ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 703 โรมรัน

ตอนที่ 703 โรมรัน

ตอนที่ 703 โรมรัน

บางทีอาจจะเกี่ยวกับหวังเคอ จิ้งจอกขาวที่เคยเข้าไปสวมบท ‘แม่เลี้ยง’ จึงพูดเกลี้ยกล่อมสาวน้อยโลลิเพราะอยากให้เธอ ‘ได้ดิบได้ดี’ ถ้าหากใต้รองเท้าไม่เปียกชื้นเสียบ้าง ไม่ยอมเจอความเสี่ยงเลยสักนิด อย่างนั้นต่อไปตอนที่แบ่งสินสงคราม แม้แต่กินขี้คุณก็ยังกินไม่ทันตอนร้อน

จิ้งจอกขาวกลับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ถึงแม้แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังรู้สึกว่าเถ้าแก่คนนั้นที่อยู่ในร้านหนังสือไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่เหมือน ‘สิงห์ร้ายที่ทะเยอทะยาน’ หรือคนที่จะสำเร็จงานใหญ่ได้เลย แต่คลื่นลมอุปสรรคมากมายกลับล้มเขาไม่ได้ แถมยังรู้จักทำดีช่วยคนอื่น ไม่มีศัตรูอะไร

ไม่ว่าจะเป็นแมวสีดำหรือแมวสีขาว แมวที่ไม่ตายคือแมวที่ดี ตำแหน่งของเจ้านายกับลูกน้องในเมื่อเปลี่ยนไม่ได้อย่างนั้นก็ต้องประจบเพื่อให้ตัวเองได้สิ่งที่ดีถึงจะเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาด

ครั้งนี้สาวน้อยโลลิพูดอย่างตรงไปตรงมา พูดตรงไม่มีอ้อมค้อมไปกว่านี้อีกแล้ว แต่สามารถเป็นฝ่ายเดินออกมาสู้เคียงข้างในเวลานี้ จริงๆ แล้วก็เป็นการแสดงท่าทีอย่างหนึ่ง

ไม่ว่าอย่างไรสถานการณ์ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าโจวเจ๋อเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เดิมทีสร้างทีมได้แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงพลังในการต่อสู้ว่าแข็งแกร่งแค่ไหน อย่างน้อยยังพอมีพลานุภาพอยู่บ้าง ความรู้สึกปลอดภัยไม่เลว แต่หลังจากที่ถูกชายชราคนนี้ทำโน่นทำนี่ เถ้าแก่โจวกลับพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาเกือบจะกลายเป็นหัวหน้าที่หัวเดียวกระเทียมลีบเสียแล้ว

โบราณว่า มีโอกาสต้องรีบใช้ ทว่าตอนนี้ไม่มีโอกาสแต่ก็ต้องกัดฟันทำ การเพิ่มเติมให้สวยงาม ไม่สามารถสู้การช่วยเหลือในยามขัดสนได้ตลอดไป

ชายชราเดินถอยหลังสองสามก้าว พิจารณามองสวี่ชิงหล่างอย่างละเอียด อันที่จริง เขารู้สึกดีต่อลูกศิษย์คนนี้ของตัวเอง ครั้งที่แล้วสาเหตุที่อยากให้เหล่าสวี่จมน้ำตายในถังน้ำ ก็เพราะโกรธที่อีกฝ่ายไม่ได้ความ แต่ ‘ความรัก’ แบบนี้ คนทั่วไปรับไม่ได้จริงๆ เขาสนใจแค่ว่าเขารักคุณ ส่วนคุณจะรักเขาไหม ก็แล้วแต่ สิ่งที่เขารักยิ่งกว่า จริงๆ แล้วคือตัวเขาเอง

สวี่ชิงหล่างเดินลงจากรถ เกล็ดงูขึ้นตามร่างกาย สีเขียวที่อยู่ในส่วนลึกของนัยน์ตาหมุนวนอย่างต่อเนื่อง

ชายชราถอนหายใจ รู้สึกประมาณว่าผู้หญิงสวยจะเป็นโจรช่วยไม่ได้

“ลูกศิษย์เอ๋ย สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง”

“อ้อ อย่างนั้นอะไรคือทางที่ถูกต้อง เหมือนกับคุณเหรอ”

สวี่ชิงหล่างเดินเข้าหาอาจารย์ของตัวเองทีละก้าว ทว่าเขาไม่ได้เดินไปไกล แต่เดินรักษาระยะห่างที่แน่ชัดกับโจวเจ๋อ

“สิ่งที่เรียกว่าทางที่ถูกต้อง ความหมายคือมีประโยชน์ต่อตัวเองอย่างแท้จริง ถึงจะเรียกว่าทางที่ถูกต้อง สภาพของเธอตอนนี้ สุดท้ายเป็นเธอที่ทำให้มันสมปรารถนาหรือว่ามันทำให้เธอสมปรารถนา ไม่ว่าใครก็พูดชี้ชัดไม่ได้ ถ้าหากสุดท้ายแล้วเธอถูกงูเล็กตัวนั้นเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปจริงๆ เธอดูซิว่า เธอจะสู้หน้าการเสียสละของพ่อแม่เธอได้ไหม”

“เฮ้อ…” เถ้าแก่โจวรู้สึกจากใจจริงว่า เมื่อพูดถึงความสามารถในการยั่วคนให้โกรธ หากชายชราที่อยู่ตรงหน้าบอกว่าเขาเป็นที่สอง อย่างนั้นก็ไม่มีคนกล้าได้ที่หนึ่งแล้ว

ยังดีที่เหล่าสวี่น่าจะชินแล้ว ใช่แล้ว ครั้งนี้สวี่ชิงหล่างไม่ระเบิดความโกรธ เพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม

เล็บทั้งสองมือของโจวเจ๋องอกยาวออกมา ขณะเดียวกันได้หันไปส่งสัญญาณให้อิงอิง ก่อนจะเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว เพื่อไปยืนอยู่ข้างเหล่าสวี่

“เริ่มเถอะ ฉันรอไม่ไหวแล้ว” ชายชราแลบลิ้นออกมา เลียไปที่ริมฝีปากของตัวเอง ร่างยืดขยายในชั่วพริบตา เท้าทั้งสองข้างของเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ร่างกายได้ยืดขยายออกไป กระโจนเข้าหาโจวเจ๋อ!

โจวเจ๋ออยากจะพูดว่าทำไมคุณไม่รักลูกศิษย์ของคุณเป็นคนแรกก่อน แต่พอคิดดูแล้วชายชราคนนี้ไม่โง่ คงรู้ว่าโจวเจ๋อเป็นตัวการที่ฆ่าเขาครั้งที่แล้ว จึงต้องดูแลโจวเจ๋อเป็นพิเศษ

เถ้าแก่โจวประสานนิ้วทั้งสิบ เล็บที่งอกยาวออกมาทั้งสิบนิ้วทอดเข้าหากัน แล้วผลักไปข้างหน้า

‘ฉึก!’ ใบหน้าของชายชราถูกแทงด้วยเล็บของโจวเจ๋อโดยตรง เหมือนถือมีดหั่นเต้าหู้อย่างไรอย่างนั้น ถูกหั่นออกโดยตรง มีความคล้ายไส้กรอกที่ผ่าเป็นรูปทรงดอกไม้ในหม้อไฟ

แต่สายตาของโจวเจ๋อจ้องนิ่ง ต้องถอยหลังอย่างรวดเร็ว ส่วนศีรษะของชายชราถูกผ่าออกแล้วผสานตัวฟื้นคืนกลับอย่างว่องไว สองมือจับไปที่แขนของโจวเจ๋อทันที

‘วืด!’ โจวเจ๋อรู้สึกแขนทั้งสองข้างของตัวเองเหมือนหนักหลายกิโล เสียงดัง ‘พลั่ก’ เล็บทั้งสิบนิ้วถูกบังคับให้ทิ่มเข้าไปในพื้นปูน ชายชราใช้แรงอีกครั้ง พลิกตัวเตะขาข้างหนึ่งไปที่หน้าอกของโจวเจ๋อ

อักขระเป็นสายปรากฏขึ้นมาบนตัวของเถ้าแก่โจวทันที เขี้ยวโผล่ออกมา กลายสภาพเป็นผีดิบอย่างสิ้นเชิง ใช้พลังที่หน้าอกต่อสู้กับเท้าของอีกฝ่าย

‘ครืด!’ ร่างของชายชราล่าถอยออกไป เท้าทั้งสองข้างเสียดสีอยู่บนพื้นไม่หยุด เกิดเป็นประกายไฟรอบด้าน

โจวเจ๋อกระโดดขึ้นกลางอากาศทั้งตัว หลังจากลอยถอยหลังไปยี่สิบกว่าเมตร เล็บทั้งสิบนิ้วขูดไปกับพื้นอย่างแรง ถึงใช้มือและเท้าหยุดยั้งร่างของตัวเองไว้ได้

ไม่ใช่เพราะเถ้าแก่โจวไม่อยากอวดเก่ง สู้กันว่าใครถอยหลังน้อยกว่า เขากระทั่งสามารถยืนอยู่ตรงนั้นไม่ถอยหลังได้ แต่หน้าอกต้องโดนแรงถีบก่อนหน้านั้นทำให้ทรุดตัวลงไปแน่นอน

สู้ถอยหลังไปตั้งหลักจะดีกว่า ไม่ว่าอย่างไรในนี้ก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องเต๊ะท่าสู้จนกระอักเลือดอะไร

การประมือในครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น เร็วมากจนแม้แต่สวี่ชิงหล่างที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่ทันเข้าร่วมการต่อสู้ แต่โจวเจ๋อได้เข้าสู่โหมดผีดิบอย่างรวดเร็วเช่นกัน จริงจังสุดๆ ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเลย ถือเป็นการประลองฝีมือของปรมาจารย์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องโชคช่วยเลยสักนิด

“กระดูกกระเดี้ยว แข็งแรงจริงๆ” ชายชราสะบัดขาของตัวเอง แล้วคลึงใบหน้าของตัวเองที่โดนหั่นไปเมื่อครู่ “แต่รู้สึกไม่เหมือนคนที่จะฆ่าฉันได้เลย” ชายชราสงสัยเป็นอย่างยิ่ง การต่อสู้ก่อนหน้านี้ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เขากระทั่งเตรียมตัวถูกซัดกระหน่ำจน ‘ตายก่อนที่จะรบชนะ’ แต่เห็นได้ชัดว่า เขาไม่รู้สึกถึง ‘ความน่ากลัว’ ของอีกฝ่ายเหมือนที่จินตนาการเอาไว้

ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดงูอย่างสิ้นเชิง เงาที่อยู่ด้านหลังกลายเป็นงูเหลือมยักษ์ที่ขดตัวอยู่ด้วยกัน วินาทีต่อมา สวี่ชิงหล่างพุ่งเข้าหาอาจารย์ของตัวเอง

ชายชรายิ้มเล็กน้อย กางแขนข้างหนึ่ง ปลายเล็บแตก เลือดสดไหลออกมา แล้ววาดยันต์ด้วยเลือดกลางอากาศ เมื่อเทียบกับภาพลักษณ์ที่อึมครึมก่อนหน้านั้นของเขากลายเป็นความแตกต่างที่ชัดเจน แสดงให้เห็นถึงศิลปะในการวาดภาพที่ผ่อนคลายบางอย่างที่พูดออกมาไม่ถูก เมื่ออักขระโผล่ออกมา สวี่ชิงหล่างมีสีหน้าทรมานทันที ร่างของงูเหลือมที่อยู่ข้างหลังบิดเบี้ยวดิ้นรนสุดขีด

“ปีศาจ เป็นสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ไม่ได้!” ชายชราผลักฝ่ามือ ยันต์โลหิตลอยขึ้นมา ประดุจโคมไฟดวงหนึ่ง ส่องแสงไปที่สวี่ชิงหล่าง

สวี่ชิงหล่างถูกแสงนั่นสกัดโดยตรง ร่างกายเริ่มมีอากาศธาตุสีเขียวลอยออกมา เลือดไหลไปทั่ว

“โกรล!” ทว่าวินาทีต่อมา สวี่ชิงหล่างเงยหน้าขึ้นทันที สายตาเผยให้เห็นพลังอาฆาตที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่างนัยน์ตางูกำลังหมุนวน

“แกลองพูดอีกครั้งซิ!” เสียงนี้ ไม่ใช่เสียงของเหล่าสวี่ มีความหนักอึ้งและลึกลับอย่างชัดเจน

ชายชราหาศัตรูได้เก่งจริงๆ แม้แต่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ยังต้องลงมือด้วยตัวเอง ยันต์โลหิตเริ่มแตก สวี่ชิงหล่างกระแทกทั้งตัวขึ้นไป ชั่วเวลาเดียว หมอกโลหิตลอยฟุ้ง และในนั้นมีความเป็นไปได้ที่ครึ่งหนึ่งจะเป็นเลือดสดของตัวสวี่ชิงหล่างเอง

โจวเจ๋อพุ่งเข้าไปในเวลานี้อีกครั้ง ต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวเหรอ ไม่มีทาง!

ถ้าหากไม่ใช่เพราะลูกน้องของตัวเองถูกชายชราคนนี้จับขังไว้ เถ้าแก่โจวจะออกคำสั่งให้จัดการตะลุมบอนอย่างไม่ลังเล!

อิงอิงทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าไป แต่กลับถูกสาวน้อยโลลิห้ามไว้ และเอ่ยว่า “สัญญาณมือของเถ้าแก่เมื่อครู่เจ้ามองไม่เห็น พวกเขาเร็วเกินไป พวกเราต้องรับมือต่อ”

อิงอิงฟังแล้วจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ขยับอีก

เหล่าสวี่เคยหัวเราะเถ้าแก่โจวในช่วงแรกๆ ที่ต่อสู้ไม่เป็น บอกว่าตอนที่โจวเจ๋อต่อสู้เป็นครั้งแรกไม่ต่างจากการใช้เล็บข่วนคนอื่น วิธีเหมือนกับตอนที่เมียหลวงไล่จับเมียน้อยก็ไม่ปาน ซึ่งที่พูดมาก็เป็นความจริง แต่ตอนนี้กระบวนท่าของสวี่ชิงหล่าง ก็ไม่ได้ดีไปถึงไหน

บางที ‘เทพเจ้าแห่งท้องทะเล’ ท่านนั้นอาจเป็นฝ่ายโดนกระทำแล้วโกรธขึ้นมาจริงๆ ได้รับสิทธิ์ควบคุมร่างนี้จากมือของสวี่ชิงหล่างโดยตรง เหล่าสวี่ต้อง ‘ใจดี’ มอบร่างออกไปเป็นแน่ ดังนั้น เหล่าสวี่จึงเหมือนงูที่กำลังเลื้อยอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว นี่คือสิ่งที่แม้แต่การเดินด้วยท่ามูนวอล์กขั้นสูงก็ไม่สามารถปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้ได้

ความเร็วของชายชรารวดเร็วเกินไป แต่ความไวของลูกศิษย์ของเขาก็ไม่ช้าเลยสักนิด เงาร่างทั้งสองพัวพันเข้าด้วยกันในไม่ช้า ร่างของชายชราอ่อนยวบ ร่างของสวี่ชิงหล่างกลายเป็น ‘งูน้ำ’ โดยตรง

ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกฉงนสนเท่ห์ว่า สาเหตุที่เหล่าสวี่สามารถผนึกเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้สำเร็จในตอนแรก เหตุผลหนึ่งในนั้นเป็นเพราะเทพเจ้าแห่งท้องทะเลถูกใจเหล่าสวี่หรือเปล่า ถึงแม้จะมีร่างเป็นชายแต่กลับมีช่วงเอวเหมือนงูน้ำ

กรงเล็บ เขี้ยวพิษ กำปั้น เท้าและขา ยามที่ต่อสู้กันไม่รู้สึกถึงความงดงามเลยสักนิด เหมือนคนไร้ความสามารถสองคนพันติดแน่นอยู่ด้วยกัน เธอมีฉัน ฉันมีเธอ

ตอนที่โจวเจ๋อพุ่งเข้าไปได้เจอปัญหาเดียวกันกับที่เหล่าสวี่เจอก่อนหน้านั้น เขาไม่รู้ว่าจะลงมืออย่างไร ความเร็วของทั้งสองฝ่ายเร็วเกินไป คุณยากที่จะช่วยเหลือโดยที่ไม่ทำร้ายเพื่อนร่วมทีม

นี่ก็คือสาเหตุที่โจวเจ๋อบอกให้พวกอิงอิงอย่าเพิ่งออกโรง แต่เวลานี้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่การต่อสู้แบบสองต่อหนึ่งดูเหมือนจะช่วยไม่ได้แล้ว

อาจจะเป็นเพราะไม่ว่าโจวเจ๋อหรือเหล่าสวี่ที่ยืมพลังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล วิธีการต่อสู้ค่อนไปที่การต่อสู้แบบระยะประชิด ตอนที่ศัตรูมีเพียงหนึ่ง จึงยากที่จะแบ่งงานกัน

ในที่สุด ร่างของเหล่าสวี่จู่ๆ เกิดแสงสีเขียวออกมา หนังมนุษย์คนหนึ่งหยุดอยู่ตรงนั้น แต่ร่างจริงของสวี่ชิงหล่างกลับถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เหมือนงูลอกคราบก็ไม่ปาน และคล้ายกับตอนที่เหล่าสวี่ชอบเล่นหุ่นเชิดหนังมนุษย์ในตอนแรก

ชายชราถูกหนังงูสกัดอยู่ตรงนั้น เกิดการหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราว

ร่างของโจวเจ๋อหายแวบไปโผลตรงหน้าชายชราโดยตรง แทงเล็บทั้งสิบนิ้วลงไป!

ชายชราใช้เท้ากระโดดขึ้นจากพื้น อยากจะหนีไปจากตรงนี้ ‘วืด!’ ฮวาหูเตียวโผล่ออกมาโดยใช้อุ้งมือหนึ่งบังก้นอีกอุ้งมือหนึ่งยื่นออกมา ต่อสู้กับชายชราด้วยความเร็วจี๋ ทั้งตัวของชายชราถูกคนโต้กลับมา เล็บทั้งสิบของโจวเจ๋อแทงไปที่หน้าอกของชายชราอย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกัน โจวเจ๋อได้คำรามเสียงต่ำ “กาแฟ หนังสือพิมพ์ เพิ่มน้ำตาล!”

‘ครืน!’ ระเบิดที่น่ากลัวปรากฏออกมา ต่อจากนั้นคือการกระจายตัวของกระแสลมปราณ ร่างของชายชราระเบิดออกทันที พร้อมกับถูกปราณพิฆาตปั่นจนแหลกในเวลาเดียวกัน เถ้าแก่โจวไม่ใจอ่อนแม้แต่นิดเดียว กระบวนท่าไหนที่สามารถใช้ได้เขาหยิบออกมาใช้ทั้งหมด

เกิดความเงียบในสถานที่เกิดเหตุไปชั่วขณะหนึ่ง มีเพียงลมเหนือที่พัดในฤดูหนาวเท่านั้นที่ยังพัดความเงียบเหงาให้หมุนวน

สาวน้อยโลลิแสดงแววตาของความสงสัยออกมา “สำเร็จแล้วเหรอ”

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Score 10
Status: Completed
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

Options

not work with dark mode
Reset