ตอนที่ 926 ภารกิจที่หดหู่
อารมณ์ของเย่เชียนค่อนข้างที่จะใจร้อนและเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เหมาะที่จะเป็นบอดี้การ์ดให้ใคร นอกจากนี้เขาก็ไม่เคยฝึกฝนการปกป้องใครและเมื่อเทียบกับบอดี้การ์ดมืออาชีพแล้วเขาก็ด้อยกว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนยังเป็นทหารรับจ้างที่เน้นการบุกโจมตีมากกว่าการตั้งรับอย่างบอดี้การ์ดที่คอยระวังตัวอยู่เสมอและไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีคนมาคุกคามพวกเขา
นอกจากนี้เพื่อปกป้องนักวิทยาศาสตร์ระดับนั้นแล้วใครจะรู้เมื่อไหร่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่นๆจะดำเนินการ? เกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีคนมาแย่งชิงตัวนักวิทยาศาสตร์จริงๆเขาจะต้องปกป้องเธอด้วยชีวิตที่เหลือของเขาหรือเปล่า? เย่เชียนรู้สึกคลุมเครือว่าพวกเขาต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อกีดกันตัวเองออกไป
ความสงสัยของเย่เชียนไม่ได้ไร้เหตุผลเพราะหูวหนานเจียนกับเบื้องบนของจีนก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันเพราะเย่เชียนนั้นพัฒนาเร็วเกินไปในขณะนี้แต่ก็ไม่อยากที่จะปราบปรามเย่เชียนขั้นรุนแรง ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะใช้วิธีที่นุ่มนวลกว่าและนอกจากนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยังเข้าข้างเย่เชียนด้วย ทางด้านหูวหนานเจียนเองก็รู้สึกว่าเย่เชียนเหมาะสมสำหรับการทำสิ่งต่างๆเช่นกัน
“เอ็งฟังฉันพูดให้จบก่อนจะได้มั้ย” หูวหนานเจียนจ้องไปที่เย่เชียนอย่างหมดหนทางและพูด ถ้ามีใครมาขัดจังหวะเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกรงว่าเขาคงจะโกรธไปนานแล้วแต่สำหรับเย่เชียนแตกต่างออกไปเพราะเย่เชียนเป็นดั่งเสาหลักของประเทศและเขาได้ทำคุณประโยชน์มากมายให้กับประเทศ โดยส่วนตัวแล้วเย่เชียนก็คือแฟนหนุ่มของหลานสาวของเขาและเขาก็เป็นเหมือนปู่ของเย่เชียนอีกด้วย
“ที่จริงแล้วในแง่ของคุณภาพระดับมืออาชีพนั้นไม่มีใครเทียบได้กับบอดี้การ์ดที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษและไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์หรือความสามารถในการปรับตัวในสถานการณ์ต่างๆหรือวิธีการแก้ปัญหาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆแล้วบอดี้การ์ดมืออาชีพย่อมดีกว่าในหลายๆด้าน..อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็มีข้อจำกัดบางประการเหมือนกัน” หูวหนานเจียนพูด “ฉันไม่ได้ให้เอ็งไปปกป้องดร.หลี่ฉีเพราะเธอจะได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาล..ฉันอยากให้เอ็งไปปกป้องลูกสาวของเธอ..หลี่ซือ..ฉันกลัวว่าพวกอเมริกาจะลักพาตัวเธอมาต่อรองกับหลี่ฉีน่ะสิ”
“แล้วทำไมคุณไม่ส่งคนของคุณไปคอยคุ้มกันเธอล่ะ?” เย่เชียนพูด
“แน่นอนเราคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วแต่คนของเราหัวโบราณเกินไปดังนั้นเราจึงต้องใช้คนนอก..ยิ่งไปกว่านั้นพวกอเมริกันก็มีสายลับอยู่ทุกหนทุกแห่งเพราะงั้นแบบนี้มันจึงดีกว่าไม่เหรอที่จะใช้คนนอกเพื่อเบี่ยงเบนเป้าหมาย?” หูวหนานเจียนพูด “เอ็งแตกต่างไปจากสายลับของเราเพราะไม่ว่าจะมองเอ็งจากมุมไหนเอ็งก็เหมือนพวกมาเฟียและผู้ก่อการร้ายมากกว่าบอดี้การ์ด” เมื่อเห็นการแสดงออกของเย่เชียนเปลี่ยนไปหูวหนานเจียนก็รีบอธิบายเพิ่มด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าเข้าใจฉันผิด..ฉันไม่ได้จะว่าเอ็งหรือดูถูกเอ็ง”
เย่เชียนก็โบกมือและพูดว่า “ไม่เป็นไรเพราะผมเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดีเหมือนกัน”
หูวหนานเจียนพยักหน้าแล้วพูด “เมื่อตระหนักถึงเหตุผลต่างๆแล้วเราคิดว่าเอ็งเหมาะสมที่สุดในการทำหน้าที่นี้”
“นี่เป็นความคิดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนหรือเปล่า?” เย่เชียนพูดเพราะนอกจากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วเย่เชียนก็นึกถึงใครไม่ได้อีก หวงฟู่ชิงเตี๋ยนทำงานให้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติและเขาต้องรู้ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะหูวหนานเจียนหรือเบื้องบนคงไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้เย่เชียนทำงานนี้ ดังนั้นต้องเป็นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนที่แนะนำความคิดนี้ให้กับพวกเขาและคิดวิธีที่จะควบคุมการพัฒนาของเย่เชียนอย่างมีขอบเขต
หูวหนานเจียนยิ้มอย่างเย้ยหยันและไม่พูดอะไรต่อ “หลี่ซือยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเพราะงั้นเราจึงต้องการให้เอ็งคอยปกป้องเธอในฐานะนักศึกษาเหมือนกัน”
“อะไรนะ!..นี่คุณล้อผมเล่นเหรอ?” เย่เชียนถึงกับผงะและพูดว่า “คุณดูสิว่าผมอายุเท่าไหร่แล้ว..จะให้ผมเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยงั้นเหรอมันจะมีใครเชื่อหรือเปล่า..นอกจากนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าผมก็ดูไม่เหมือนนักศึกษาเลยแม้แต่น้อย”
หูวหนานเจียนอดไม่ได้ที่หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “สมัยนี้มันมีศึกษาตั้งกี่คนที่ดูไม่เหมือนนักศึกษาจริงๆเพราะงั้นเอ็งไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก..นอกจากนี้ฉันจะบอกอะไรให้ว่าหลี่ซือน่ะเป็นสาวสวยเพราะงั้นเอ็งไม่อยากอยู่ใกล้เธอเหรอ?”
เย่เชียนตกตะลึงไปครู่หนึ่งและมองไปที่หูวหนานเจียนด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า “หลานสาวของคุณเป็นแฟนของผมเพราะงั้นคุณไม่กลัวว่าเธอจะรู้เรื่องนี้และโกรธคุณหรอ?”
หูวหนานเจียนฉีกยิ้มและพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไรสิ..ถึงยังไงเอ็งก็ไม่ได้มีแค่หลานสาวของฉันคนเดียวไม่ใช่เหรอ?..ฉันไม่คิดว่าเธอจะรังเกียจหรือโกรธหรอกถ้าหากเอ็งจะมีเพิ่มอีกคน”
“เธออาจจะไม่ว่าอะไรหรอกแต่คุณปฏิบัติกับผมเหมือนหมูที่คอยผสมพันธุ์ราวกับว่าตราบใดที่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงผมก็ทำได้ทุกอย่าง..คิดแบบนี้มันดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยนะ” เย่เชียนพูด
“อย่ากังวลไป..เอ็งแค่ทำภารกิจให้สำเร็จก็พอ” หูวหนานเจียนพูด “สำหรับหลี่ซือแล้วตราบใดที่ชีวิตของเธอปลอดภัยแค่นั้นก็พอ..เราจะไม่สนเรื่องส่วนตัวอื่นๆ”
“ไม่!” เย่เชียนพูด “ให้ผมไปนั่งในชั้นเรียนมหาวิทยาลัยและฟังพวกอาจารย์เหล่านั้นร้องเจี๊ยกๆทั้งวันผมคงปวดหัวตาย..คุณไม่คิดว่านี่เป็นการทรมานเลยเหรอ?..ผมไม่คิดว่าผมจะทรยศต่อประเทศชาติถ้าผมไม่ปกป้องผู้หญิงคนนี้..ถ้าเป็นแต่ก่อนก็อาจจะไม่เป็นอะไรแต่ตอนนี้อายุของผมไม่เหมาะสมกับภารกิจนี้เลย”
“เย่เชียนถึงยังไงเอ็งก็เป็นเหมือนหลานของฉันเพราะงั้นฉันก็จะไม่ปิดบังเอ็ง” หูวหนานเจียนพูดต่อ “ที่จริงแล้วรัฐบาลยอมรับทัศนคติของเอ็งแล้วเพราะงั้นอย่าทำให้เบื้องบนผิดหวังเลย..เอาเป็นว่าคราวนี้ถ้าปฏิเสธงานนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยเพราะเขาจะคิดว่าเอ็งไม่ยอมไว้หน้าพวกเขาและเริ่มแข็งข้อกับพวกเขา”
เย่เชียนขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดว่า “นี่คุณไม่ได้ข่มขู่ผมใช่มั้ย?”
“เอ็งคิดอย่างนั้นได้ยังไง..เย่เชียน!..พวกเราคือครอบครัวและฉันจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด” หูวหนานเจียนพูดต่อ “ฉันให้เอ็งทำแบบนี้เพื่อให้พวกเขาพิจารณาเอ็งใหม่และผู้อำนวยการหวงฟู่ก็คอยสนับสนุนเอ็งมาโดยตลอด..คิดดูสิว่าทำไมเขาถึงยังแนะนำให้เอ็งทำทั้งๆที่เขารู้นิสัยของเอ็งดี..ความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาต้องการแนะนำเอ็งอย่างเป็นทางการกับเบื้องบน..เพื่อให้พวกเขามีทัศนคติที่ดีต่อเอ็ง..ที่พูดมาเข้าใจบ้างหรือเปล่า?”
เย่เชียนตกอยู่ในความเงียบและหยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดไฟจากนั้นก็สูบช้าๆ อันที่จริงเขายังชัดเจนมากด้วยว่าการพัฒนาในปัจจุบันของเขานั้นเร็วไปหน่อยและแน่นอนว่ามันจะนำไปสู่ความไม่พอใจของใครหลายๆคนอย่างแน่นอนและรัฐบาลกลางจะเต็มไปด้วยความระแวดระวังต่อเขา ซึ่งประเทศจีนแตกต่างไปจากตะวันตกและตะวันออกกลางเพราะหากเขาต้องการเติบโตและพัฒนาในประเทศจีนเขาก็ต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางเท่านั้นและเย่เชียนก็ชัดเจนในเรื่องนี้ดี
หูวหนานเจียนไม่ได้ขัดจังหวะความคิดของเย่เชียนเพราะเขารู้ว่าเย่เชียนต้องการเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หูวหนานเจียนถือถ้วยน้ำชาเอาไว้แล้วอย่างดื่มช้าๆโดยไม่มองเย่เชียนเพราะเขาไม่ต้องการสร้างแรงกดดันให้กับเย่เชียน
หลังจากสูบบุหรี่อยู่ครู่หนึ่งเย่เชียนก็พูดว่า “ตกลงผมจะทำ..แต่ผมมีเงื่อนไขสองข้อและถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะไม่ทำ!”
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนไม่ได้ปฏิเสธเลยหูวหนานเจียนก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “เอ็งมีเงื่อนไขอะไรก็พูดมาได้เลย..ตราบเท่าที่ฉันทำได้ฉันก็จะทำ!”
“อย่างแรกเรื่องนี้ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนหลังจากนี้ผมถึงจะทำได้เพราะผมยังมีบางอย่างที่ต้องทำและแน่นอนว่าถ้าผมตายหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนคำสัญญาทั้งหมดจะเป็นโมฆะและจะไม่มาแตะต้องคนใกล้ตัวผมอีก” เย่เชียนพูด
หูวหนานเจียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “เอ็งหมายความว่ายังไง?”
“คุณยังไม่รู้เพราะผมมีเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนก่อนที่ผมจะดวลกับหมาป่าผีไป๋ฮวย..ผมเองก็รับปากไม่ได้ว่าการดวลนั้นผมจะรอดชีวิตกลับมาได้หรือเปล่า..เพราะงั้นเราต้องมาตกลงกันด้วยเงื่อนไขเหล่านี้” เย่เชียนพูด
“หมาป่าผีไป๋ฮวย?” หูวหนานเจียนถึงกับตกตะลึงแล้วพูดว่า “นั่นคนทรยศของเขี้ยวหมาป่าไม่ใช่เหรอ?..ฉันเคยได้ยินผู้อำนวยการหวงฟู่บอกว่าเขาเป็นคนที่อันตรายมากแล้วทำไมพวกเอ็งถึงได้ตกลงดวลกันล่ะ?”
“เรื่องนี้มันยาวผมจึงไม่สามารถอธิบายอย่างสั้นๆได้” เย่เชียนพูด “ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้ถึงความขัดแย้งระหว่างโลกแห่งศิลปะการต่อสู้จีนโบราณและผมก็สัญญากับหยานตงผู้นำลัทธิมารเอาไว้ว่าถ้าผมชนะลัทธิมารจะยอมแพ้และล้มเลิกแผนการกวาดล้างตระกูลอื่นๆไป..นอกจากนี้นี่ยังเป็นความขัดแย้งที่ต้องแก้ไขระหว่างฉันกับไป๋ฮวยอีกด้วย”
“ง่ายมาก!..เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับเขาและบอกให้เขายอมแพ้ซะ!” หูวหนานเจียนพูด “ฉันเชื่อว่าเขาต้องไว้หน้าฉันในฐานะผู้อาวุโสของประเทศและถ้ามันไม่ได้ผลจริงๆฉันก็คงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับเขา”
“ไม่!” เย่เชียนคัดค้าน “นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับไป๋ฮวยและผมก็ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งเกี่ยว..คุณไม่เข้าใจความเป็นพี่น้องระหว่างผมกับไป๋ฮวยหรอก..หากคุณเข้ามาแทรกแซงล่ะก็สิ่งต่างๆจะไม่สามารถแก้ไขได้อีก”
“ก็ได้ฉันรับปากว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหูวหนานเจียนก็พูดว่า “จริงสิ..ฉันได้ยินผู้อำนวยการหวงฟู่พูดบ่อยๆว่าไป๋ฮวยเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หายากและถ้าหากเขามารับใช้ประเทศได้ล่ะก็มันจะยอดเยี่ยมมาก..ถ้าเป็นไปได้ช่วยเกลี้ยกล่อมเขาให้มาทำงานให้รัฐบาลที”
“ไป๋ฮวยเป็นคนที่ชอบอิสระและไม่ชอบอยู่ใต้เท้าใคร..พูดได้ว่าเขาหวาดระแวงมากกว่าผมอีก..ถ้าผมสามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้ล่ะก็เขากับผมคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ในวันนี้อย่างแน่นอน” เย่เชียนพูด “แต่เขาเป็นคนที่มีเหตุผลมากเพราะงั้นถ้าคุณสามารถเข้าถึงเขาได้มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้และบางทีผลลัพธ์มันอาจจะยอดเยี่ยมไปเลยก็ได้”