จักรพรรดิมังกร 79 ความหยิ่งผยองของหลี่โม่

ตอนที่ 79 ความหยิ่งผยองของหลี่โม่

บทที่ 79 ความหยิ่งผยองของหลี่โม่

ทันใดนั้น ทุกคนในห้องประชุมก็เริ่มแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ ความหมายของทุกคนก็ชัดเจนดีอยู่แล้ว ก็คือเห็นด้วยกับความคิดของคุณท่านใหญ่ตระกูลกู้

กู้ซิงเว๋ยที่เห็นฉากเบื้องหน้านี้ก็ดีใจแบบสุดๆ มติเป็นเอกฉันท์!

ในขณะเดียวกัน กู้หยุนหลันกับหลี่โม่ก็มาถึงหน้าประตูของบริษัทวินเซิง

กู้หยุนหลันรีบร้อนที่จะเดินเข้าไปข้างใน ส่วนหลี่โม่ก็เดินตามหลังมาไม่กี่ก้าว เขาเดินอย่างช้าๆไร้ซึ่งความกังวลใจใดๆ

แต่ว่า ทางด้านของกู้หยุนหลันที่ยังไม่ทันได้เข้าไปในบริษัท ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามคนผลักออกมาโดยไร้สาเหตุ

“รองประธานกู้ ขอโทษด้วยครับ ตอนนี้คุณไม่ใช่คนของบริษัทแล้ว มีการตัดสินใจในที่ประชุมประธานเมื่อครู่นี้ ว่าให้ถอดตำแหน่งรองประธานของคุณ ในขณะเดียวกันก็ไล่คุณออกด้วยครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

สิ่งนี้ที่ทำลายการกลั่นกรองของผู้คน ทำเอาตอนนี้ทั้งบริษัทตื่นตกใจกันไปหมด

ถ้าหากตระกูลหวางมาจริงๆ ถ้าอย่างงั้นพวกเขาก็จะต้องซวยไปด้วยแน่ๆ

กู้หยุนหลันที่ได้ยินประโยคนี้ถึงกับมึนงง เธอร้องออกมาว่า “คุณปู่ทำแบบนี้จริงๆเหรอ? ฉันไม่เชื่อ ฉันจะเข้าไป!”

เธอพูดพร้อมกับพยายามแทรกตัวเข้าไปข้างใน

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนนั้นออกแรงผลักเธอออกมา พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าพุ่งมาอีก เราจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”

กู้หยุนหลันที่ใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ยืนได้ไม่มั่นคง ก็เลยล้มเอนไปด้านหลังทันที

ดีที่หลี่โม่วิ่งมาทัน เขาโอบรวบเอวเล็กของกู้หยุนหลันเอาไว้ แล้วถามอย่างกังวลว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

กู้หยุนหลันยืนขึ้นอย่างมั่นคง แล้วส่ายหน้า เธอมีสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความร้อนใจ “ฉันไม่เป็นไร หลี่โม่ คุณปู่ถอดตำแหน่งรองประธานของฉัน แล้วก็ไล่ฉันออก”

เมื่อหลี่โม่ได้ยินแบบนั้น ก็สีหน้าเย็นชาขึ้นมา เขาเหลือบตามองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามคนนั้นอย่างโมโห แล้วพูดว่า “ขอโทษเธอเดี๋ยวนี้!”

น่าโมโห!

กล้าผลักกู้หยุนหลัน นี่ถ้าหากเธอล้มลงไปจากบันไดล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง!

เป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่กี่คน ก็รู้จักอาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่ง เป็นศัตรูไม่เลือกหน้า!

เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสามคนเห็นว่าเป็นหลี่โม่ ก็หัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมาในทันที “โอ้โห เมื่อกี้ก็นึกว่าใครซะอีก ที่แท้ก็ไอ้เศษสวะหลี่โม่นี่เอง ทำไมฮะ ดูแกแบบนี้ยังจะกล้าลงมือกับพวกเราอีกงั้นเหรอ?”

ชายร่างรูปร่างสูงและผอม โบกสะบัดไม้กระบองในมือพร้อมกับมองไปที่หลี่โม่อย่างเย้ยหยัน

ส่วนอีกสองคนก็หัวเราะพร้อมพูดว่า “หลี่โม่ แกอย่าคิดนะว่าแกเป็นเขยตระกูลกู้แล้วเราจะไม่กล้าทำอะไรแกน่ะ ในเมืองฮ่านแห่งนี้ใครๆก็รู้ว่าแกเป็นเศษสวะ พวกเกาะผู้หญิงกิน เด็กห้าขวบยังรู้จักอายแทนแกเลย!”

“รองประธานกู้ก็อย่าทำให้เราลำบากเลยนะ ท่านประธานบอกแล้วว่าเจอพวกคุณมา อยากจะเข้าไปก็ต้องคุกเข่าที่หน้าประตู แล้วรอจนกว่ารถของตระกูลหวางจะมา”

เผชิญกับท่าทีหยิ่งผยองของพวกเขา หลี่โม่ก็มีสีหน้าลึกล้ำ แววตาเผยประกายของความโกรธ เขาบีมกำปั้นแล้วกำลังจะพุ่งเข้าไป

กู้หยุนหลันรีบดึงตัวหลี่โม่เอาไว้ แล้วส่ายหน้าพูดวว่า “เลิกหาเรื่องได้แล้ว”

หลี่โม่ขมวดคิ้วแน่น แล้วกดมือเล็กๆของกู้หยุนหลันเอา “เป็นคนดีก็จะถูกรังแก คุณยังไม่เข้าใจเหรอ?”

กู้หยุนหลันนิ่งอึ้งไป จากนั้น เธอก็เห็นหลี่โม่หันกลับไปชกหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ผลักเธอพวกนั้นในทันที

ตึง!

ทันใดนั้น กำหมัดก็กระแทกเข้ากับสันจมูก!

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้น แค่รู้สึกราวกับถูกกระแทกด้วยก้อนเหล็กอย่างแรงที่ใบหน้า สันจมูกของเขาแตก แล้วเลือดกำเดาไหลพุ่งออกมา!

“อ้าก!จมูกของฉัน จมูกของฉัน แก…แกกล้าต่อยฉันงั้นเหรอ! ไปต่อยมันเดี๋ยวนี้ ต่อยมันซะ!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร้องอย่างน่าสังเวชพร้อมกับจับจมูกที่เปื้อนเลือด

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกสองคนก็หยิบเอาไม้กระบองออกมา ก่อนจะตั้งใจฟาดไปที่หลี่โม่อย่างแรง

แต่ว่า การลงมือของหลี่โม่นั้นไวกว่าพวกเขา!

ตึง ตึง!

คนสองคนกระเด็นออกไปและกระแทกกับประตูกระจกจนเกิดเสียงดัง กระจกบานใหญ่ทั้งสองบานถูกชนจนแตกกระจาย!

การเตะสองครั้งนี้ หลี่โม่ยังตั้งใจควบคุมแรงของเขาอยู่

เจ้านายของสำนักหลงเหมิน จะไร้ความสามารถได้ยังไงกัน!

สำนักหลงเหมิน เป็นสำนักที่มีนักสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกและมีปรมาจารย์กังฟู

หลี่โม่ ฝึกศิลปะการต่อสู้เองตั้งแต่เด็ก เขาเรียนรู้โลกแห่งศิลปะวิชาการต่อสู้และการสังหาร การจัดการกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงไม่กี่คนนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายมาก

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กุมจมูกอยู่ เห็นฉากเบื้องหน้าในตอนนั้นก็เกิดกลัวขึ้นมา!

นี่มันเป็นเศษสวะที่ไหนกัน นี่มันวัวกระทิงต่างหาก!

แตะสองทีนั่นทำเอาคนลอยกระเด็นไปเลย!

ในตอนนั้น ขาทั้งสองข้างเขาสั่น เขายกไม้กระบองในมือขึ้น ชี้ไปยังหลี่โม่ที่กำลังเดินตรงเข้าไปหาเขา แล้วตะโกนบอกว่า “แกอย่าเข้ามานะ บอกว่าอย่าเข้ามา….”

กู้หยุนหลันที่อยู่ด้านหลังสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลี่โม่จะยังมีทักษะแบบนี้อยู่ด้วย

สี่ปีแล้ว เธอไม่เคยเห็นหลี่โม่ลงมือเลย

แต่เธอก็รู้ดี รูปร่างของหลี่โม่นั้นดีมาก ภายใต้เสื้อผ้านั้นล้วนแล้วแต่เป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรง บนตัวก็ยังมีรอยแผลเป็นที่ดูน่ากลัวอยู่อีกหลายแผล

เมื่อก่อน กู้หยุนหลันเองก็เคยถาม แต่หลี่โม่ก็มักจะทำแค่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายว่า กล้ามเนื้อนั่นเพราะเมื่อก่อนนี้เขาทำงานที่สถานที่ก่อสร้าง เกี่ยวกับรอยแผลเป็นตามตัวนั่น เป็นการได้รับบาดเจ็บตอนที่ต่อสู้เมื่อยังเด็ก

กู้หยุนหลันรีบตะโกนออกไปว่า “หลี่โม่ พอได้แล้ว อย่าสร้างเรื่องยุ่งยากเพิ่มอีกเลยนะ”

ตอนนี้เองหลี่โม่ถึงจะเก็บอารมณ์โกรธ เขาถอยกลับไปอยู่ข้างกู้หยุนหลันเงียบๆ

แล้วในห้องประชุมตอนนั้นเอง ก็มีผู้ช่วยคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ก่อนจะบอกกับคุณชายใหญ่ตระกูลกู้ว่า “ท่านประธานครับ กู้หยุนหลันมาพร้อมกับหลี่โม่ถูกห้ามตัวไว้ที่ชั้นล่างแล้วครับ แต่ว่า….”

“แต่ว่าอะไร?” กู้ซิงเว๋ยถาม

“ไอ้หลี่โม่นั่นชกพนักงานรักษาความปลอดภัยไปสามคน หยิ่งผยองมากเลยครับ” ผู้ช่วยคนนั้นพูดแบบเติมสีใส่ไข่ไปเล็กน้อย

นี่คือคนของกู้ซิงเว๋ยโดยปริยาย

เมื่อกู้ซิงเว๋ยได้ยิน เขาก็โกรธจนต่อยโต๊ะประชุมทันที ก่อนจะพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ท่านปู่ครับ ปู่ดูไอ้หลี่โม่นั่นสิ ว่าตอนนี้มันบ้าระห่ำขนาดไหน มันไม่ได้เห็นท่านกับบริษัทวินเซิงอยู่ในสายตาเลยนะครับ หรือมันจะเข้าใจว่าที่เรายอมก้มหัวให้กู้หยุนหลันครั้งก่อนแล้วมันจะทำอะไรไร้ความคิดก็ได้น่ะครับ”

สีหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลกู้เองก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาเคาะไม้ค้ำในมือลงบนพื้นกระเบื้องอย่างโกรธ เกรี้ยว แล้วพูดเสียงดังว่า “ให้พวกมันคุกเข่าอยู่ข้างนอก!”

“คุณปู่ครับ ผมไปเอง” กู้ซิงเว๋ยยิ้ม

คุณท่านใหญ่ตระกูลกู้พยักหน้ารับ กู้ซิงเว๋ยเมื่อได้รับคำสั่งแล้วก็รีบวิ่งออกไปทันที

เขาวิ่งเหยาะๆไปตลอดทาง โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยเจ็ดหรือแปดคนอยู่ข้างหลัง แล้วก็เห็นกู้หยุนหลันกับหลี่โม่ที่ยืนอยู่หน้าประตู

ทันใดนั้น กู้ซิงเว๋ยก็กล่าวกับกู้หยุนหลันอย่างหยิ่งผยองว่า “กู้หยุนหลัน ความหมายของคุณปู่คือให้พวกเธอคุกเข่าหน้าประตู แล้วรอจนรถของคุณชายหวางมาถึง”

เมื่อกู้หยุนหลันเห็นกู้ซิงเว๋ยก็รู้ได้ทันที ว่าหนึ่งในนั้นจะต้องเป็นเขาชักใยอยู่แน่ เธอพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ทำไมฉันจะต้องคุกเข่าด้วย ฉันจะไปพบคุณปู่!”

“เหอๆ นี่เธอยังอยากพบท่านปู่อีกเหรอ? ฝันไปเถอะ!”

กู้ซิงเว๋ยหัวเราะอย่างไร้ยางอาย จากนั้น สายตาของเขาก็ทอดมองไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามคนที่ถูกทำร้าย และเมื่อเขาเห็นประตูกระจกสองบานที่แตกอยู่ หัวใจของเขาก็ถึงกับสั่นสะท้าน

นี่ไอ้หลี่โม่มันทำเหรอ?

นี่มันเป็นวัวกระทิงจริงๆสินะ!

“เหอๆ ไม่น่าล่ะกู้หยุนหลันถึงได้ชอบนาย ที่แท้ก็แรงเยอะแบบนี้นี่เอง ดูท่าตกดึกพวกเธอคงจะเข้ากันได้ดีนะ ใช่ไหม กู้หยุนหลัน”

กู้ซิงเว่ยหัวเราะเยาะเย้ย

ประโยคนี้ ทำให้กู้หยุนหลันอายอย่างหนัก สีหน้าของเธอแดงแปร๊ด ก่อนจะพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “กู้ซิงเว๋ย นี่นายพูดอะไรน่ะ!”

หลี่โม่ยืนอยู่ข้างกู้หยุนหลันและรู้สึกได้ว่าร่างกายของกู้หยุนหลันกำลังสั่นด้วยความโกรธ

เขาใช้สายตาเย็นชามองจ้องไปยังกู้ซิงเว๋ย ก่อนจะปรากฏแววตาอาฆาตในดวงตาของเขา

กู้ซิงเว๋ยหัวเราะเหอเหอ แล้วพูดว่า “ผมพูดอะไรเธอคงเข้าใจนะ ผมก็ไม่อยากจะเสวนากับเธอแล้ว รีบไปคุกเข่าซะ!”

“ไม่! เรื่องนี้ฉันไม่ผิด! เป็นความผิดของหวางเมิ่งเหยาต่างหาก!” กู้หยุนหลันเถียง

ในหูของเธอยังมีประโยคที่หลี่โม่กล่าวเป็นคนดีก็จะถูกรังแกประโยคนั้นดังอยู่

นั่นสินะ เมื่อก่อนตัวเธอน่ะอ่อนแอเกินไป เธอเลือกที่จะยอมอ่อนข้อก่อนตลอด ถึงได้ทำให้เกิดสถานการณ์แบบในวันนี้

ครั้งนี้ เธอไม่อยากจะยอมอีกต่อไปแล้ว!

เธอจะถามคุณปู่ให้ชัดเจน ว่าอยากจะไล่เธอออกจากบริษัทจริงๆหรือเปล่า!

เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้น กู้ซิงเว๋ยโบกมือเรียก และพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกนายทุกคน ไปจับหัวพวกมันสองคนกดลงบนพื้น!”

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนที่อยู่ด้านหลังของกู้หยุนหลันก็เดินขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ย แล้วล้อมรอบตัวกู้หยุนหลันกับหลี่โม่ไว้

นี่ทำให้กู้หยุนหลันตกใจกลัวจนแทบแย่ เธอรีบไปคว้ามือของหลี่โม่ไว้ ทั้งร่างของเธอสั่นไปหมดด้วยความกลัวและความตื่นตระหนก หลี่โม่มองกู้หยุนหลันที่อยู่ข้างเขาไปแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

การที่เธอจับเขาไว้โดยไม่รู้ตัว ทำให้หลี่โม่เข้าใจว่า ในใจของเธอ ตัวเขาเองยังคงมีความสำคัญมาก

ขณะที่กำลังคิด หลี่โม่ก็บีบมือเล็กของกู้หยุนหลันเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไป แล้วสายตาที่อ่อนโยนนั่นก็กลายเป็นความเย็นชาในพริบตา เขามองจ้องไปยังกู้หยุนหลันที่ยืนอยู่เหนือขั้นบันได

“ลงมือสิ!” กู้ซิงเว๋ยถูกแววตานี้ของหลี่โม่จ้องจนขนลุก

เสียงพูดเพิ่งจะจบลง!

ทันใดนั้น

รถเบนซ์หลายคันก็หยุดลงที่ริมถนน

บนรถก็มีคนสองสามคนวิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว

หวางฉางเห้อตอนนี้เหงื่อท่วมไปหมด ร้อนใจจนแทบแย่ สายตาก็มองไปยังฉากที่เกิดขึ้นหน้าประตูบริษัทวินเซิงแห่งนี้

“พ่อครับ คนนั้นก็คือกู้หยุนหลัน ส่วนข้างๆนั่นก็คือหลี่โม่” หวางห้านเชาชี้ให้รู้จักในครั้งแรก

เมื่อสายตาของหวางฉางเห้อกระชับ เขาก็มองไปยังหลี่โม่ที่อยู่ข้างกู้หยุนหลัน ก่อนจะรีบวิ่งตรงเข้าไปพร้อมตะโกนว่า “หยุดนะ! ทั้งหมดหยุดเดี๋ยวนี้!”

Options

not work with dark mode
Reset