ซ่อน | รัก | ลับ 107 ที่แท้คุณก็แค้นฉันถึงเพียงนี้

ตอนที่ 107 ที่แท้คุณก็แค้นฉันถึงเพียงนี้

ยามค่ำหิมะตกหนักขึ้น ก่อตัวราวกับจะกลบเมืองทั้งเมืองได้

ทำให้การจราจรเป็นอัมพาต

คนขับรถขับอ้อมกลับมาอย่างไม่รีบร้อน เขาค่อยๆ ขับมาอย่างช้าๆ ในช่วงเวลานี้ทำให้เหอเจิงที่กำลังอยู่ในภาวะหายใจไม่ออกสงบใจลงได้ในที่สุด

เมื่อเธอขึ้นรถก็แจ้งจุดหมายปลายทาง เธอนั่งอยู่ด้านหลังรถอย่างไร้จิตวิญญาณ ราวกับตกลงไปในถ้ำที่ว่างเปล่า จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างเงียบๆ

โชคดีที่เธอไม่ได้แต่งหน้าเข้มมาก

ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงเหมือนผีสาวไปแล้ว

รถจอดอยู่นอกสวนเหอเฟิง ไม่มีไฟบริเวณจุดรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้นั้นกำลังเคลิ้มทำท่าจะสัปหงกอยู่ จู่ๆ ก็เห็นผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งเดินผ่านกล้องวงจรปิดไป ฝีเท้าเธอเชื่องช้า ทุกก้าวจมลึกเข้าไปในกองหิมะหนาลึก

เขาจำเหอเจิงได้ จึงรีบหยิบร่มวิ่งออกมาเรียกเธอจากทางด้านหลัง: “คุณหญิงจี้ครับ!”

แต่ราวกับเธอได้ปิดโหมดการรับฟังไปเรียบร้อยแล้ว

เธอก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตามได้สองก้าว ตรงทางเข้าก็มีรถไม่คุ้นตาขับผ่านเข้ามา เขาจึงย้อนกลับไปอย่างเสียไม่ได้พลันพึมพำอยู่ในใจว่า คืนนี้ดูท่าสามีภรรยาคู่นี้จะมีอะไรผิดปกติเสียแล้ว

ตกดึก

เนื่องจากรถติดอยู่บนท้องถนนเป็นเวลานาน เดิมทีจะต้องมาถึงสวนเหอเฟิงก่อนสี่ทุ่ม แต่กว่าจะมายืนอยู่ตรงขั้นบันไดสีขาวใต้ตึกก็ปาเข้าไปห้าทุ่มแล้ว ลมหนาวไร้รูปพัดเข้ามาถึงกระดูกของเหอเจิงดั่งยาพิษ ทำให้การรับรู้ทั้งหมดของเธอถูกแช่แข็งเอาไว้

ประตูใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดออก

เธอกดนิ้วลงไปเบาๆ ก็มีเสียง “ติ้ง” ดังขึ้นมา ดังราวกับถูกสำเร็จโทษด้วยกระสุนปืน

เธอเดินผ่านลานบ้านใต้ระเบียงและมองผ่านกระจกหน้าต่างเข้าไปก็เห็นแสงไฟสว่างไสว ราวกับมีเงาคนอยู่ในนั้นด้วย ภายในห้องดูท่าจะอบอุ่น จี้ผิงโจวถึงสวมเพียงเสื้อเชิ้ตบางๆ ที่ใช้ใส่ตอนช่วงฤดูใบไม้ร่วง และพับแขนหลวมๆ ขึ้นมาหนึ่งนิ้ว

เขาก้มตัวลงไปขยับๆ เครื่องทำความสะอาดระบบอัลตราโซนิกเครื่องใหม่ที่อยู่ข้างทีวีในห้องนั่งเล่น

เป็นเครื่องสำหรับล้างแว่นตาโดยเฉพาะ แต่ความจริงแล้วเขาไม่ค่อยได้ใส่แว่นสักเท่าไหร่

เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู จี้ผิงโจวก็เอาสายไฟมาเสียบเข้ากับเครื่อง เขาหันไปมองเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้เห็นร่างของเหอเจิง เขาก็เอานิ้วกดสวิตซ์เปิดปิด

จากนั้นก็มีเสียงน้ำตามมา

ไหลรินออกมาเป็นสาย

“ข้างนอกฝนตกอยู่ ได้พกร่มหรือเปล่า?”

ไม่มีเสียงตอบรับ

เขายื่นมือไปปิดเครื่องแล้วลุกขึ้นยืน ก็รู้สึกคล้ายจะเป็นลมหน้ามืดจนต้องถอยกลับมา รอจนอาการดีขึ้น ถึงมองเห็นร่างคล้ายตุ๊กตาหิมะของเหอเจิงปรากฎตัวอยู่ภายในห้อง

แต่เหมือนเธอไม่รู้สึกถึงความหนาวสักเท่าไหร่

ขนตาเธอเปียกเป็นกระจุกเหมือนไปแช่น้ำมา ใบหน้าแข็งตัวราวเกล็ดน้ำแข็ง ขาวซีดไม่ต่างจากหิมะที่อยู่ข้างนอก เสื้อผ้าที่ใส่อยู่เปียกไปหมดทั้งด้านนอกและด้านใน

รองเท้าก็มีแต่โคลน และหิมะ

จี้ผิงโจวมีสีหน้าเครียดขึ้ง แต่กลับไม่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอะไรมาก เขาหันกลับไปขยับๆ เจ้าเครื่องตัวนั้นต่อด้วยท่าทีที่เยียบเย็น “ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยลงมาทานข้าว”

นิ้วมือเขาแตะไปที่ปุ่มกด

เจ้าเครื่องทำความสะอาดถูกออกแบบให้ดูเหว้าๆ แหว่งๆ การเคลื่อนไหวเปิดเผยตรงไปตรงมา ตามตัวมีกลิ่นหอมของไม้สนจางๆ ดูสะอาดสะอ้าน

เหอเจิงกระพริบตาเดินขึ้นชั้นบน จากนั้นก็ปิดประตู

จี้ผิงโจวก้มศีรษะ เหมือนคนที่คลานอยู่ริมฝั่งมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงอากาศอันบริสุทธิ์ในที่สุด

ผู้หญิงคนหนึ่งใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้านานขนาดไหนกันนะ?

อาหารในห้องอาหารเป็นของที่เขาเดินทางไปสั่งถึงร้านเสียวหม่านย่วนแห่งเมืองเหยียนจิง แล้วสั่งให้มาส่งตอนสองทุ่ม เขารอจนถึงสี่ทุ่มถึงค่อยนำมาอุ่นให้ร้อนด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากยังควบคุมอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องครัวไม่คล่องนัก จึงทำน้ำแกงสาดใส่ตัวไปสองสามหยด เขาจึงต้องไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบ

เสื้อที่ใส่อยู่ในตอนนี้ก็เป็นเสื้อเชิ้ตที่ใช้ใส่ตอนฤดูใบไม้ร่วงที่ลืมทิ้งไว้เมื่อปีที่แล้ว

เมื่อเอามาใส่ก็รู้สึกว่ายังพอดีตัว แต่คนดูคล้ายจะเปลี่ยนไปแล้ว

อาหารนั่นก็เย็นอีกแล้ว

แต่จี้ผิงโจวกลับไม่มีความคิดที่จะอุ่นให้ร้อนอีกเป็นครั้งที่สอง เขาขึ้นไปเคาะประตู ระหว่างที่กำลังจะยกมือขึ้น มือถือที่อยู่ชั้นล่างก็ดังขึ้นมา เขาจึงลงไปรับโทรศัพท์

เป็นเป๋ยเจี่ยนที่โทรมา

ทั้งหัวใจเขาทั้งน้ำเสียงล้วนว่างเปล่า “มีเรื่องอะไรเอาไว้ค่อยคุยกันวันหลัง”

แต่ขณะที่กำลังจะวางสาย

น้ำเสียงของเป๋ยเจี่ยนกลับสั่นเทิ้มไปด้วยความร้อนใจ “พี่โจว จี้ห้อยคอที่พี่หาเมื่อตอนกลางวัน ผมรู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน”

จี้ผิงโจวมองขึ้นไปชั้นบน จากนั้นก็เหลือบมองเสื้อโค้ทที่เขาโยนไว้บนโซฟา “มันไม่ได้สำคัญอะไรแล้ว”

“พี่ฟังผมพูดให้จบก่อนครับ……”

เขาบีบๆ บริเวณโหนกคิ้ว

เพื่อให้เวลาแก่เป๋ยเจี่ยน

“หลังผ่านวันคริสต์มาสไปแล้ว คุณให้คุณจ้าวไปเลือกของขวัญในรถ คุณจ้าวเอาจี้ห้อยคอเส้นนั้นไปครับ ผมไม่รู้ว่าคุณเอาไปให้พี่เชินซ่อมน่ะครับ เดิมทีผมกะจะบอกคุณวันนี้ คุณก็แบบนั้นอยู่……ทีนี้เมื่อกี้คุณจ้าวโทรมาบอกว่าได้เจอกับคุณนายฟางที่ร้านอาหารตรงหอกลองนั่น……”

ครืน ——

จี้ผิงโจวนึกว่าเป็นเสียงกำแพงใจที่เขาก่อขึ้นมาอย่างยากลำบากได้ล้มครืนลงมา แต่เมื่อฟังดูดีๆ ก็พบว่าเป็นเครื่องจักรที่เขาติดตั้งอยู่นานก็ยังไม่เรียบร้อยดีได้หยุดการทำงานเองเสียแล้ว

“พี่โจวครับ?”

เสียงดูเป็นกังวลของเป๋ยเจี่ยนดังผ่านไมโครโฟนออกมา

จี้ผิงโจวเงียบเสียงไป เขามองเจ้าเครื่องที่ดับไปเครื่องนั้นด้วยความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้เล็กๆ

“ทางนั้น เธอ……พูดอย่างไรบ้าง?”

เป๋ยเจี่ยนไตร่ตรองอยู่สักพัก

สงวนท่าทีเล็กน้อย

แม้กระทั่งคำพูดเจ็บแสบสักคำก็ไม่กล้าให้เล็ดลอดออกไป

ไหนเลยจะรู้ว่าเรื่องนี้ได้ตายสนิทไปเสียแล้ว

“คุณจ้าวพูดว่า……คุณนายฟางถามไปคำว่าคุณเป็นคนให้หรือไม่ จากนั้นก็พยักหน้ายิ้มๆ แล้วค่อยเดินจากไปครับ……”

โทรศัพท์ถูกวางไปแล้ว

ไฟก็ดับไปเช่นเดียวกัน

จี้ผิงโจวถอดปลั๊กออก เขาจำได้ว่ามีแผ่นให้ความร้อนอยู่ในลิ้นชัก จึงหยิบมันขึ้นไปชั้นบน เขาเปิดประตูโดยไม่เคาะประตูก่อน ห้องมืดมากจนมองไม่เห็นข้างใน ดูราวกับมิติคู่ขนานที่ออกมาจากอีกโลกหนึ่ง เหอเจิงซ่อนตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมพบหน้าใครทั้งนั้น

เธอที่ทั้งตัวเล็กและผอมบางในม้วนผ้าห่มสีขาวเทากำลังขดตัวอยู่ตรงมุมกำแพง กระทั่งเส้นผมสักเส้นก็ไม่มีเล็ดลอดออกมาให้เห็น

บริเวณพื้นใกล้ๆ ขอบเตียงมีหิมะหยดออกมาจากเสื้อผ้าของเธอ

มันจับตัวกันเป็นก้อน แช่แข็งความเศร้าเสียใจของเธอเอาไว้

จี้ผิงโจวเปิดโคมไฟ

คนที่อยู่มุมเตียงตัวสั่นขึ้นมา

เมื่อเขาเดินเข้าไป เธอก็ตัวสั่นมากขึ้น เขาดึงชายผ้าห่มออกมาด้วยมือที่เหยียบเย็น ในตอนนี้เขาถึงเห็นว่าเธอไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แม้แต่เสื้อโค้ทที่มีหิมะเกาะก็อยู่ในม้วนผ้าห่มเช่นเดียวกัน

แบบนี้จะไม่หนาวได้หรือ?

“ลุกขึ้นมาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปทานข้าว”

จี้ผิงโจวเอามือลูบเส้นผมเปียกชื้นของเหอเจิง มันเปียกจนจับตัวเป็นกระจุก เป็นปมชื้นๆ ทั้งยังมีไอเย็นติดมาด้วย ตอนนี้เตียงนอนเปียกชื้นไปหมดก็เพราะเธอ แต่ไม่รู้ว่ามันคือหิมะหรือน้ำตากันแน่

ขณะที่พูดใจเขาก็สั่นไปด้วย สั่นเหมือนบ้านเก่าๆ เตี้ยๆ ที่ล้มครืนลงมาท่ามกลางหมอกควันและภัสม์ธุลี

สั่นสะเทือนจนหายใจไม่ทัน

“เธอทำแบบนี้ต้องการจะแข็งตายให้ใครดู?” เขาเอ่ยปากพูดอย่างขัดเคือง ทำไมปากกับใจไม่ตรงกันถึงเพียงนี้ “ลุกขึ้นมา อย่าให้ฉันต้องลงมือ”

เงาร่างอันหงอยเหงาก่อตัวเป็นกำแพงป้องกันตัว ไม่ขยับใดๆ ทั้งสิ้นราวกับคนที่ตายไปแล้ว จากนั้นก็มีเสียงราวกับปีนขึ้นมาจากโลงศพออกมาว่า “จี้ผิงโจว คุณบอกว่าจี้ของฉันแตกไปแล้ว แต่ทำไมฉันถึงเห็นมันห้อยอยู่บนคอของคนอื่นได้ล่ะคะ?”

“เรื่องนี้ฉันเพิ่งจะ……”

“วันนี้ในที่สุดฉันก็รู้แล้ว……” เธอเหม่อมองไปยังเงาสีเทาของจี้ผิงโจวที่อยู่ตรงกำแพงสีขาวนั่น แล้วใช้มือลูบไปตามลำตัวของเขาอย่างอาลัยอาวรณ์ “ที่แท้คุณก็แค้นฉันถึงเพียงนี้……คุณมอบให้คนที่ชอบก็ช่างเถอะ ฉันยังพอหลอกตัวเองได้ว่าคุณกำลังโกรธฉันอยู่……แต่คุณกลับเอาไปให้ผู้หญิงนั่น แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ”

จี้ผิงโจวหายใจเข้าลึกๆ “เธอลุกขึ้นมาก่อนเถอะ”

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

Score 10
Status: Completed
ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Options

not work with dark mode
Reset