ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 734 เซี่ยจื้อ

ตอนที่ 734 เซี่ยจื้อ

ตอนที่ 734 เซี่ยจื้อ

ในห้องนอนแฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งความพิเศษ
อิงอิงคุกเข่าบนเตียงสองขาพับซ้อนในท่าเทพธิดา โจวเจ๋อนั่งพิงหัวเตียงและคีบบุหรี่หนึ่งมวนในมือ ทั้งสองคนสบตากัน
“เถ้าแก่…” อิงอิงโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย โน้มตัวเข้าใกล้โจวเจ๋อก่อน โจวเจ๋อเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อหลบริมฝีปากของอิงอิง แต่อิงอิงไม่ได้ผิดหวังและยิ่งไม่ได้โกรธ เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ย “เถ้าแก่ รังเกียจกลิ่นของตัวเองหรือเจ้าคะ”
โจวเจ๋อเงียบไม่พูดไม่จา
“อะแฮ่ม…” เสียงกระแอมดังลอดเข้ามาจากหน้าประตูห้องนอน สาวน้อยโลลิรู้สึกว่าตัวเองดูเหมือนจะมาผิดเวลา แต่ช่วยไม่ได้
“มีอะไร” โจวเจ๋อถาม
“เหล่าจางมาน่ะ ดูเหมือนจะมีเรื่องร้ายแรงมาก”
“ผมรู้แล้ว” โจวเจ๋อลุกจากเตียง เดินออกจากห้องนอนและลงบันไดไป
อิงอิงก็ลุกขึ้นและลุกออกจากเตียงเช่นกัน เมื่อเดินมาถึงประตู สาวน้อยโลลิมองอิงอิงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “คืบหน้าเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
“อะไร”
สาวน้อยโลลิหรี่ตา ยิ้มหึๆ แล้วมองอิงอิง เธออาบน้ำร้อนมาก่อนนะ
“เจ้าหัวเราะอะไร” อิงอิงถาม
“ไปบ้วนปากเถอะ”
“แน่นอน”
“อีกอย่าง กลิ่นตรงนี้น่ะแรงมากจริงๆ” สาวน้อยโลลิโบกมือปัดๆ ด้านหน้าจมูกของตัวเอง ขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีและพูดว่า “กลิ่นนี้ ไม่เหมือนสาหร่ายโปลี่เลยสักนิด”
“หือ” เห็นได้ชัดว่า อิงอิงเอาชนะเรื่องด้านนี้กับสาวน้อยโลลิไม่ได้จริงๆ อย่างไรเสียชาติก่อนเธอก็ยังเป็นหญิงแกร่งในโลกธุรกิจ แพรวพราวเสียจนเทียบได้กับอู่เจ๋อเทียนแล้ว
“เจ้าไม่รู้สึกเหรอ” สาวน้อยโลลิแปลกใจเล็กน้อย
อิงอิงอ้าปาก ริมฝีปากแดงอิ่มเผยอเผยฟันขาวออกมาเบาๆ ในนั้นมีคราบเลือดติดอยู่อย่างชัดเจน
สาวน้อยโลลิอึ้งงันและอุทาน “งั้นเมื่อกี้เจ้าทำอะไรน่ะ”
“แผลที่พันบนหน้าอกของเถ้าแก่หายเร็วเกินไป ผ้าพันแผลฝังอยู่ในเนื้อ แถมเถ้าแก่มีแค่มือเดียวเลยทำความสะอาดไม่สะดวก เถ้าแก่เลยขอให้ข้าใช้ฟันและเล็บของข้าเอาผ้าพันแผลที่ฝังอยู่ในเนื้อออกไปแล้วทำความสะอาด”
“ฉะนั้น เมื่อกี้พวกเจ้าไม่ได้กำลัง…”
“ทำอะไร”
“เปล่า” สาวน้อยโลลิเข้าใจว่าทำไมโจวเจ๋อถึงขอให้อิงอิงช่วยโดยตรง เพราะเลือดของเขาเป็นยาบำรุงชั้นเยี่ยมสำหรับอิงอิง สามารถส่งเสริมวิวัฒนาการของอิงอิงได้ มิน่าล่ะ เมื่อกี้เธอยังสงสัยอยู่เลยว่า ทั้งสองคนทำเรื่องพรรค์นั้นโดยที่ไม่ปิดประตูได้อย่างไร
ส่วนเรื่องเหล่าจางนั้น ต่อให้สาวน้อยโลลิจะโง่เง่าแค่ไหนก็ไม่มีทางคิดว่าเหล่าจางตั้งใจถ่อมาเพื่อเล่นตลกนี่หรอก เธอตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ได้ทันที จึงรีบขึ้นมาหาพวกเถ้าแก่อย่างรวดเร็ว

โจวเจ๋อไม่รู้ว่าตอนแรกหลินเข่อสาวน้อยกุลสตรีเข้าใจผิดเป็นอะไรไปแล้วกันแน่ เขาไม่มีเวลามาใส่ใจคิดเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ เมื่อลงบันไดมาก็เห็นเหล่าจางนั่งหลังตั้งตรงบนโซฟา ขณะเดียวกันเขาก็ถอดรองเท้าข้างหนึ่งแล้ววางรองเท้าไว้บนโต๊ะรับแขก
“เหล่าจาง” โจวเจ๋อตะโกนเรียก
เหล่าจางไม่ตอบสนอง พอโจวเจ๋อเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่าเหล่าจางหลับตา พร้อมกันนั้นยังใช้สำลีอุดหูอีกต่างหาก โจวเจ๋อมองรองเท้าสลับกับมองเหล่าจาง เมื่อสาวน้อยโลลิและอิงอิงลงมา โจวเจ๋อก็หันหน้าไปบอก “เรียกเหล่าอันลงมาหน่อย แล้วก็เรียกเหล่าสวี่มาด้วย”
ไม่นานนัก เก้าอี้สามตัววางอยู่ฝั่งตรงข้ามเหล่าจาง โจวเจ๋อนั่งตรงกลาง ส่วนทนายอันและสวี่ชิงหล่างแยกกันขนาบข้าง ทำเหมือนกับสืบสวนอะไรกันอยู่
“เขาหมายความว่า เขาพูดไม่ได้” ต่อจากนั้นสวี่ชิงหล่างชี้ไปที่หูของตัวเอง “พร้อมกันนั้นก็ไม่อยากฟังพวกเราพูดด้วยใช่ไหม”
“แถมยังมองไม่ได้ด้วย” ทนายอันชี้ไปที่ตาของตัวเอง “เขาหลับตาเอาไว้ตลอดเลย”
โจวเจ๋อพยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าตระหนักรู้แจ้ง “พวกคุณพูดเรื่องไร้สาระได้สมเหตุสมผลมาก”
“…” สวี่ชิงหล่าง
“อิงอิง หยิบปากกามาหน่อย”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
อิงอิงหยิบปากกาลูกลื่นมาจากเคาร์เตอร์ฝั่งนั้น โจวเจ๋อวางปากกาไว้ในมือของเหล่าจาง เหล่าจางชะงักครู่หนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้ยินและมองไม่เห็น แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ในมือของตัวเองกำลังถืออะไรอย่างแน่นอน เขายกปากกาขึ้นแล้วดูเหมือนจะลังเล แต่ก็ดูเหมือนจะครุ่นคิด สุดท้ายก็วางปากกาลงบนโต๊ะอยู่ดี
“เขียนไม่ได้ด้วย” โจวเจ๋อคิดอย่างรอบคอบ
“ดูไม่ได้ พูดไม่ได้ ฟังไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าเขากำลังปิดบังอะไรอยู่ ไม่ใช่การปิดบังพวกเรา แต่กำลังเป็นการปิดบังคนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง คนผู้นั้นจะต้องสามารถรับรู้ผ่านดวงตา ปาก และหูของเขา กระทั่งสามารถคิดพิจารณาผ่านการกระทำของเขาได้ด้วย…” เมื่อพูดไปทนายอันก็หันมามองโจวเจ๋อ “เถ้าแก่ มันเหมือนคนผู้นั้นในร่างของคุณเลยนี่นา”
ส่วนสวี่ชิงหล่างนั้นแม้ว่าจะรวมเข้ากับส่วนหนึ่งของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เขารักษาสื่อกลางในการสื่อสารกับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในรูปแบบค่ายกล และบังคับตัวเองให้เป็น ‘ถุงมือขาว’ ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลบนผืนแผ่นดิน เพียงแต่ถุงมือขาวของสวี่ชิงหล่างต่างจากถุงมือรุ่นก่อนๆ ของเทพเจ้าเหล่านั้นก็ตรงที่ ฝ่ายของสวี่ชิงหล่างจะมีความเป็นอิสระมากกว่า นอกเสียจากเขาจะเปิดผนึกแล้วเรียกมาเสียเอง ไม่อย่างนั้นโดยทั่วไปแล้วเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะโผล่มาไม่ได้
ถึงอย่างไร เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็อยู่ในมหาสมุทรที่อยู่ห่างออกไปไกลโพ้น ไม่ได้อาศัยอยู่ในร่างกายของสวี่ชิงหล่างจริงๆ แต่อิ๋งโกวอาศัยอยู่ในร่างกายของโจวเจ๋อ พูดให้ชัดเจนคือ ตราบใดที่อิ๋งโกวเต็มใจ โจวเจ๋อกินอะไร ทำอะไร ดูอะไร ฟังอะไร เขาก็สามารถใช้วิธีการของบุคคลที่หนึ่งเข้ามาแทนที่ได้
นี่เป็นวิถีปรสิตของร่างกายเดียวที่มีสองวิญญาณ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่า สถานการณ์ของเหล่าจางในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่ามีบุคคลอื่นอาศัยอยู่ในร่างกายของเขาในขณะนี้
แม่เจ้า!
แม้ว่าทนายอันจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์เด่นชัด แต่ตอนนี้รู้สึกว่าความอิจฉาของเขากำลังเพิ่มขึ้นจริงๆ!
ไม่สนว่าคนที่อาศัยอยู่จะเป็นใครก็ตาม แต่จะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากแน่ๆ ความเสี่ยงและโอกาสในเรื่องใดๆ ล้วนแล้วแต่ดำรงอยู่ร่วมกันเป็นสัดส่วน ทนายอันเชื่อในประเด็นนี้มาโดยตลอด
เพียงแต่ว่า สวี่ชิงหล่างมี ‘สายสัมพันธ์’ ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ฝั่งเถ้าแก่ก็มีคนผู้นั้น นักพรตเฒ่าก็… ตอนนี้แม้แต่เหล่าจางที่เมื่อก่อนเขาคิดว่าเป็นตัวละครที่ไร้ประโยชน์ตอนนี้ก็…
ได้ยังไงกัน! ทำไมฉันถึงไม่ได้อะไรเลย ความอิจฉาทำให้ฉันเป็นบ้า!
ยังดีที่ทนายอันฝึกฝนความสามารถในการซ่อนอารมณ์ไม่ว่าจะโกรธหรือดีใจมานานแล้ว และตอนนี้คนอื่นๆ ก็ไม่มีเวลามาใส่ใจกับเปลวไฟแห่งความอิจฉาริษยาในใจของเขา
สวี่ชิงหล่างพูดพลางชี้รองเท้าที่เหล่าจางวางไว้บนโต๊ะรับแขก “รองเท้า (เสียจื่อ) นี่หมายความว่ายังไงล่ะเนี่ย”
“นี่มันนามธรรมเกินไป” ทนายอันส่ายหน้า “บอกใบ้อีกหน่อยไม่ได้หรือไง”
“เหล่าจางทำอย่างนี้จะต้องคิดว่าพวกเราสามารถเดาความจริงจากสิ่งที่เขาแสดงออกมาได้แน่ๆ” โจวเจ๋อลูบคางตัวเองพลางเอ่ย “หมายความว่า ขอบเขตเป้าหมายที่เรากำลังมองหาอยู่นั้นจริงๆ แล้วมันน้อยมากๆ อันดับแรกคือสิ่งที่เราเคยสัมผัสมันมาก่อน หากเป็นการมีอยู่ของสิ่งที่ไม่รู้จักและไม่เคยสัมผัสมาก่อน พวกเราก็เดาได้ยาก อันดับที่สอง สิ่งนี้ยังสามารถเข้าสิงร่างได้ กระทั่งมักจะเล่นเกมสิงร่างอีกด้วย ถัดมา สิ่งที่จะทำให้เราร้องลั่นด้วยความกลัว อย่างน้อยในความเข้าใจของเหล่าจาง มันมีความสามารถในการทำลายร้านหนังสือของเรา”
“ผมขอคิดก่อน ที่เคยยั่วยุพวกเรา ดูเหมือนว่าที่ยังไม่ตายตอนนี้จะเหลืออยู่ไม่มาก ถึงอย่างไรเถ้าแก่ก็ใจดีมีเมตตากับผู้คนมาโดยตลอด” ทนายอันนับนิ้วพร้อมกับเริ่มเรียบเรียงและตรวจสอบในหัว แล้วพูดต่อ “อาจารย์ของสวี่ชิงหล่างยังไม่ตายใช่ไหม เป็นไปได้ไหมว่า…” ทันใดนั้น ทนายอันก็มองไปที่รองเท้าของเหล่าจางบนโต๊ะรับแขก เขาคิดออกแล้ว
“เสียจื่อ (รองเท้า)…เสียจื่อ (รองเท้า)…เสียจือ…เซี่ยจื้อ!” โจวเจ๋อพูดคำตอบออกมาแล้ว
ทนายอันรีบอุทานทันที “ซี้ด…เถ้าแก่ฉลาดเป็นกรดจริงๆ ทำไมผมถึงคิดไม่ออกนะ!”
สวี่ชิงหล่างเผยสีหน้าจริงจังเคร่งขรึมเช่นกัน “สัตว์อสูรผดุงธรรมนั่นเหรอ มันมาเร็วขนาดนี้เลยหรือไง”
โจวเจ๋อพยักหน้า หยิบรองเท้ามาวางไว้ใต้เท้าของเหล่าจาง และส่งสัญญาณให้เหล่าจางสวมกลับไป นี่เป็นการบอกเหล่าจางว่า พวกเขาเดาสิ่งที่เขาอยากจะบอกได้แล้ว
เหล่าจางสวมรองเท้าและนั่งอยู่ตรงนั้นต่อ
โจวเจ๋อยืนอยู่ข้างๆ พึมพำว่า “เซี่ยจื้อเป็นสัญลักษณ์ของกฎหมาย ไม่รู้ว่ามีร่างแยกของเซี่ยจื้ออยู่ในกระทรวงยุติธรรมอยู่เท่าไร ภายในระยะเวลาครึ่งปีเขาสูญเสียร่างแยกของตัวเองในทงเฉิงไปถึงสองครั้งสองครา อีกทั้งยังสูญเสียไปโดยไร้ต้นสายปลายเหตุอีกต่างหาก จะต้องทำให้ตัวตนจริงๆ ของเขาโกรธแน่ๆ เพื่อศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของสัตว์อสูรผดุงธรรมอย่างเขาแล้ว เขาต้องไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้จบลงง่ายๆ อย่างแน่นอน”
ทนายอันหัวเราะ “ทำไมรู้สึกว่ามันเหมือนกับคุณเจียงคอยเป็นกัปตันขนส่ง[1]ให้เราเรื่อยๆ เลยล่ะ”
นอกจากเหล่าจางแล้วคนที่อยู่ในที่นี้ต่างก็ผุดรอยยิ้มออกมา
ใช่แล้ว ครั้งแรกที่ร่างแยกเซี่ยจื้อโผล่มานั้นถูกอิ๋งโกวเขมือบเข้าไปแล้ว แถมเจ้าลิงน้อยยังแบ่งเอาไปกินชิ้นหนึ่งจนมันแผลบไปทั่วปาก พอฟื้นขึ้นมาครั้งที่สองก็ถูกโจวเจ๋อเขมือบเข้าไปอีก ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทนายอันเห็นได้ชัดเจนขึ้นก็คือ เขาคิดว่าอิ๋งโกวอาจจะตื่นขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้เขาแค่คาดเดา แต่การ ‘คลุ้มคลั่ง’ อย่างกะทันหันระหว่างวันของเถ้าแก่นั้น ดูเหมือนจะพิสูจน์ได้มากกว่านั้น
ถ้าทนายอันไม่รู้ความคับข้องใจระหว่างอิ๋งโกวและเซี่ยจื้อในสมัยโบราณละก็ ทนายอันก็เกือบจะเข้าใจผิดว่าเซี่ยจื้อเป็นน้ำมันเครื่องอย่างดีสำหรับอิ๋งโกวด้วยซ้ำ
เหมือนเปลี่ยนแปลงวิธีการโดยไม่ให้อิ๋งโกวเสียหน้า เพื่อมอบเงินช่วยเหลือและยัดเงินให้เพื่อนรัก!
“เตรียมพร้อม” โจวเจ๋อเอ่ย
“ฆ่ามันเหรอ” ทนายอันถาม
“ฆ่ามันก็รู้สึกเสียดายเกินไปน่ะสิ” โจวเจ๋อส่ายหน้า มองสวี่ชิงหล่างและถามว่า “เหล่าสวี่มีวิธีที่ทำให้เหล่าจางตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับนายไหม…”
สวี่ชิงหล่างดูเหมือนจะรู้ว่าโจวเจ๋อพูดถึงอะไร จึงรีบส่ายหน้าตอบว่า “ผมลองให้ได้ แต่อัตราสำเร็จต่ำมาก ถึงยังไงก็ไม่ใช่ระดับเดียวกัน”
แม้ว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะถูกเรียกว่า ‘เทพเจ้าแห่งท้องทะเล’ แต่มันเป็นเพียงงูเหลือมทะเลที่กลายเป็นปีศาจมีสติปัญญา พูดตามตรงมันเทียบกับเซี่ยจื้อไม่ได้จริงๆ หรอก
“นายทำในสิ่งที่นายทำได้ก็พอ ที่เหลือ…” โจวเจ๋อเลียริมฝีปาก เหล่าจางเป็นคนที่ได้รับความช่วยเหลือจาก ‘จิตใจช่วยเหลือสาธารณะ’ ของเขาในตอนแรกเท่านั้น จริงๆ แล้วไม่ได้คาดหวังมากนัก และไม่คิดจะใช้เหล่าจาง แต่ถ้าเหล่าจางได้รับพลังร่างแยกของเซี่ยจื้อละก็ ผลที่ได้…
ภาพมันสวยงามเกินไป
โจวเจ๋อดีดนิ้ว ‘เปาะ!’
ฮวาหูเตียวเหาะร่อนเข้ามาเกาะบนไหล่ของโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อเอื้อมมือไปลูบตูดของฮวาหูเตียวและพูดว่า “ผมคิดว่าปากกาด้ามนั้นของผมเสียบอยู่ในตูดเจ้านี่มาตลอดมันก็น่าน้อยใจจริงๆ”
…………………………………………………………
[1] คุณเจียงเป็นกัปตันขนส่ง เป็นการกล่าวเย้ยหยันว่า เจียงไคเช็คเป็นกัปตันขนส่งอาวุธให้ศัตรูของตัวเอง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Score 10
Status: Completed
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

Options

not work with dark mode
Reset