นี่ไม่ใช่นิยายแล้วเห้ย มันเป็นหนังสือใช้สะกดจิตชัด ๆ ฉันอ่านนวนิยายไปห้าเล่มในเว็บนี้แล้ว แล้วฉันก็หลับไปถึงสี่คาบเรียน นิยายพวกนี้มีประสิทธิภาพ มากกว่ายานอนหลับซะอีก “หงต้าหลี่พูดอย่างง่วงซึมอีกว่า ” ประเภทของ นวนิยายที่ฉันต้องการไม่ใช่แบบนี้เลย ฉันต้องการประเภทนวนิยายที่ไม่ใช่ประ เภทนี้ แต่เป็นประเภทการต่อสู้และฆาตกรรม แบบว่า ‘ถ้าแกจ้องมาที่ฉัน ฉันจะฆ่าแก ..ถ้าแกด่าฉันเพียงแค่ประโยคเดียว ฉันจะฆ่าครอบครัวของแกทิ้งซะ ประมาณนี้ มีไหม? ”

หลิงเสี่ยวหยี่แทบจะสําลักน้ําลายออกมาเพราะคําพูดของหงต้าหลี เธอมองเขาอย่างปวดหัวและพูดว่า “ฉัน … ฉันจะพยายามทําให้ดีที่สุด… มันน่าจะมีอะไรแบบนั้นอยู่แหละค่ะ … ”

“หากไม่มีก็ให้ไปค้นหาผู้เขียนบางคนที่เขียนด้วยภาษาง่าย ๆ แล้วขอให้พวกเขาเขียนนวนิยายสักสองสามเล่มให้ฉัน “หงต้าหลี่กล่าวเสริมอีก “มีนวนิยายที่ฉันพบ ฉันสนใจอยู่เรื่องนี้ ชื่อเรื่องว่า “พลังปีศาจ” ขอให้บรรณาธิการติดต่อผู้แต่งที ฉันไม่สนใจหรอกว่าเขาทําอะไรอยู่ แต่จะต้องทําให้ผู้เขียนคนนั้นเขียนเรื่องราวต่อไปเพื่อให้ฉันอ่านให้ได้”

หลิงเสี่ยวหยี่: ” รับ … รับทราบค่ะ ”

” ฉันเบื่อจนจะบ้าตายอยู่แล้ว โอ้ ใช่ ทําสําเนาเพลงของน้องสาวเนียนเหว่ย ให้ฉันด้วย เพลงของเธอเป็นอะไรที่ฉันชอบมาก “หงต้าหลี่เอนกายพิงหน้าต่าง ” และที่ร้านหนังสือตุรกีนั่น สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร? เล่ารายละเอียดแบบ ๆ เต็ม ๆ มาซิ ”

” ได้ค่ะ ” หลิงเสี่ยวหมี่รายงานทันที ” ร้านหนังสือตุรกีเป็นฐานข้อมูลนวนิยายที่ใหญ่ที่สุดในรัฐสวรรค์ ปริมาณการใช้งานเว็บไซต์ IP ของเว็บไซต์ … นั้นประมาณ 10 เท่าของเว็ปไซต์จงเตียนของเรา จํานวนของผู้เขียนนั้นก็สูงกว่าที่เว็ปไซต์จงเตียนเช่นกัน ในปัจจุบันที่พูด เกี่ยวกับนวนิยายออนไลน์ ร้านหนังสือตุรกีมีความโดดเด่น เว็ปไซต์ของเขาเสถียรมาก”

ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามนี้จะไม่อ่อนแอเลย หงต้าหลี่ถามว่า ” ถ้าอย่างนั้นเราจะชนะพวกเขาได้ยังไง? ”

หลิงเสี่ยวหยี่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ทําอะไรไม่ถูก เธอได้พูดว่า “ฉันไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ ท่านนายน้อยค่ะ ทําไมเราไม่ทํางานให้ยุติธรรมและจ้างคนบางคนมาช่วยเราจัดการล่ะคะ? ”

“เอ่อ..ท่านนายน้อยต้องการให้ทํา ตอนไหนเลยคะ? ”

หงต้าหลี่จึงตัดสินใจทันที “เอาตอนนี้”

“รับทราบค่ะท่านนายน้อย ฉันเข้าใจแล้ว “หลิงเสี่ยวหยี่ถามอย่างระมัดระวัง ” ท่านนายน้อย ท่านวางแผนที่จะแข่งขันกับหลิวหมิงเฉิงจริง ๆ หรือคะ?”

“เธอยังต้องถามอีกเหรอ? “หงต้าหลี่ กล่าวอย่างใจเย็น ” ความสัมพันธ์ของเราไม่ดีอยู่แล้ว เราจะต้องต่อสู้กันเองในไม่ช้าก็เร็ว คนที่ยิงนัดแรกได้ก่อนก็จะได้อยู่สูงกว่า ใช่ไหมล่ะ ฮ่าฮ่า เคยได้ยินคําพูดสมัยก่อนไหมล่ะ ผู้ที่มีวิธีการใช้ เงินใช้สมองกับผู้ที่ไม่มีหนทาง ย่อมมิอาจเทียบกันได้อยู่แล้ว”

ระบบใช้จ่าย

ระบบใช้จ่าย

Score 10
Status: Completed
เรื่อง ระบบใช้จ่าย


โดย นำเรื่อง ระบบใช้จ่าย มาเป็นบางส่วน

บทนำ

เขาได้ตายไปเพราะช่วยเหลือคนจากการถูกรถชน จากนั้นก็ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง พร้อมกับระบบแปลกๆและยังโลกใบเดิมที่ผิดไปจากเดิมอีก

เรื่องย่อ

” หงต้าหลี่ เพศชายอายุ 22 ปี ไร้ครอบครัว ได้เสียชีวิตอย่างโชคร้ายโดยที่ได้ช่วยเหลือเด็กสองคนที่กำลังจะถูกรถชน หลังจากหารือหลายครั้ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจให้เกียรติเขาในฐานะวีรบุรุษและนักศึกษามหาวิทยาลัยดีเด่นของจังหวัด “

– หนังสือพิมพ์รายวันประชาชน

” ไม่!ไม่!ไม่! ไม่มีทาง หนูจะไม่หมั้นกับตระกูลหงเด็ดขาด! ” ถังมู่ซินพูด เธอซ่อนศรีษะไว้ใต้หมอนและกะดิกขาไปมาอย่างหงุดหงิด ” หงต้าหลี่เป็นพวกเศษเดนที่คนรู้จักกันทั่วเมือง เขาเป็นพวกสุรุ่ยสุร่ายและเป็นที่ขายหน้าของตระกูลหง เขาทั้งอ่อนแอและสมองทึบอีกด้วย ไม่มีทางที่หนูจะเอาคนแบบนี้มาเป็นคู่หมั้นหรอกนะ! “

ถังมู่ซิน เป็นลูกคนเดียวของ ถังรุ่ยชี ประธานบริษัทถังเวชกรรม เธอเป็นคนที่มีความสามารถทั้งการอ่านและเขียน ทั้งนี้เธอยังเป็นคนที่เที่ยงธรรมและเป็นคนที่สวยงามอีก ด้วยรูปลักษณ์ของเธอ เปรียบได้กับดอกไม้ที่สวยที่สุดราวกับว่าทุกอย่างนั้นดีไปหมดเมื่ออยู่กับเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นสุดยอดแม่ครัว ทำให้เธอเป็นภรรยาในแบบอุดมคติเลยทีเดียวเชียว

การที่ทั้งทำอาหารได้อร่อยและหน้าตาเป็นเลิศเช่นนี้ เธอจะต้องเป็นผู้หญิงในฝันของผู้ชายหลายคนในโรงเรียน

วันนี้ เธอได้ยินเสียงจากพ่อว่าจะพาเธอไปหาตระกูลหงต้าหลี่ที่แสนน่าอับอาย เพื่อที่จะได้หมั้นตัวเธอกับลูกชายของตระกูลหง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถยอมรับได้เลยสักนิดเดียว ” ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของเขาตามใจและพวกเขายังมีลูกแค่คนเดียว คนไร้ค่าอย่างเขาคงจะถูกไล่ออกจากตระกูลหงไปนานแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ เขาจะยังสามารถใช่เงินสุรุ่ยสุร่ายได้แบบนี้อีกงั้นเหรอ? “

เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว ถังรุ่ยชีซึ่งนั่งอยู่หน้าเตียงก็ได้ยิ้มแย้ม ” ซินซิน1 ไม่ใช่ว่าพ่อมีทางเลือก การแต่งงานระหว่างหนูกับหงต้าหลี่ถูกตัดสินโดยคุณปู่เมื่อหลายปีก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กน้อยทึ่ม ๆ คนหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ใช่มั้ย จากสิ่งที่พ่อรู้จริง ๆ แล้ว หงต้าหลี่เป็นเด็กที่หน้าตาดีเลยนะ … “

ถังรุ่ยชี สวมเสื้อกล้ามสีเขียวที่สะอาดสะอ้านและเน็คไทที่มีปมเรียบง่ายตรงคอของเขา เขามีหนวดเคราอยู่เหนือริมฝีปาก เขาถือกล่องยาสูบไว้ในมือและผมสีดำสั้นของเขาก็ได้ถูกหวีอย่างเรียบร้อยไปทางด้านหลังของศีรษะอย่างดูดี ความแปลกเพียงอย่างเดียวก็คือ ตอนนี้ดวงตาของเขาเปล่งประกายพร้อมกับเต็มไปด้วยความรู้สึกหมดหนทางและไม่เต็มใจ

พูดตามตรง เพราะเขาไม่มีทางเลือกหรอกนะ เขาจะยอมมอบลูกสาวที่มีค่าของตัวเองให้กับคนไร้ค่าอย่างหงต้าหลี่งั้นหรอ? สาเหตุที่เขาเรียกว่าคนไร้ค่างั้นเหรอ ก็เพราะหงต้าหลี่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนประหลาดที่สุดบนโลกใบนี้ สิ่งเดียวที่เขาชอบทำก็คือ การถลุงเงินที่มีอยู่ของตนเอง

คำพูดประจำตัวของเขาคือ ” ฉันจะต้องฟุ่มเฟือยสิ ถ้าฉันไม่ใช้เงิน เงินที่พ่อแม่ของฉันที่หามาก็คงสูญเปล่าใช่ไหมละ? “

คำพูดของเขาได้สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนในเมืองเทียนจิง ผู้ปกครองจำนวนมากต่างก็ได้สอนลูกของพวกเขาโดยพูดว่า ” ถ้าลูกกล้าเรียนรู้เรื่องการใช้เงินจากหงต้าหลี่ ไปกินข้าววัดเลยไป! “

ดังนั้นแล้ว จึงเป็นที่เข้าใจได้เลยว่าทำไมถังมู่ซินถึงได้อารมณ์เสีย

Options

not work with dark mode
Reset