กระบี่จงมา 430.1 บางครั้งการกลับมาพบกันอีกครั้งก็เลวร้ายที่สุด

ตอนที่ 430.1 บางครั้งการกลับมาพบกันอีกครั้งก็เลวร้ายที่สุด

เรือหอเรือนจอดเทียบท่าช้าๆ เนื่องจากตัวเรือใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าขุนเขา เป็นเหตุให้พวกฟ่านเยี่ยน หยวนหยวนและลวี่ไช่ซางที่รออยู่ริมท่าเรือได้แต่แหงนหน้ามองไป

ตรงหัวเรือ กู้ช่านที่สวมชุดหม่างสีหมึกกระโดดลงมาจากราวระเบียง ศิษย์พี่หญิงใหญ่เถียนหูจวินช่วยปัดชุดหม่างให้เขาเบาๆ อย่างเป็นธรรมชาติ กู้ช่านชำเลืองตามองนาง “วันนี้เจ้าไม่ต้องขึ้นฝั่งแล้ว”

ใบหน้าเถียนหูจวินเต็มไปด้วยความกังวล “นักฆ่าที่แฝงตัวอยู่ในนครน้ำบ่อกลุ่มนั้น ว่ากันว่าเป็นผู้ฝึกกระบี่ของราชวงศ์จูอิ๋ง มิอาจดูแคลน มีข้าอยู่ด้วย…”

กู้ช่านยิ้มกล่าว “มีเจ้าอยู่ด้วยจะมีประโยชน์กะผายลมอะไร หรือว่าเมื่อถึงช่วงเวลาอันตรายที่ตัดสินเป็นตายจริงๆ ศิษย์พี่หญิงใหญ่จะยอมตายแทนข้า? ในเมื่อไม่มีทางทำได้ ก็ไม่ต้องคิดจะเอาใจข้าในเรื่องนี้อีก คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง? ดูอย่างตอนนี้ที่เจ้าช่วยลูบรอยยับบนชุดของข้าให้ราบเรียบนี่สิ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสามารถทำได้ อีกทั้งยังเต็มใจทำ ส่วนตัวข้าเองก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย ดีจะตายไป”

เถียนหูจวินสายตาหม่นหมอง ไม่ยืนกรานอีก

ฉินเจวี๋ยและเฉาเจ๋อหันมาสบตาแล้วยิ้มให้กัน

จะมองศิษย์น้องเล็กกู้ช่านเป็นเด็กคนหนึ่งไม่ได้เลย

สกัดคงคาเจินจวินหลิวจื้อเม่า อาจารย์ที่พวกเขามีร่วมกันเคยพูดด้วยรอยยิ้มในงานเลี้ยงฉลองครั้งหนึ่งว่า มีเพียงกู้ช่านที่เหมาะสมกับการสืบทอดวิชาของเขามากที่สุด

หลิวจื้อเม่ายังกวาดตามองทุกคนที่นั่งกันอยู่เต็มโถงด้วยสายตามืดทะมึน พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าเจ้าเกาะชิงเสียในอนาคตมีเพียงกู้ช่านเท่านั้น ใครก็อย่าได้คิดจะแย่งชิง ไม่อย่างนั้นไม่ต้องให้กู้ช่านทำอะไร เขานี่แหละที่จะลงมือด้วยตัวเอง เก็บกวาดสำนักให้สะอาดเอี่ยม ศพของคนผู้นั้นจะไม่ทิ้งให้เสียเปล่าเด็ดขาด

ตอนนั้นกู้ช่านเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างเอ้อระเหย เท้าสองข้างเหยียบอยู่บนร่างของ ‘หนีชิว’ ที่เผยร่างจริง แต่เรือนกาย ‘บอบบาง’ กว่าปกติอยู่มาก พอกู้ช่านได้ยินประโยคนี้ก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ชูจอกเหล้าที่บรรจุเหล้าผลไม้รสหวานขึ้นสูง “อาจารย์ ดื่มเหล้าๆ”

สุดท้ายคนที่ลงจากเรือมีเพียงกู้ช่าน ศิษย์พี่สองคนอย่างฉินเจวี๋ยกับเฉาเจ๋อ และแม่นางเปิดสาบเสื้อสองคนที่สวมหมวกผ้าคลุมปิดบังใบหน้า แต่เรือนกายที่อรชนอ้อนแอ้นกลับเผยความมีเสน่ห์เย้ายวนออกมาอย่างเต็มที่

ฟ่านเยี่ยนเจ้านครน้อยของนครน้ำบ่อคือหมอนปักลายบุปผาที่งดงามแต่ไร้ประโยชน์ เรือนกายของเขาสูงใหญ่ หน้าตามีเสน่ห์สง่างาม เขาเดินก้าวเร็วๆ เข้ามารับพวกกู้ช่าน ค้อมเอวกำหมัด ยิ้มประจบเอ่ยว่า “พี่ใหญ่กู้ คราวก่อนเจ้ารังเกียจว่ากินปูยุ่งยากเกินไปไม่ใช่หรือ คราวนี้น้องชายอย่างข้าก็เลยตั้งใจช่วยพี่ใหญ่กู้คัดตัว…”

กล่าวมาถึงตรงนี้ ฟ่านเยี่ยนก็คลี่ยิ้มมีเลศนัย ยกสองมือทำท่าวาดเป็นครึ่งวงกลมตรงหน้าอกของตัวเอง “แม่นางที่หุ่นแบบนี้มาให้ บอกไว้ก่อนว่าหากพี่ใหญ่กู้ไม่ถูกใจ ก็แค่ให้นางช่วยแกะเนื้อปูก็พอ แต่หากถูกใจ ต้องพานางกลับไปเป็นสาวใช้ที่เกาะชิงเสียด้วยนะ แล้วก็ช่วยจดจำความดีของข้าไว้สักครั้ง พี่ใหญ่กู้ไม่รู้หรอกว่า เพื่อพาตัวนางออกจากแคว้นสือหาวมายังนครน้ำบ่อ ข้าต้องเปลืองแรงและต้องทุ่มเงินเทพเซียนไปมากเท่าไหร่!”

กู้ช่านยิ้มตาหยี “คงไม่ใช่ว่าสตรีที่มีโอกาสใกล้ชิดข้าคนนี้ แท้จริงแล้วถูกคนสลับตัว เปลี่ยนมาเป็นศัตรูคู่แค้นที่มีใจคิดร้ายอยากสังหารข้าหรอกกระมัง?”

ฟ่านเยี่ยนอึ้งงันเป็นไก่ไม้ “แล้วจะทำยังไงกันดี? เงินมากมายขนาดนั้นของน้องชายต้องละลายหายไปกับสายน้ำเช่นนี้หรือ?”

หยวนหยวนที่ได้เกิดมาในครรภ์ที่ดียิ้มอย่างคนมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น

ก่อนที่กู้ช่านจะมาอยู่เกาะชิงเสีย ลวี่ไช่ซางที่เคยเป็นอดีตมารน้อยจอมเกเรรุ่นก่อนของทะเลสาบซูเจี่ยนดูแคลนฟ่านเยี่ยนผู้โง่เขลามาโดยตลอด เพียงแต่ว่าอยู่ดีๆ ก็มีคนมือเติบหน้าใหญ่ที่ ‘ใครขวางทางการทุ่มเงินของข้า คนผู้นั้นก็คือศัตรูที่มิอาจอยู่ร่วมโลกกับข้า’ เพิ่มขึ้นมาในกลุ่ม ใครเล่าจะไม่ยินดี เจ้าของเกาะทุกคนของทะเลสาบซูเจี่ยนล้วนต้องการพวกเงินถุงเงินถังที่ชอบใช้เงินมากกว่าหาเงินกันทั้งนั้น แล้วนับประสาอะไรกับที่นครน้ำบ่อคือหนึ่งในสามนครใหญ่ที่อยู่รอบทะเลสาบซูเจี่ยน ในกระเป๋าของพวกเขาก็มีเงินจริงๆ นั่นแหละ

ลวี่ไช่ซางคือเด็กหนุ่มหน้าตางดงามที่มีเรือนกายเพรียวบาง ผิวทั้งร่างเป็นสีหิมะขาวนวลเนียน หวงเฮ้อเคยพูดหยอกล้อว่าหากลวี่ไช่ซางทาชาดประทินโฉมสักหน่อย คิดจะเป็นแม่นางเปิดสาบเสื้อให้กู้ช่านก็เพียงพอเหลือแหล่ เพียงแต่ว่าต้องยัดหมั่นโถวสองลูกใหญ่ไว้ในสาบเสื้อถึงจะได้ ผลกลับกลายเป็นว่าลวี่ไช่ซางเดือดดาลอย่างหนัก ลงมืออย่างรุนแรง สังหารปรมาจารย์วิถีวรยุทธคนหนึ่งที่มาขวางหน้าปกป้องหวงเฮ้อตาย สุดท้ายเป็นกู้ช่านที่ช่วยเกลี้ยกล่อมจนเขาใจเย็นลง แต่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างลวี่ไช่ซางและหวงเฮ้อบุตรชายโทนของแม่ทัพใหญ่แคว้นสือหาวแตกร้าวแล้ว หลังจบเรื่องหวงเฮ้อก็ให้รู้สึกเสียใจภายหลัง คิดหาสารพัดวิธีมาแก้ไขความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น เพียงแต่ว่าลวี่ไช่ซางกลับไม่ไว้หน้าเขาเลย

ลวี่ไช่ซางที่น้ำเสียงเล็กแผ่วเบาพูดกับกู้ช่าน “ช่านช่าน วางใจเถอะ ข้าทดสอบมาแล้ว เป็นแค่ตัวอ่อนในการฝึกตนห้าขอบเขตล่างเท่านั้น แต่หน้าตาดูดีมากจริงๆ ตอนอยู่แคว้นสือหาวนางมีชื่อเสียงมาก ในบรรดาสตรีที่เจ้ารวบรวมไว้ในเรือนใหญ่เกาะชิงเสีย เมื่อเทียบกับนางแล้วก็เป็นแค่สตรีธรรมดาสามัญที่เกะกะนัยน์ตาเท่านั้น”

กู้ช่านวาดเท้าเตะลวี่ไช่ซางเบาๆ หนึ่งที ด่ายิ้มๆ ว่า “น้ำเข้าสมองเจ้าแล้วหรือไง ไยต้องบอกก่อนด้วย ไม่เหลือเรื่องให้ข้ารู้สึกประหลาดใจเลยสักนิด”

ลวี่ไช่ซางตวัดตามองค้อนกู้ช่าน มองดูแล้วเย้ายวนไม่น้อย ทำเอาฉินเจวี๋ยและเฉาเจ๋อที่มองเห็นอดรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจไม่ได้ เพียงแต่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกนี้ออกมา

แม้ว่าทุกคนจะเป็นหนึ่งในสิบวีรบุรุษของทะเลสาบซูเจี่ยน แต่ทุกคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า ในบรรดาคนทั้งเก้านี้ ใครหนักกี่จินกี่ตำลึง ต้องพึงรู้ตัวให้ดี ยกตัวอย่างเช่นหวงเฮ้อที่ไม่ประมาณการตัวเองเพียงครั้งเดียว เข้าใจผิดคิดว่าสามารถวางตัวเป็นพี่เป็นน้องกับลวี่ไช่ซางได้อย่างแท้จริง กลายเป็นว่าถูกตอกกลับจนหน้าหงาย ว่ากันว่าหลังกลับไปถึงจวนแม่ทัพใหญ่ ตอนแรกยังบ่นด้วยความไม่พอใจ แต่ผลกลับถูกบิดาด่าซะจนไม่เหลือชิ้นดี

หยวนหยวนนายน้อยแห่งเกาะหวงหลีที่บิดามารดาตั้งชื่อเล่นให้ว่าหยวนหยวน (กลม/กลมดิก/อ้วนกลม) เหลียวซ้ายแลขวา แล้วกล่าวอย่างสงสัย “กู้ช่าน หนีชิวใหญ่ตัวนั้นของเจ้าล่ะ ไม่ตามขึ้นฝั่งมาด้วยหรือ? เมื่อปีก่อนพวกเราก็เคยเดินผ่านถนนของนครน้ำบ่อมาก่อนแล้ว มันใหญ่พอจะให้หนีชิวใหญ่เลื้อยผ่านไปได้นะ”

กู้ช่านสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อกว้างของชุดหม่าง ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “ครั้งนี้ให้หนีชิวน้อยอยู่ในทะเลสาบ ไม่ตามพวกเราไปร่วมความครึกครื้นที่นครน้ำบ่อแล้ว ช่วงนี้มันต้องเดินเล่น ดื่มน้ำให้มากหน่อย เพราะเมื่อปีก่อนมันกินผู้ฝึกลมปราณเยอะเกินไป แถมยังกลืนกินแก่นโชคชะตาน้ำที่สองเกาะใหญ่สะสมมาหลายร้อยปีลงท้องไปรวดเดียว ดังนั้นปีนี้จึงต้องคอยปิดด่านอยู่ใต้ทะเลสาบ จะบอกข่าวดีอย่างหนึ่งแก่พวกเจ้า พวกเราเป็นพี่น้องกัน ข้าถึงได้ยอมบอกความลับนี้แก่พวกเจ้า จำไว้ว่าอย่าเอาไปแพร่งพรายข้างนอกล่ะ! อีกไม่นานหนีชิวน้อยก็จะกลายเป็นขอบเขตก่อกำเนิดที่แท้จริงแล้ว ถึงเวลานั้นในทะเลสาบซูเจี่ยนของพวกเรา แม้แต่สกัดคงคาเจินจวินอาจารย์ของข้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนีชิวน้อย อืม น่าจะมีแค่ตาแก่ของเกาะกงหลิ่วที่จากไปนานหลายปีผู้นั้นที่ถึงจะพอมีคุณสมบัติมาต่อสู้กับหนีชิวน้อยได้กระมัง”

ฟ่านเยี่ยนอึ้งตะลึง “พี่ใหญ่กู้ เจ้าเคยรับปากข้าว่าหากวันใดอารมณ์ดีจะให้ข้าลูบหัวหนีชิวใหญ่สักครั้ง ข้าจะได้เอาไปคุยโวให้คนอื่นฟัง ยังรักษาสัญญาหรือไม่?”

กู้ช่านเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ มองเจ้าทึ่มผู้นี้ ใต้หล้านี้มีคนโง่อยู่ประเภทหนึ่งที่ไม่ใช่พวกคมในฝัก แต่เป็นเพราะไร้สมองจริงๆ นี่ไม่ได้เกี่ยวกับว่ามีเงินมากหรือน้อย แล้วก็ไม่เกี่ยวกับว่าพ่อแม่ของเขาฉลาดหรือไม่ กู้ช่านยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ต้องรักษาสัญญาสิ จะไม่รักษาสัญญาได้อย่างไร ข้ากู้ช่านเป็นคนไม่รักษาคำพูดตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ฟ่านเยี่ยนค่อยๆ คลี่ยิ้มกว้าง ชูมือเตะเท้าอย่างร่าเริง

ผลกลับกลายเป็นว่าถูกกู้ช่านถีบเข้าที่เป้า “เสียแรงที่ตัวโตขนาดนี้ ไอ้จ้อนเล็กชะมัด”

ฟ่านเยี่ยนเจ็บจนตัวงอ ยกมือกุมเป้า แต่กระนั้นก็ยังไม่รู้สึกโกรธ เพียงพูดอ้อนวอนว่า “พี่ใหญ่กู้ อย่าทำแบบนี้สิ พ่อแม่ข้าไม่ว่าเรื่องใดก็พูดง่ายทั้งนั้น มีเพียงเรื่องการสืบทอดตระกูลที่ไม่อนุญาตให้ข้าทำตัวเหลวไหล! คราวก่อนคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าเอ่ยสั่งสอนข้า บอกว่าหากวีรบุรุษชายชาตรีใต้หล้านี้ไม่อยู่ตัวคนเดียวไปจนชั่วชีวิตก็ไม่มีหน้าไปทักทายผู้คนยามที่ท่องอยู่ในยุทธภพอะไรนั่น ทำเอาท่านแม่ข้าโมโหอย่างหนักจนไล่ทุบตีข้าไปรอบหนึ่ง ท่านแม่ลงมือไม่หนัก ข้าจึงไม่เจ็บ เพียงแต่พอเห็นท่านแม่ตาแดงๆ ข้ากลับรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ”

กู้ช่านเขย่งปลายเท้าตบศีรษะฟ่านเยี่ยนดังป้าบ “คนโง่ก็มีโชคของคนโง่ วันหน้าจะต้องสามารถมีลูกโง่ๆ เป็นครอกร่วมกับเมียที่ยังไม่มาเกิดของเจ้าได้แน่นอน”

ฟ่านเยี่ยนยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

กู้ช่านเหลือกตามองบนใส่

ไม่เคยฟังออกว่าประโยคไหนพูดประชด ประโยคไหนชมเชย แล้วก็แยกไม่ออกว่าใครเป็นคนดี ใครเป็นคนเลว

แต่ใครก็ล้วนมองออกว่า คนโง่ที่สมองขาดเส้นประสาทไปเส้นหนึ่งอย่างฟ่านเยี่ยนผู้นี้ หากออกไปพ้นจากปีกและสายตาของพ่อแม่เข้าจริงๆ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่จะถูกคนอื่นหลอก ทว่ากู้ช่านกลับใจกว้างกับฟ่านเยี่ยนมากกว่าใคร แม้ว่าจะเคยหลอกเอาเงินอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เคยทำเกินกว่าเหตุ แล้วก็ไม่อนุญาตให้คนอื่นรังแกฟ่านเยี่ยนด้วย

สายตาของลวี่ไช่ซางเป็นประกายวิบวับราวกับว่าอารมณ์ดียิ่งกว่ากู้ช่านเสียอีก “นี่เป็นเรื่องดีที่ใหญ่เทียมฟ้าเชียวนะ เดี๋ยวพอไปถึงงานเลี้ยงแล้ว ช่านช่าน เจ้าต้องร่วมดื่มเหล้าวิหคครวญกับข้าหลายๆ จอกเลย!”

หยวนหยวนแห่งเกาะหวงหลีที่หน้ากลมดิกคือคนที่ไม่สนใจสิ่งใดมากที่สุดในบรรดา ‘พี่น้อง’ ทั้งหลาย ไม่ว่ากับใครก็ล้วนมีรอยยิ้มมอบให้ ไม่ว่าจะล้อเล่นกับเขาอย่างไร เขาก็ไม่โกรธ

เพียงแต่ว่าพอได้ยินข่าวใหญ่ที่น่าตะลึงพรึงเพริดนี้ หยวนหยวนที่ไม่ทันตั้งตัวกลับมีสีหน้าแข็งค้าง แต่เพียงชั่วครู่สีหน้าก็กลับคืนมาเป็นปกติอีกครั้ง เขาจุ๊ปากรัวๆ “วันหน้าพวกเราที่ได้พึ่งใบบุญกู้ช่านก็ไม่เท่ากับว่าต้องทำตัวกร่างอยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนเท่านั้นจึงจะเหมาะสมกับสถานะของตัวเองหรอกหรือ?”

กู้ช่านยิ้มเอ่ย “ฟ่านเยี่ยน เจ้ากับไช่ซางแล้วก็หยวนหยวนพาศิษย์พี่ทั้งสองของข้าไปกินปูกันก่อนเถอะ หาตำแหน่งที่ดีๆ สักหน่อยล่ะ ข้าจะอ้อมไปซื้อของสักสองสามอย่างก่อน”

ฟ่านเยี่ยนขุ่นเคืองขึ้นมาทันควัน ถึงขนาดถลึงตาใส่กู้ช่าน พูดอย่างฉุนเฉียว “ซื้อของ? ซื้อ! พี่ใหญ่กู้ เจ้าดูแคลนพี่น้องอย่างข้าใช่ไหม? อยู่ที่นครน้ำบ่อ ของสิ่งใดที่ถูกใจ ต้องให้พี่ใหญ่กู้ควักเงินจ่ายเองด้วยหรือ?”

กู้ช่านกระโดดตบหน้าฟ่านเยี่ยนหนึ่งที “ใครแม่งบอกว่าซื้อของแล้วต้องจ่ายเงินกันเล่า? จะให้พูดว่าแย่งชิงมาหรือไง มันน่าฟังนักรึ?”

ฟ่านเยี่ยนที่โดนตบกลับยิ้มกว้างสดใส ยกมือหนึ่งกุมหน้า อีกมือหนึ่งชูนิ้วโป้ง “ยังคงเป็นพี่ใหญ่กู้ที่พิถีพิถัน!”

กู้ช่านโบกมือ “ไสหัวไปเลย อย่ามาถ่วงเวลาการชื่นชมทัศนียภาพของนายน้อยอย่างข้า อยู่กับพวกเจ้าแล้วข้าจะหาเรื่องสนุกใส่ตัวได้อย่างไร”

ลวี่ไช่ซางตีหน้าเคร่ง “ไม่ได้ ตอนนี้ทะเลสาบซูเจี่ยนวุ่นวายยิ่งนัก ข้าต้องคอยอยู่ข้างกายเจ้า”

กู้ช่านกล่าวอย่างระอาใจ “ก็ได้ๆๆ ให้เจ้าตามมากินฝุ่นหลังก้นข้าก็ได้ ทำตัวอย่างกะผู้หญิง”

ลวี่ไช่ซางแค่นเสียงดังหึ

ทั้งสองกลุ่มแยกกันตรงท่าเรือ แน่นอนว่าฟ่านเยี่ยนต้องเตรียมรถม้าหรูหราใหญ่โตมาให้พี่ใหญ่กู้ของเขาเรียบร้อยแล้ว

—–

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset