ตอนที่ 436 ต้องใช้ความอดทนมากที่สุด
วันต่อๆ มา ไม่ว่าจะยิงธนูหรือยิงปืน มู่เถาเยาก็ทำให้พวกโค้ชตะลึงได้ยกใหญ่ รวมถึงโค้ชเถียนด้วย
เดิมทีเขาคิดว่ามู่เถาเยาก็แค่เก่งกว่านักกีฬาทั่วไปนิดหน่อย นึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่ด้อยไปกว่าแชมป์เหรียญทองแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าดีกว่าด้วยซ้ำ
อย่างไรเสียเธอก็เพิ่งมาเจอการแข่งขันแบบมืออาชีพเป็นครั้งแรก
พวกโค้ชพากันคิดว่ามู่เถาเยามีพรสวรรค์เป็นนักกีฬามาแต่กำเนิด
ไม่เพียงแต่จะแรงเยอะผิดคนธรรมดา ยังหัวไวแค่ชี้แนะนิดหน่อยก็เข้าใจ พวกเขาแทบไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นโค้ช
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นพวกเขาก็ดีใจมาก
ถ้าไม่ติดว่ามู่เถาเยาเรียนดอกเตอร์อยู่ อีกทั้งวันหน้าจะมุ่งมั่นไปทางการแพทย์ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องโน้มน้าวให้เข้าสมาคมกีฬาให้ได้
เดิมทีพวกเขาคิดว่าเด็กเรียนแบบนี้ ต่อให้พรสวรรค์สูงแค่ไหน แต่สภาพร่างกายอย่างความว่องไว ความยืดหยุ่น เป็นต้น ก็ไม่มีทางดีมาก ปรากฏว่านี่เกินความคาดหมายของพวกเขาไปมากจริงๆ
หลายวันมานี้สร้างเซอร์ไพรส์กับความตกตะลึงจากใจให้พวกเขาได้มากจริงๆ
แล้วมาดูตอนนี้ ความเร็วในการวิ่ง…ทิ้งโค้ชอันไปไกลแล้ว!
กงปินมองสองคนนั้นที่วิ่งทิ้งห่างกันตาปริบๆ หันไปพูดกับคนข้างๆ “โค้ชเถียน โค้ชหลี่ โค้ชจาง พรุ่งนี้ไปที่เหล่าหร่วนด้วยกันไหม”
โค้ชฝึกขี่ม้า โค้ชยกน้ำหนัก และโค้ชยิงธนูตอบพร้อมกัน “ต้องไป!”
พวกเขาอยากรู้ว่ากีฬาเรือใบที่มู่เถาเยาบอกว่าอ่อนสุด ยังจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้พวกเขาได้อีกไหม
“โอเค เดี๋ยวผมถามเหล่าหร่วนว่าจองตั๋วให้เสี่ยวเยาเยาหรือยัง ถ้ายังก็จองพร้อมกันไปเลย”
เหลียงจีที่อยู่ข้างๆ ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาไม่ต้องจองตั๋วค่ะ นั่งเครื่องบินของตัวเองไปได้เลย ฉันเป็นนักบินของเสี่ยวเยาเยาค่ะ”
โค้ชกง “…เสี่ยวเยาเยาเป็นเจ้าหญิงน้อยของเศรษฐีตระกูลไหนเหรอ มีเครื่องบินของตัวเองด้วย!” ไม่ถือตัวเลยสักนิด! หาได้ยากจริงๆ!
โค้ชจาง “จะว่าไป พวกคุณไม่คิดว่าเหลียงจีหน้าคุ้นเหรอ ฉันดูพ่อแม่ของเสี่ยวเยาเยาก็หน้าตาคุ้นๆ นะ…”
โค้ชหลี่พยักหน้า “ฉันก็รู้สึกคุ้นหน้า…พวกคุณรู้จักเศรษฐีแซ่มู่บ้างไหม”
พวกเขาเป็นนักกีฬา ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้
โค้ชเถียนยิ้ม
โค้ชกงครุ่นคิดแล้วพูด “เหมือนจะไม่มีนะ เศรษฐีติดอันดับบ้านเรามีแซ่อวิ๋น เย่ว์ จาง หยาง จั่ว…นอกจากเจ้าของเทียนเย่ว์ที่ลึกลับแล้วก็ไม่มีใครเข้าข่ายเลยนะ เหลียงจี เสี่ยวเยาเยาคงไม่ใช่…เอ๊ะ ไม่ถูกสิ เจ้าของเทียนเย่ว์แซ่เย่ว์ ไม่ใช่แซ่มู่”
เหลียงจีแค่ยิ้ม ไม่ตอบ
เรื่องสถานะจะหลุดจากปากเธอไม่ได้
ถ้าพวกเขาเดาออก นั่นก็เพราะพวกเขาเก่ง
คนเผ่าหมาป่าพระจันทร์ถ่อมตัว เย่ว์เลี่ยงกับเย่ว์หลั่งที่เป็นผู้นำเผ่าไม่ค่อยออกข่าว
เรื่องไปเยือนต่างประเทศก็ได้รับการให้เกียรติจากอีกฝ่าย พยายามออกโทรทัศน์ให้น้อยที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีรูปในโลกออนไลน์เลย
คนที่อ่านข่าวบ่อยหรือติดตามข่าวสารบ้านเมืองบ้างก็จะพอคุ้นเคย อย่างไรเสียพวกเขาเผ่าหมาป่าพระจันทร์ก็เป็นถึงสวรรค์ของนักท่องเที่ยว ตัวเลือกย้ายถิ่นฐานที่ประชากรทั่วโลกต่างใฝ่ฝัน ไม่ใช่เผ่าหรือประเทศเล็กๆ ที่ไร้ชื่อเสียง
พวกเขาคุ้นหน้าเธอเป็นเพราะเมื่อก่อนเธอเป็นนักบินของหัวหน้าเผ่าควบตำแหน่งบอดี้การ์ดหญิง เลยมีภาพเธอติดตอนออกโทรทัศน์ด้วย
ขณะที่โค้ชหลี่กำลังจะพูด มู่เถาเยาก็กลับมาถึงจุดเริ่มแล้ว
เหลียงจีหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้มู่เถาเยา
พวกโค้ชมองใบหน้าของมู่เถาเยาที่แดงก่ำ แต่ลมหายใจกลับไม่เหนื่อยหอบ
โค้ชจางยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยา ปกติชอบวิ่งเป็นประจำไหม”
“เปล่าค่ะ แต่ฝึกต่อสู้ก็จำเป็นต้องวิ่งค่ะ” โดยเฉพาะวิชาตัวเบา ต้องวิ่งโดยมีของหนักถ่วงขาไว้
เวลานี้โค้ชอันกลับมาแล้ว
พักหายใจก่อนแล้วถึงพูด “เสี่ยวเยาเยาไม่เหนื่อยเลยเหรอ รู้สึกแย่บ้างไหม”
มู่เถาเยาส่ายหน้า
ไปกลับแค่แปดร้อยเมตรเอง
โค้ชอันเห็นสภาพเธอไม่เหมือนคนเพิ่งออกกำลังกายมาอย่างหนักจึงพูดขึ้น “เสี่ยวเยาเยา วิ่งระยะสั้นโอเคแล้ว วิ่งมาราธอนไหวไหม”
“ได้ค่ะ ขอแค่ช่วงเวลาแข่งขันไม่ชนกัน หนูลงกี่รายการก็ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาเรื่องพละกำลัง”
โค้ชกง “เสี่ยวเยาเยาฝึกต่อสู้มานานกี่ปีแล้วเหรอ”
“ตั้งแต่เดินได้ก็ฝึกกับอาจารย์เลยค่ะ เลยได้เปรียบเรื่องพละกำลังกับความอึดมากกว่าคนอื่น”
โค้ชอันตบต้นขา “เยี่ยม! เสี่ยวเยาเยา โค้ชจะบอกให้นะ แชมป์โลกวิ่งมาราธอนหญิงงานแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหลายครั้งก่อนมี…”
มู่เถาเยาพยักหน้าขณะฟัง
เธอทำความเข้าใจกติการางวัลของรายการแข่งขันที่เธอจะลงไว้แล้ว เพราะเธอกะเอาแค่รางวัลที่หนึ่ง แต่ก็ต้องดูปัจจัยอื่นด้วย ป้องกันการทำสถิติที่ดูเกินจริง
“เสี่ยวเยาเยา เมื่อก่อนเคยทดสอบจับเวลาวิ่งห้าพันเมตรหรือหนึ่งหมื่นเมตรไหม”
“ไม่เคยค่ะ แต่หนูวิ่งสักสองรอบก็พอจะควบคุมเวลาตัวเองได้แล้วค่ะ โค้ชอันอยากให้วิ่งจบในกี่นาทีคะ”
“เอ่อ…พยายามให้เต็มที่ก็พอ” ใช่ว่าเขาอยากได้กี่นาทีก็จะเป็นเท่านั้น
“งั้นหนูลองวิ่งห้าพันเมตรให้ดูดีไหมคะ”
“เธอเพิ่งวิ่งแปดร้อยเมตรมาเองนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไหว สิบนาทีก็วิ่งเสร็จแล้ว”
โค้ชอันพูดไม่ออก
ยัยหนูเอ๊ย รู้หรือเปล่าวิ่งห้าพันเมตรจบในสิบนาทีหมายถึงอะไร
เมื่อกี้ที่เขาบอกสถิติแชมป์แต่ละปีได้ฟังหรือเปล่า
เขายอมรับว่าเธอพลังเยอะ สมองดี แต่การวิ่งมาราธอนเป็นรายการที่เหนื่อยเอาเรื่องอยู่นะ! มันไม่เหมือนกันเข้าใจหรือเปล่า
“เหล่าอัน ต้องเชื่อมั่นในตัวเสี่ยวเยาเยานะ เธอสร้างปาฏิหาริย์ได้” โค้ชกงตบหลังโค้ชอันเบาๆ พลางพูด
โค้ชเถียนพยักหน้า “เหล่ากงพูดถูก เสี่ยวเยาเยาเป็นคนที่สร้างปาฏิหาริย์ได้”
โค้ชหลี่กับโค้ชจางที่เป็นโค้ชหญิงก็เชื่อว่ามู่เถาเยาทำได้
ขนาดยกน้ำหนัก ยิงธนู ยิงปืน ยังทำพวกเขาตะลึงมาแล้ว เชื่อว่ากีฬาวิ่งก็เหมือนกัน
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “โค้ชอันคะ จับเวลานะคะ หนูพร้อมแล้ว”
โค้ชเถียนหยิบนาฬิกาจับเวลาในมือโค้ชอันมา “เสี่ยวเยาเยา วิ่งที่นี่หนึ่งรอบเท่ากับห้าพันเมตรพอดี โค้ชจะจับเวลาให้ เตรียมตัวนะ”
“ค่ะ”
“ระวัง…ไป!”
มู่เถาเยาวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อน ประหนึ่งอบอุ่นร่างกาย
พวกโค้ชรวมถึงเหลียงจีต่างวิ่งไปกับเธอ
เมื่อวิ่งไปไกลขึ้นความเร็วก็เพิ่มขึ้น มู่เถาเยาใช้ปากกับจมูกให้สัมพันธ์กัน เพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย ผ่อนลมหายใจ
พอวิ่งไปเกินครึ่งทาง เธอก็เปลี่ยนความถี่ในการหายใจแล้วเร่งความเร็ว
เธอไม่ใช้กำลังภายในกับกีฬาชนิดไหนเลย ฝึกตามวิธีของมืออาชีพ ดังนั้นเทคนิคการหายใจระหว่างนี้ก็ไม่ได้ต่างจากที่นักกีฬามืออาชีพใช้กัน
มู่เถาเยาปรับลมหายใจกับจังหวะการวิ่งอยู่ตลอด ขณะเดียวกันก็เพิ่มแรงที่แขนและขา เพิ่มความเร็วอีก
พอใกล้ถึงเวลาสิบนาทีที่เธอบอกไว้ เธอก็เร่งความเร็วแล้วพุ่งเข้าจุดปล่อยตัว
โค้ชเถียนกดหยุดเวลา ไม่มัวสนเวลา เขาพูดกับมู่เถาเยา “เสี่ยวเยาเยา ค่อยๆ หายใจนะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า
เวลานี้เธอร้อนผ่าวไปทั่วตัว เหงื่อไหลท่วม
แต่พอโค้ชคนอื่นๆ กับเหลียงจีกลับมาถึงเธอก็มีสภาพปกติแล้ว
สภาพเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้วิ่งมาราธอนมาก่อนยกเว้นใบหน้าที่แดงก่ำกับเสื้อผ้าที่เปียกชุ่ม
โค้ชอันถามขึ้น “เหล่าเถียน เมื่อกี้เสี่ยวเยาเยาใช้เวลาไปเท่าไร”
โค้ชกงยัดนาฬิกาจับเวลาให้เขา “สิบนาทีพอดีเป๊ะ! นายแอบดีใจได้เลย!”
ทุกคนพากันหันมองมู่เถาเยา
มู่เถาเยาผายมือออกสีหน้าไร้เดียงสา “หนูคำนวณเป็นเลยควบคุมเวลาได้ค่ะ”
โค้ชทุกคน “…”
มันเกี่ยวกับคำนวณเป็นไม่เป็นเสียที่ไหนล่ะ
มันเรื่องความเร็วต่างหาก!
เกินสถิติโลกอีกรายการแล้ว!