บทที่ 513 โปรดชี้แนะให้มากด้วยนะครับ แฟนสาวของผม
บทที่ 513 โปรดชี้แนะให้มากด้วยนะครับ แฟนสาวของผม
ฉู่ซิงอวี่เงยหน้าขึ้นมอง ท่าทางประหลาดใจเช่นเดียวกันกับอีกฝ่ายพลันฉายชัดบนใบหน้า “หลิงหลิน?”
หลิงหลินซึ่งถือดอกกุหลาบขาวไว้ในมือ เมื่อมองฉู่ซิงอวี่ที่ชะงักค้างไปก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ที่ผ่านมาตั้งนานนี่ สรุปแล้วคนที่ต้องการนัดบอดกับฉันคือพี่สินะ”
ฉู่ซิงอวี่เองก็ระบายยิ้มแล้วเอ่ยทักทายหลิงหลินในขณะที่หญิงสาวนั่งลง “ไหน ๆ เราก็มากันแล้ว นั่งดื่มกาแฟด้วยกันสักแก้วเถอะ”
ฉู่ซิงอวี่รู้สึกสับสนเล็กน้อยกับข้อตกลงระหว่างทั้งสองตระกูล
ตระกูลฉู่และตระกูลหลิงนั้นนับว่ารู้จักมักจี่กันมาหลายอายุคน และไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าลูก ๆ ของทั้งสองครอบครัวเติบโตมาด้วยกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หลิงเยี่ยเข้ารับราชการในกองทัพ ฉู่ซิงอวี่ก็รับหน้าที่เป็นพี่ชายของเขา
ต่อมา เนื่องจากเรื่องของเซี่ยจื่ออี้ทำให้หลิงหลินโกรธอยู่หลายครั้ง บวกกับความขุ่นเคืองที่ฉู่ซิงอวี่ไม่รู้จักแยกดีชั่ว เธอจึงค่อย ๆ ตีตัวออกหากจากเขาไป
เมื่อพวกเขาเริ่มเติบโตขึ้น ทุกคนต่างก็ไม่ได้เอาอดีตมาใส่ใจอีก อีกทั้งหลิงเยี่ยและฉู่ซิงอวี่ถูกย้ายให้มาประจำที่มณฑลอวิ๋นด้วยกัน ลูก ๆ ของทั้งสองตระกูลจึงกลับมาสนิทชิดเชื้อกันอีกครั้ง
และด้วยทั้งสองตระกูลนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก หากเขาตั้งใจที่จะจับคู่ตัวเองกับหลิงหลิน เขาคิดว่าตัวเองก็ย่อมไม่ปฏิเสธเช่นกัน
ในใจของชายหนุ่ม หากอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่ทำให้หัวใจของตนเต้นแรงตั้งแรกเริ่ม การจะมีความรักอีกครั้งคงต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น การแต่งงานกับคนที่รู้ในทุกแง่มุมก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว
ดูแล้วหากทางฝั่งของเขาไม่มีปัญหา ก็คงเป็นเพราะหลิงหลินไม่ยินยอม
หลิงหลินนั่งลงตรงข้ามกับฉู่ซิงอวี่ด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย ไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ “แล้วอย่างนั้น…พี่รู้ไหมว่าคนที่จะมาวันนี้คือฉัน?”
ฉู่ซิงอวี่ตอบตามตรง “ไม่รู้เลย”
ร่องรอยแห่งความผิดหวังปรากฏอยู่ในแววตาของหลิงหลิน หญิงสาวยกยิ้มแล้วเอ่ย “อ่อ”
ทว่าฉู่ซิงอวี่พลันเอ่ยขึ้นหลังจากนั้น “ทันทีที่รู้ว่าเป็นเธอ ฉันทั้งรู้สึกคาดไม่ถึงและยินดีไม่น้อยเลยนะ”
ท่าทางของเขายังคงอ่อนโยนเฉกเช่นที่ผ่านมา ดวงตาภายใต้กรอบแว่นคู่นั้นก็ยังคงเหมือนทะเลที่คลื่นสงบ
หัวใจของหลิงหลินราวกับจะหยุดเต้นเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ หูอื้อไปหมด ก่อนที่วินาทีต่อมาหญิงสาวจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัวผ่านแก้วหูของตัวเอง
นิ้วมือที่ถือกุหลาบไว้พลันสั่นเบา ๆ หนามแหลมที่ไม่ได้ตัดออกจากกิ่งดอกไม้ทิ่มแทงลงบนผิวหนังบอบบางของเธอ ซึ่งหญิงสาวยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
หญิงสาวสูดหายใจอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะมองไปยังฉู่ซิงอวี่ “สิ่งที่พี่เพิ่งพูดมา… เป็นความจริงใช่ไหม?”
ฉู่ซิงอวี่พยักหน้ารับ “หากเทียบกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แล้ว การคบค้าสมาคมกับเธอนั้นสบายใจกว่ามาก และฉันคิดว่าการได้อยู่กับเธอ อนาคตคงไม่มีวันที่น่าเบื่อแน่”
ชายหนุ่มโน้มตัวไปข้างหน้า นิ้วมือประสานกันไว้ “แล้วเธอล่ะ? ในใจของเธอคิดยังไง?”
เมื่อเห็นหลิงหลินมองเขาด้วยท่าทีมึนงง ชายหนุ่มจึงเอ่ยเสริม “ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองหรอก แค่พูดในสิ่งที่เธอคิดและปล่อยให้ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของฉันเอง”
ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำอันนุ่มนวลอ่อนโยนของเขา หลิงหลินก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว
แก้มของเธอเริ่มขึ้นสี ทั้งยังร้อนผ่าวด้วย
ทว่าหญิงสาวไม่กล้าที่จะยกมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองในเวลานี้ เพราะกลัวว่าการกระทำนี้จะชัดเจนเกินไปและทำให้ฉู่ซิงอวี่ขบขันเอาได้
ด้วยเหตุนี้เธอจึงมองไปยังมือเรียวยาวที่ขาวหมดจดของฉู่ซิงอวี่ แล้วพยักหน้าอย่างเขินอาย “ฉันเองก็ยินดี”
รอยยิ้มอ่อนโยนพลันผลิบานบนใบหน้าของฉู่ซิงอวี่ “งั้นต่อไป โปรดชี้แนะให้มากด้วยนะครับ คุณ… แฟนสาวของผม”
…
เดิมทีเซี่ยชิงหยวนต้องการจะแบ่งปันข่าวดีเรื่องความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อโรงงานตัดเย็บเฟิงหวงกับเสิ่นอี้โจว ทว่าเธอรอจนถึงหลังมื้อเย็น ผู้เป็นสามีก็ยังไม่กลับมา
เขาไม่เพียงไม่กลับมา กระทั่งไม่แม้แต่จะมีโทรศัพท์จากเขาสักสายเลยด้วยซ้ำ
เธอรู้สึกร้อนใจ จึงโทรศัพท์ไปที่ทำงานของเขาแทน
เสียงรอสายโทรศัพท์ดังอยู่นานกว่าที่ปลายสายจะรับ และคนที่รับสายคือตงวั่งชุน “สวัสดีค่ะ สำนักงานเลขาธิการเสิ่นค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยขึ้น “ใช่เสี่ยวตงหรือเปล่าคะ ฉันเซี่ยชิงหยวนเองค่ะ”
ฝ่ายตงวั่งชุนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลดเสียงลงและกล่าวว่า “คุณนายเสิ่นคะ ตอนที่เรากำลังจะเลิกงาน มีคนจากสำนักงานอัยการเข้ามาเชิญเลขาธิการเสิ่น รวมถึงบุคลากรระดับสูงหลายคนในสำนักงานไปค่ะ ตอนนี้พวกเขายังไม่กลับมากันเลยค่ะ”
เธอไปสอบถามข้อมูล แต่กลุ่มผู้นำระดับสูงเข้าห้องประชุมไปแล้วก็ยังไม่ได้ออกมาอีกเลย แม้กระทั่งมื้อเย็นก็เลยเวลาไปไม่น้อย ทั้งยังให้ทางโรงอาหารจัดเตรียมและนำเข้าไปให้ในห้องประชุมแทน
เธอเองก็ไม่กล้ากลับบ้าน จึงรออยู่ฟังข่าวอยู่ที่สำนักงานอยู่ตลอด
เซี่ยชิงหยวนนึกถึงฉู่ซิงอวี่ขึ้นมาโดยพลัน “ฉู่ซิงอวี่ล่ะคะ? เขาไปด้วยรึเปล่า?”
ตงวั่งชุนตอบกลับ “ผู้ช่วยพิเศษฉู่เพิ่งขอลาไปเมื่อบ่ายนี้เองค่ะ แต่ฉันลองถามเขาดูแล้ว เขาบอกว่าจะลองไปถามดูให้ ทว่ายังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยค่ะ”
ได้ยินดังนั้น เซี่ยชิงหยวนตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น