กระบี่จงมา 476.2 น้ำที่ถูกกั้นไม่สู้น้ำไหล

ตอนที่ 476.2 น้ำที่ถูกกั้นไม่สู้น้ำไหล

เฉินผิงอันเพ่งสายตามองไป ด้านในนั้นวางเหรียญเงินฮวาเฉียน (เหรียญเงินประเภทหนึ่งในสมัยโบราณซึ่งชาวบ้านใช้ในการละเล่น ลักษณะเหมือนเหรียญเงินของจริง แต่เนื่องจากไม่ได้เป็นที่นิยม วัสดุที่ใช้จึงค่อนข้างหยาบ) เทียนซือกำราบภูตผีกลับหลังลักษณะเหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนไว้สี่เหรียญ

ผู้เฒ่าทยอยพลิกเหรียญฮวาเฉียนทั้งสี่กลับมา พลางยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แบ่งออกเป็นเจ้าพ่อสายฟ้า (เหลยกง) เจ้าแม่ฟ้าแลบ (เตี้ยนหมู่/เตียนบ๊อ) พระพิรุณ (อวี่ซือ) พระอัคคี (ฮว่อจวิน) ต่างคนต่างจับปีศาจกำราบมาร นี่คือสมบัติอาคมหายากที่เป็นเหรียญฮวาเฉียนสยบความชั่วร้ายคว้าชัยชนะชุดหนึ่ง สวยงาม แล้วก็ใช้ได้จริง เคยมีเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์จูอิ๋งคนหนึ่งคิดจะซื้อไป เพียงแต่ว่าราคาที่เขาให้ต่ำกว่าที่ข้าผู้อาวุโสประมาณการณ์ไว้ เดิมทีก็ใช่ว่าจะขายออกไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าไอ้หมอนั่นวางอำนาจบาตรใหญ่ข่มคนอื่นมากเกินไป เห็นของชั้นเยี่ยมของข้าผู้อาวุโสแล้ว ต่อให้ในใจจะชื่นชอบ แต่ก็ยังแสร้งวางสีหน้าสุขุม ข้าผู้อาวุโสเห็นแล้วก็หงุดหงิด ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้หากเอาไปใช้ในหมู่ชาวบ้านร้านตลาดก็แล้วไปเถิด มาแสดงอยู่ตรงหน้าข้าผู้อาวุโสก็ช่างทำให้ราชวงศ์จูอิ๋งขายหน้าเสียจริง ข้าก็เลยหาข้ออ้างไม่ขายให้เขาซะเลย”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ต่อให้ไม่ซื้อ ก็สามารถหยิบดูได้ มันไม่ใช่เครื่องกระเบื้องทั่วไปเสียหน่อย ไม่แตกง่ายๆ หรอก”

เฉินผิงอันจึงคีบเหรียญฮวาเฉียนหนึ่งในนั้นขึ้นมา พลิกกลับดูทั้งหน้าและหลังอย่างละเอียด หลังจากดึงสายตากลับแล้วก็ถามว่า “ขายอย่างไร?”

ผู้เฒ่ากล่าว “หนึ่งชุดสี่เหรียญ ไม่ขายแยก”

ผู้เฒ่ายังคงยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาแกว่งส่าย

แน่นอนว่าไม่ใช่ห้าเหรียญเงินร้อนน้อยแล้ว แต่เป็นเงินฝนธัญพืช

เฉินผิงอันยิ้มถาม “ต่อรองราคาไม่ได้แล้วหรือ?”

ผู้เฒ่าส่ายหน้า “ลดไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะผิดต่อเหรียญฮวาเฉียนล้ำค่าที่สืบทอดมาจากธวัลทวีปชุดนี้”

เฉินผิงอันถาม “เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์จูอิ๋งของปีนั้นกดราคาให้เหลือสี่เหรียญเงินฝนธัญพืชใช่หรือไม่?”

ผู้เฒ่าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

เฉินผิงอันหน้ามุ่ย “ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนว่าข้าจะไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่”

เขาเองก็อยากหั่นราคาให้เหลือสี่เหรียญเงินฝนธัญพืช เพราะเขาก็ชื่นชอบมันมากเหมือนกัน อยากจะซื้อเก็บไว้เป็นของในกระเป๋ารวดเดียว

เงินเป็นสิ่งไม่มีชีวิต แต่คนนั้นมีชีวิต

หลังจากเฉินผิงอันมอบวัตถุจื่อชื่อใบถงให้กับเว่ยป้อแล้ว ก่อนจะลงมาจากภูเขา เว่ยป้อก็เอาเงินฝนธัญพืชออกมาให้สองก้อน ก้อนแรกคือเงินห้าเหรียญ เฉินผิงอันพกติดตัวมาด้วย คิดว่าเมื่อลงจากภูเขามาท่องเที่ยว จะอย่างไรเงินฝนธัญพืชห้าเหรียญก็คงพอจะรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้บ้าง ส่วนอีกก้อนหนึ่งนั้นเขาส่งไปที่ทะเลสาบซูเจี่ยน มอบให้กู้ช่านไว้ใช้จัดงานพิธีกรรมทางศาสนาของสองลัทธิ

หากเจอกับสิ่งของอย่างเตาตู้ทองห้าสีที่อยู่ในมือของลู่ยงแห่งตำหนักพยัคฆ์เขียวซึ่งต้องใช้เงินถึงห้าสิบเหรียญฝนธัญพืชเข้าจริงๆ ขอแค่ไม่เกี่ยวพันกับรากฐานมหามรรคา เฉินผิงอันก็จะถือซะว่ามันไม่มีวาสนากับตน

เพราะถึงอย่างไรบัญชีรายรับรายจ่ายในตอนนี้ นอกจากร้านทั้งสองในตรอกฉีหลงที่แต่ละเดือนสามารถทำเงินได้หลายสิบตำลึงเงินแล้ว ภูเขาทั้งหมดซึ่งรวมถึงภูเขาลั่วพั่วเป็นหนึ่งในนั้นก็ยังไม่อาจหาเงินเทพเซียนเข้าบัญชีได้แม้แต่เหรียญเดียว

ตอนนี้จึงไม่เหมาะกับการใช้เงินอย่างเดียวโดยที่ไม่มีรายได้อีกแล้ว

ผู้เฒ่าหัวเราะเสียงก้องกังวาน “ยังมีส่วนที่ไม่เหมือนกันอยู่บ้าง ข้าผู้อาวุโสถูกชะตากับเจ้ามากกว่า เชิญเจ้าหั่นราคาได้ตามสบาย ถึงอย่างไรข้าผู้อาวุโสก็ไม่ยอมตกลงอยู่แล้ว”

ทันใดนั้นเฉินผิงอันบังเกิดแรงบันดาลใจ จึงถามหยั่งเชิงไปว่า “ไม่ทราบว่าเงินเดือนของท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหงที่อยู่ในหอชิงฝูแห่งนี้มากน้อยเท่าไหร่หรือ?”

ร้านผ้าห่อบุญของภูเขาหนิวเจี่ยวเขตการปกครองหลงเฉวียน คนจากไปแล้ว ทว่าสิ่งปลูกสร้างและหน้าร้านที่ทุ่มทรัพยากรไปมหาศาลนั้นยังคงอยู่ อีกทั้งในฐานะที่ภูเขาหนิวเจี่ยวมีท่าเรือตระกูลเซียนอยู่แห่งหนึ่ง การมีร้านอยู่ที่นั่นก็เหมาะแก่การทำการค้าอย่างแท้จริง

สตรีที่ยืนอยู่หน้าห้องปิดปากหัวเราะคิก แต่กระนั้นเสียงหัวเราะก็ยังคงเล็ดรอดออกมา เห็นได้ชัดว่าคำถามนี้ของเฉินผิงอันน่าขันเพียงใด

หากซื้อเหรียญฮวาเฉวียนสังหารภูตผีที่มีระดับขั้นเป็นสมบัติอาคมสี่เหรียญนี้ไปได้ก็แล้วไปเถิด แต่หากซื้อไม่ไหว ยังจะกล้ามาพูดแซะหอชิงฝูแห่งภูเขาตี้หลงอีกหรือ? รู้หรือไม่ว่าในฐานะงูเจ้าถิ่นที่อยู่ตรงท่าเรือตระกูลเซียนภูเขาตี้หลง หอชิงฝูสืบทอดต่อกันมาหลายสิบชั่วคนแล้ว ขนาดพวกร้านขายของเก่ายังต้องมาชนตออยู่ที่นี่ สุดท้ายก็ไม่ได้เลือกที่นี่เป็นที่เปิดร้าน

หงหยางโปถูกหยอกจนขบขัน เขาโบกมือกล่าวว่า “อย่าหวังว่าข้าจะตอบเลย”

ผู้เฒ่าเตรียมจะเก็บกล่องผ้าแพรวัตถุวิเศษที่มีดิ้นทองรัดพันเพื่อปกปิดไอเย็นของเหรียญฮวาเฉียนลงไป คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะพลิกหมุนข้อมือ เงินฝนธัญพืชห้าเหรียญก็มาวางอยู่บนโต๊ะแล้ว “อาจารย์ผู้เฒ่าหง ข้าซื้อแล้ว”

ผู้เฒ่ากล่าวอย่างประหลาดใจ “จะซื้อจริงๆ หรือ? ไม่เสียใจทีหลังแน่นะ? ออกไปจากหอชิงฝูเมื่อไหร่ก็เท่ากับว่าเงินมาของไป ไม่ให้เอากลับมาคืนอีกแล้วนะ”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ

ผู้เฒ่ายื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา นิ้วแต่ละข้างสัมผัสกับเงินฝนธัญพืชทั้งห้าเหรียญพอดี แต่แค่สัมผัสเขาก็ปล่อยออกทันที เพราะแน่ใจแล้วว่าเป็นเงินฝนธัญพืชบนภูเขาของจริง ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น การไหลเวียนของปราณวิญญาณเป็นระเบียบขั้นตอน ไม่ใช่ของปลอมแน่

ผู้เฒ่าถามอีกครั้ง “แน่ใจนะ?”

เฉินผิงอันชำเลืองตามองกล่องที่เหลืออีกสามใบที่ยังไม่ได้เก็บลงไป ยิ้มถามว่า “มีของรางวัลเพิ่มให้บ้างได้หรือไม่?”

สตรีที่อยู่หน้าประตูหลุดหัวเราะพรืดอย่างอดไม่ไหว แล้วรีบหันหน้าหนีทันที

ผู้เฒ่าพูดทีเล่นทีจริง “หากช่วยให้ข้าใช้คืนเหล้ามื้อนั้นก็ย่อมได้ ตกลงไหม?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “แบบนี้ไม่ได้ ซื้อขายก็ส่วนซื้อขาย”

ผู้เฒ่าส่ายหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถิด ซื้อขายก็คือซื้อขาย ราคายุติธรรม ไม่มีของรางวัลเพิ่มแล้ว”

“ได้ ไม่มีของรางวัลก็ไม่มี น้ำเส้นเล็กไหลยาว วันหน้าค่อยว่ากัน”

เฉินผิงอันขยับตัวเล็กน้อย ใช้แผ่นหลังบังการมองเห็นจากตรงหน้าประตู แล้วเก็บกล่องผ้าแพรใส่ไว้ในวัตถุจื่อชื่อ

สุดท้ายผู้เฒ่าเดินพาเฉินผิงอันมาส่งที่หน้าประตูห้อง ใช่ว่าจะไปส่งถึงประตูใหญ่ที่ชั้นหนึ่งของหอชิงฝูไม่ได้ เพียงแต่จะผิดกฎ ง่ายที่จะทำให้คนเกิดการคาดเดาและสืบเสาะโดยที่ไม่จำเป็น

ผู้เฒ่าพลันถามว่า “หากก่อนหน้านี้เจ้ายอมตกลงว่าจะดื่มเหล้า เจ้าคิดจะเลือกของชิ้นไหนเป็นรางวัล? ‘ภาพน่าเสียดาย’?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “เป็นเจว็ดรูปสตรีสวมหมวกคลุมหน้า”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “สายตาไม่เลว แต่ก็ไม่ถือว่าดีที่สุด ชิ้นที่มีค่ามากที่สุด แท้จริงแล้วคือหมึกรมควันไม้สนของเชื้อพระวงศ์แคว้นเสินสุ่ยชิ้นนั้น ราคาในตลาดคือเก้าเหรียญเงินร้อนน้อย หากคิดอย่างนี้ เดิมทีขอแค่เจ้าตกลงว่าจะดื่มเหล้า อันที่จริงก็จะเท่ากับว่าเจ้าหั่นราคาเหรียญฮวาเชียนสมบัติอาคมชุดนั้นที่เจ้าซื้อไปได้เหลือสี่เหรียญเงินฝนธัญพืช อย่างมากสุดข้าก็ได้กำไรแค่ครึ่งเหรียญเงินฝนธัญพืชเท่านั้น ส่วนตอนนี้น่ะหรือ ก็คือหนึ่งเหรียญครึ่งแล้ว ต่อให้หักส่วนแบ่งของหอชิงฝูไป ชั่วชีวิตนี้ข้าก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มว่าจะไม่มีเหล้าดื่มแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นหากคราวหน้าสหายของข้ามาที่หอชิงฝู ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหงก็ช่วยเลี้ยงสุราดีๆ เขาด้วย เอาแบบที่แพงที่สุดเลยนะ”

ผู้เฒ่าพยักหน้ารับ “ย่อมต้องเป็นเช่นนี้”

เฉินผิงอันเดินข้ามธรณีประตูมาแล้วก็บอกกับสตรีผู้นั้นว่าไม่ต้องไปส่ง จากนั้นจึงกุมหมัดบอกลา “ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหง ไว้พบกันใหม่วันหน้า”

ผู้เฒ่าผงกศีรษะตอบรับ “โปรดอภัยที่ไม่ได้ไปส่งไกลกว่านี้ หวังว่าพวกเราจะได้ทำการค้าร่วมกันบ่อยๆ ดุจน้ำเส้นเล็กไหลยาว”

เฉินผิงอันจึงเดินลงจากหอ จูงม้าเดินไปบนถนนใหญ่นอกหอชิงฝู

การที่เขาซื้อเหรียญฮวาเฉียนชุดนั้นมาก็เพราะคิดว่าจะมอบพวกมันให้แก่จงขุยแห่งภูเขาไท่ผิง

เรื่องของการหาเงินนั้น จะรีบร้อนไม่ได้ แล้วก็จะโทษเขาเฉินผิงอันไม่ได้

เพียงแต่ว่าไม่นานเฉินผิงอันก็หันขวับกลับไป พบว่าสตรีสวมชุดกระโปรงหลากสีผู้นั้นเดินเร็วๆ มาหา ในอ้อมอกถือกล่องผ้าแพรไว้ใบหนึ่ง

เฉินผิงอันหยุดเดินแล้ว สตรีที่มีนามว่าฉิงฉ่ายก็ยื่นกล่องผ้าแพรส่งให้เขา ยิ้มกล่าวว่า “สุดท้ายแล้วท่านอาจารย์ผู้เฒ่าหงก็รู้สึกผิด ยอมตัดใจมอบของรักอย่างเจว็ดชิ้นนี้ให้แก่คุณชาย คุณชายคงไม่รู้หรอกว่าตอนที่ข้ารับเอากล่องมา ต้องดึงอยู่นานถึงจะดึงออกจากมือของอาจารย์ผู้เฒ่าได้”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าวว่าช่างน่าเกรงใจยิ่งนัก เพียงแต่ว่ามือไม้ของเขากลับไม่ช้าเลยแม้แต่น้อย ผลกลับกลายเป็นว่าสตรีก็ไม่ได้ปล่อยมือในทันที เฉินผิงอันต้องกระชากเบาๆ นางถึงจะยอมปล่อย

สตรีมองแผ่นหลังนั้นแล้วยกสองมือขึ้น ฝ่ามือทั้งสองว่างเปล่า

นางยิ้มพลางโคลงศีรษะ ย้อนกลับไปที่หอชิงฝู สตรีหลายคนในชั้นหนึ่งพอเห็นนางแล้วก็พากันก้มหน้าลง

มาถึงนอกห้องหงหยางโปที่ชั้นสอง ผู้เฒ่ายืนอยู่หน้าประตูอย่างนอบน้อม ยิ้มเจื่อนกล่าวว่า “เถ้าแก่ ก่อนหน้านี้เห็นท่ายกชามาให้ด้วยตัวเอง ทำเอาข้าตกใจแทบแย่”

สตรีคลี่ยิ้มอย่างไม่ยินดียินร้าย กล่าวว่า “ภายหลังที่ลูกค้าคนนั้นคิดจะขุดหลุมหลอกเจ้า เจ้าคงตกใจยิ่งกว่ากระมัง?”

ผู้เฒ่าหัวเราะจืดเจื่อน

สตรีเดินเข้ามาในห้อง ค้อมเอวยื่นนิ้วข้างหนึ่งไปหยอกคนจิ๋วชุดเขียวที่นั่งอยู่บนกิ่งต้นป่ายโบราณเล่น หงหยางโปยืนอยู่ด้านข้าง เอ่ยอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าเหตุใดเถ้าแก่ถึงบอกให้ข้านำเจว็ดสตรีสวมหมวกคลุมหน้าชิ้นนั้นไปมอบให้เขา?”

สตรีหยอกคนจิ๋วชุดเขียวน่ารักพวกนั้นเล่นพลางตอบว่า “มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนผู้นี้ก็คือเซียนกระบี่หนุ่มที่ปรากฏตัวในหมู่บ้านวารีกระบี่”

ผู้เฒ่าทำสีหน้าเหลือเชื่อ “ไม่จริงกระมัง? ต่อให้สามารถควักเงินฝนธัญพืชออกมาได้ทีเดียวถึงห้าเหรียญ ซื้อเหรียญฮวาเชียนกำราบภูตผีที่กินฝุ่นมาร้อยปีชุดนั้นไปได้ แต่ปีนั้นข้าเคยพบเจอคนผู้นี้มาก่อน ตอนนั้นอย่างมากสุดเขาก็เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตสามเท่านั้น…”

สตรีเอ่ยเรียบๆ “แจกันสมบัติทวีปกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะมีหม่าขู่เสวียนแห่งภูเขาเจินอู่ได้แค่คนเดียวจริงๆ หรือ?”

ผู้เฒ่ายังคงกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ไม่คิดว่าคนหนุ่มผู้นั้นจะเป็นเซียนกระบี่ชุดเขียวที่ทำให้ซูหลางแห่งแคว้นซงซีต้องกลับมาพร้อมความล้มเหลว

สตรีพลันเอ่ยว่า “อย่าลืมล่ะว่า ข้าก็คือมือกระบี่คนหนึ่ง”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “เถ้าแก่มีพรสวรรค์ดีเยี่ยม วัยเยาว์ก็ได้รับคำทำนายว่าจะได้เป็น ‘ผู้ฝึกกระบี่เซียนดิน’ วิชาการค้าก็เป็นแค่วิถีทางเล็กๆ ของท่านเท่านั้น”

สตรียืดตัวขึ้นตรง ปัดมือ “เมื่อครู่ตอนที่คนผู้นี้เดินขึ้นมาบนชั้นสองของหอชิงฝู ข้ากำลังเช็ดกระบี่โบราณอยู่ในห้อง ‘ปราณเย็น’ ชั้นสามพอดี จิตแห่งกระบี่ของข้าเกิดความไม่มั่นคงขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง แม้ว่าเพียงแวบเดียวก็จางหายไป แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแท้แน่นอน”

จากนั้นสตรีก็เปิดกล่องผ้าแพรกล่องหนึ่งบนโต๊ะ หยิบอักษรภาพลายมือแบบหวัดชิ้นนั้นออกมา ไล่นิ้วมือไปตามลายหมึกพลางเอ่ยเนิบช้า “ข้าเดาเอาว่าอันที่จริงคนผู้นั้นมองออกแต่แรกแล้วว่าข้าไม่ใช่สาวใช้หอชิงฝูอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเขาถึงได้คร้านจะปกปิดความจริงที่ว่าตัวเองมีวัตถุฟางชุ่นหรือวัตถุจื่อชื่อ ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อครู่ตอนที่จะจากลากันบนถนนใหญ่ ข้าจงใจมองไปที่กระบี่ยาวด้านหลังของเขา ตอนนั้นเขา…”

สตรีเงยหน้าขึ้น เอาสองมือไพล่หลัง “จะพูดว่าอย่างไรดีล่ะ เขาในตอนนั้นนิ่งสงบเหมือนพระโพธิสัตว์ดินเผาบนแท่นบูชา คนแบบนี้ หอชิงฝูมอบเจว็ดรูปสตรีที่มีค่าไม่กี่เหรียญเงินร้อนน้อยให้ไป จะนับเป็นอะไรได้? คนเขายินดียอมรับเอาไว้ แสดงว่ายอมรับน้ำใจนี้ของข้า หอชิงฝูก็ควรจะจุดธูปกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว”

กล่าวมาถึงตรงนี้ สตรีก็ยื่นนิ้วข้างหนึ่งวาดจากบนลงล่างหนึ่งขีด ใคร่ครวญท่าทีที่คนผู้นั้นมีต่อนาง มีต่อหงหยางโปแล้วก็เรียกได้ว่าแตกต่างราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว

ผู้เฒ่าเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ตอนนั้นตนเกือบพลาดโชควาสนาที่ใหญ่เทียมฟ้าไปแล้วใช่หรือไม่? ถึงได้ทำให้คนเขาลำบากใจ ต้องให้เขายอมตกลงดื่มเหล้าด้วยกันให้ได้ถึงจะยอมมอบของรางวัลเพิ่มเติมไปให้

สตรีพลันถามว่า “เจ้าว่าที่คนผู้นั้นไม่ตกลงดื่มเหล้ากับเจ้า เป็นเพราะเขาคือเซียนกระบี่บนยอดเขา จึงดูแคลนที่จะดื่มเหล้าร่วมโต๊ะกับเจ้าหงหยางโป หรือเป็นเพราะหวังให้สหายของเขาได้มาดื่มเหล้ากับเจ้าด้วยตัวเองจริงๆ?”

ผู้เฒ่าตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนว่าย่อมเป็นอย่างแรก”

สตรีหัวเราะทันใด “ส่วนแบ่งของเหรียญฮวาเชียนกำจัดภูตผีชุดนั้น วันนี้หอชิงฝูไม่หักไว้แล้ว หงหยางโป คราวหน้าเมื่อเลี้ยงเหล้าคนอื่น ก็เลี้ยงที่แพงๆ หน่อย อืม ‘เอาแบบที่แพงที่สุดเลยน่ะ’”

ผู้เฒ่าค่อยๆ คลี่ยิ้ม “ย่อมได้อยู่แล้ว!”

—–

Related

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset