ซ่อน | รัก | ลับ 106 ของขวัญคริสต์มาส

ตอนที่ 106 ของขวัญคริสต์มาส

บรรยากาศที่ดีตลอดคืนถูกทำลายด้วยคำพูดประโยคเดียวของฉินจื่อ

อย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง

ไม่มีสิ่งตกค้างใดๆ

เหอเจิงตั้งสติขึ้นมาได้พอดี เธอต้องรีบกลับไป จี้ผิงโจวบอกให้เธอไปที่สวนเหอเฟิง เพราะมีของจะให้ เดิมทีเธอได้ปฏิเสธเขาไปแล้วนะ

จะทำอย่างไรได้ในเมื่อผู้ชายคนนี้เป็นพวกเจ้าเล่ห์แต่กำเนิด รู้ว่าต้องพูดอย่างไรเธอถึงจะใจอ่อน

คนหนึ่งเต็มใจที่จะตี อีกคนหนึ่งเต็มใจให้ถูกตี

เหอเจิงอดไม่ได้ที่จะด่าตัวเอง

เธอแอบยืนสูบบุหรี่ภายในห้องอีกห้องหนึ่งอยู่นานแล้ว จนสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ลอยละล่องเบาๆ ได้อีกครั้ง จึงเปิดประตูเตรียมจะออกไป ก็ดันมาได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูง

ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

เธอเดินตามเสียงเท้านั่นไป และแล้วก็มีเสียงเพราะๆ แต่ออกจะหงุดหงิดและไม่เต็มใจของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา “พี่คะ หนูว่าพวกเราไปทักทายคุณชายจี้ดีกว่านะคะ จำเป็นจะต้องมาดื่มมากมายขนาดนี้เพื่อพิธีกรคนหนึ่งด้วยหรือคะ?”

ประตูห้องข้างๆ ถูกผลักออกพร้อมกับมีผู้หญิงกำลังทำท่าอาเจียนอยู่ บทสนทนาจึงขาดช่วงไป “คุณชายจี้บอกแล้วว่า……ปีหน้าถึงจะไปเจอเขาได้……”

“หนูก็ว่าอยู่ จะต้องเป็นเพราะภรรยาเขากลับมาแล้วแน่ๆ แต่เป็นแบบนี้ก็ดี จะได้ปกป้องพี่ไปในตัวด้วย”

“ไม่ต้องพูดแล้ว มันควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

“ช่างเถอะ ก็ให้เวลาเขาหน่อยแล้วกันค่ะ เห็นแก่ที่เขาน่าสงสารขนาดนั้น จะเจอหน้าสามีแต่ละทีช่างยากเย็นเหลือเกิน”

บทสนทนาของหญิงสาวทั้งสองเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าฟัง

เหอเจิงโยนบุหรี่ลงกับพื้นแล้วเขี่ยๆ ด้วยปลายเท้า

พื้นปูกระเบื้องสีขาวเมื่อเจอกับขี้บุหรี่ก็เกิดร่องรอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จุดที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องจะมีช่องว่างประมาณสามนิ้วอยู่ทางด้านล่าง และหากโค้งตัวลงไปส่องที่ช่องว่างนั้นก็จะเห็นเท้าของคนที่อยู่ห้องข้างๆ ได้

ผู้ช่วยของจ้าวถังชิวเอามือลูบหลังเพื่อปลอบใจเธอ พอมองลงมาจึงเห็นว่ามีคนสูบบุหรี่แล้วยังเอาเท้าเขี่ยบุหรี่อีกด้วย

เดิมทีก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอได้ยินเสียงห้องข้างๆ เปิดประตู เธอก็หันไปดูว่าเป็นผู้หญิงแบบไหน มองๆ ไปก็สบเข้ากับดวงตาที่เมยเฉยต่อสรรพสิ่งและเย็นชาของเหอเจิง

ภายในราวกับมีภูเขานับพันเรียงรายต่อกัน พอมองดูพวกเธอกลับเหมือนกำลังดูเรื่องขำขันยิ่งกว่า

คนภายนอกต่างพูดกันว่าภรรยาของจี้ผิงโจวเป็นผู้หญิงที่สงบเสงี่ยมเชื่อฟังคนหนึ่ง

ก่อนแต่งงานเธอจัดได้ว่าเป็นนักวรรณกรรมและศิลปะ เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถในด้านดนตรี และเคยประกวดระดับประเทศมาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองแห่งเมืองเหยียนจิงเลยทีเดียว แล้วยังเป็นคนที่เชื่อฟังและรู้กาลเทศะอีกด้วย

แต่ถึงตีพวกเธอให้ตายอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเหอเจิงกำลังสูบบุหรี่อยู่ที่นี่ได้

เมื่อจ้าวถังชิวอาเจียนเสร็จ ถึงได้เห็นผู้ช่วยกำลังตัวแข็งอยู่ จึงถามออกไปอย่างงุนงง: “เกิดอะไรขึ้น

เหรอ?”

เธอหันตามไป

กระจกบานใหญ่หน้าอ่างล้างมือส่องใบหน้าของเหอเจิงออกมา เธอมีเส้นผมยาวหยักศกเล็กน้อย ใบหน้างดงามมีเสน่ห์

ไม่เฉพาะผู้ช่วยเท่านั้น แม้แต่ตัวเธอเองก็อึ้งไปเช่นกัน

เธออยากกลืนคำพูดที่เพิ่งพูดออกไปเมื่อครู่นี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ในเมื่อทำไม่ได้ก็ต้องคิดหาวิธีอื่นแทน พอคิดไปถึงเจียงเจิน ความคิดเธอก็แจ่มชัดขึ้นมา

ในเมื่อเหอเจิงไม่ชอบหาเรื่องผู้หญิงอื่นของจี้ผิงโจว ก็คงไม่มาคิดบัญชีกับเธอแน่

เธอคิดแบบนี้

ผู้ช่วยประคองจ้าวถังชิวไปเติมแป้งที่หน้ากระจก ใบหน้าเธอยังมีเครื่องสำอางอยู่ จึงไม่กล้าล้างหน้า แค่ใช้ทิชชูเปียกเช็ดๆ อายไลเนอร์ให้สะอาด  เหอเจิงล้างมือ จากนั้นก็หยิบไดร์เป่าแบบมือถือขึ้นมาด้วยท่าทีอันสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีประหนึ่งเมียหลวงเผชิญหน้ากับเมียน้อยแต่อย่างใด แต่จ้าวถังชิวพอเห็นเธอก็มองราวกับเห็นผี

“คุณ……คุณหญิงจี้”

ในเมื่อเจอหน้ากันจะไม่กล่าวคำทักทายก็คงไม่ได้แล้ว

จ้าวถังชิวมีท่าทีประหนึ่งโดนเหล้าสาดจนรู้สึกตัว เมื่อรู้สึกตัวก็มีสติขึ้นมาในทันที “คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันคะ?”

“ฉันควรอยู่ที่ไหนหรือคะ?”

ฉันควรอยู่เป็นเพื่อนจี้ผิงโจวอย่างเชื่อฟัง หรือควรทำตัวเป็นภรรยาหน้าโง่ของเขาอย่างสบายใจต่อไปดี?

ไม่ผิด แต่ก่อนเธอก็ทำตัวแบบนี้นั่นแหละ

ไม่อย่างนั้นคงไม่ตกเป็นขี้ปากของผู้อื่นจนถึงป่านนี้หรอก

จ้าวถังชิวจำสิ่งที่จี้ผิงโจวเคยเตือนเอาไว้ได้ ยิ่งกว่านั้นเธอยังสังเกตได้ถึงความอ่อนโยนในคำพูดของเขาที่มีต่อเหอเจิง มันเป็นความอ่อนโยนที่ออกมาจากร่างกายและจิตใจโดยไม่รู้ตัว เธอเชื่อว่าความรู้สึกฉันสามีภรรยาของพวกเขาจะต้องไม่แย่เหมือนที่คนภายนอกเห็นกันแน่

ดังนั้นเธอยิ่งไม่ควรไปยั่วโมโหเหอเจิง

“ขอโทษค่ะ……เมื่อกี้ฉันเมาไปหน่อยเลยพูดอะไรออกไปแบบนั้น คุณอย่าเอาไปใส่ใจเลยนะคะ ถ้าหากทำให้คุณไม่สบายใจ คุณด่ากลับมาก็ได้ค่ะ”

เหอเจิงเป่ามือจนแห้งสนิท ผิวเล็บขาวสะอาดหมดจดราวกับหยกแกะสลัก ปลายเล็บยื่นยาวออกมาจากซอกเล็บกำลังงาม เธอเอามือเคาะเคาน์เตอร์ห้องน้ำ “จะด่าคุณไปทำไมคะ? ฉันยังต้องขอบคุณคุณเสียมากกว่า”

“ขอบคุณฉัน?”

“ใช่ค่ะ” เธอพยักหน้า น้ำเสียงแสดงถึงความจริงใจ “ก็ตอนฉันไม่อยู่ คุณอยู่ดูแลจี้ผิงโจวไม่ใช่หรือคะ? ฉันก็ต้องขอบคุณคุณสิคะ”

คราวนี้จ้าวถังชิวรู้สึกเครียดและหวาดกลัว เธอหวาดกลัวเหอเจิงแล้วจริงๆ แต่ก่อนเคยได้ยินมาเท่านั้น ไม่คิดว่าพอได้มาเจอกับเจ้าตัวจริงๆ เหอเจิงจะเป็นคนที่ชอบผูกมิตรกับคนรักของจี้ผิงโจวอย่างคนเขาว่าเอาไว้จริงๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณต้องการก็โทรหาเขาได้นะคะ”

จ้าวถังชิวพยักหน้าหงึกๆ ราวกับถูกพิษ ผู้ช่วยดึงแขนเสื้อเธอขึ้นเพื่อจะล้างมือให้เธอ

เหอเจิงเอียงคอมองข้อมือบางของเธอ ผิวเธอไม่ขาว ออกจะไปทางสีน้ำผึ้งเสียมากกว่า มีกำไลหยกสีเขียววงหนึ่งอยู่บนข้อมือเธอ ดูแล้วน่าจะเป็นงานชุบสีหรืองานฝีมือชั้นยอด “กำไลวงนี้ของคุณสวยมากเลยนะคะ”

ดูสวยกว่าของขวัญคริสต์มาสที่จี้ผิงโจวมอบให้เธอเสียอีก นับว่าตั้งใจทำเป็นอย่างมาก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นของเลอค่า

เธอไม่ถามคงจะดีเสียกว่า พอถามออกไปแล้ว ผู้ช่วยกลับหัวร้อนแสดงท่าทีเย่อหยิ่งแบบจ้าวถังชิว เธอยืนพร้อมกับพูดว่า: “เป็นของที่คุณชายเสียวจี้มอบให้ก็ต้องสวยอยู่แล้วล่ะค่ะ”

“เฉิงเฉิง! จ้าวถังชิวลากเธอไปอยู่ด้านหลังแล้วยิ้มออกมาอย่างเสแสร้งพร้อมพูดว่า “ขอโทษด้วยนะคะ เธออายุยังน้อย ไม่ค่อยรู้ความนะคะ”

“เธอไปทำงานเถอะ”

เมื่อเทียบกับคู่รักคนอื่นๆ ของจี้ผิงโจว จ้าวถังชิวนับว่ายังมีประโยชน์อยู่ไม่น้อย เหอเจิงไม่คิดกลั่นแกล้งเธอ แต่กลับอยากขอบคุณเธอเสียมากกว่า ขอบคุณจ้าวถังชิวที่ยอมบริจาคเลือดแทนเธอ

ตอนเดินผ่านพวกเธอไป ผู้ช่วยได้เปิดก๊อกน้ำเอาไว้ น้ำจึงพุ่งใส่อุ้งมือของจ้าวถังชิว เธอโน้มตัวลง ทำให้เส้นผมกลางสั้นกลางยาวถูกแหวกออกและเผยให้เห็นลำคอของเธอ

ด้วยองศานี้ ของที่สวมใส่อยู่ที่คอจึงห้อยตามลงมาด้วย

มันมีสีแดงอ่อน และหากโดนแสงก็จะออกเขียวเล็กน้อย แต่เนื่องจากสวมใส่มานาน จึงเห็นเป็นรอยสร้อยอยู่บนลำคอของเธอ ไม่ว่าคนสวมใส่จะเป็นใคร หน้าตาเปลี่ยนไปขนาดไหน เหอเจิงก็ยังจำมันได้ดี ของชิ้นนั้นเป็นของที่เธอถอดออกมาด้วยตัวเองเพื่อมอบให้แก่จี้ผิงโจว

ตอนนั้นเขาลูบเบาๆ แล้วพูดว่า: “ฉันไม่เคยใส่ของประเภทนี้มาก่อน”

เธอร้องไห้ไม่ออก “ต้องสวมเอาไว้นะคะ มันช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยได้ค่ะ”

เสียงน้ำไหลจ๊อกๆ จี้ห้อยคอสีแดงห้อยต่องแต่งอยู่บนลำคอหญิงอื่นของเขา และได้กลายเป็นของๆ ผู้อื่นไปเสียแล้ว

เขาเอาความปลอดภัยที่เธอมอบให้ส่งต่อให้กับหญิงอื่น

ของชิ้นนั้นดั่งกระสุนปืนที่ถูกยิงไปยังตำแหน่งไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แค่ยิงโดนกลางใจเธอ เจ็บร้าวลงไปถึงกระดูก

ผู้ช่วยเงยขึ้นมองกระจกจึงได้เห็นใบหน้าอันเยียบเย็นของเหอเจิง จู่ๆ ก็รู้สึกใจไม่ค่อยดีขึ้นมาจึงรีบเอาตัวขวางจ้าวถังชิวเอาไว้ “คุณทำไมยังไม่ไปอีกหรือ?”

เหอเจิงคอแข็งขึ้นมาแล้วพูดว่า “ของที่อยู่บนคอของคุณนั่น ก็เป็นของที่จี้ผิงโจวให้คุณมาเหมือนกันหรือคะ?”

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

Score 10
Status: Completed
ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Options

not work with dark mode
Reset