บทที่ 306 คุณนายเสิ่นงดงามราวกับดอกไม้
บทที่ 306 คุณนายเสิ่นงดงามราวกับดอกไม้
สำหรับเซี่ยชิงหยวนแล้ว โจวจิ่นจือคือลูกพี่ใหญ่ของเมืองกว่างโจว
ตลอดมาเธอได้ยินเหล่าไต้และคนอื่น ๆ เรียกเขาว่าพี่โจวหรือพี่ใหญ่โจว และเธอก็ไม่เคยตั้งใจจะถามชื่อจริง ๆ ของเขา
เธอคิดว่านามสกุลของเขาคือโจวหรือโจ่ว แต่เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะกลายเป็นลูกชายของผู้อำนวยการฉีเลย
คนร้ายที่กลายเป็นลูกชายหัวหน้าสำนักงานความมั่นคงสาธารณะเนี่ยนะ?
ขนาดละครทีวียังไม่เคยไร้สาระขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ!
เซี่ยชิงหยวนสงสัยว่าเธอดูผิด จึงขยี้ตาแล้วมองฉีจิ่นจืออย่างระมัดระวังตั้งแต่หัวจรดเท้า
เธอตกใจอีกครั้งกับสิ่งที่พบ
คล้ายกันมาก!
เป็นไปไม่ได้ที่คนสองคนที่เหมือนกันจะอยู่ในโลกและในเวลาเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นฝาแฝด แต่ก็ต้องมีความแตกต่างบ้างสิ!
เธอตัวแข็งอยู่กับที่ และเฝ้าดูฉีจิ่นจือเดินตามฉีหยวนซานเดินเข้ามาหาพวกเธอ
เธอนึกถึงฉากที่เขาอยู่ท่ามกลางกองเพลิงและถือมีดในวันนั้นทันที
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพื่อเปลี่ยนจากโจวจิ่นจือของเมืองกว่างโจวให้กลายเป็นฉีจิ่นจือแห่งมณฑลอวิ๋น แต่เธอก็รู้ดีว่าหลังจากได้รู้เรื่องที่เขาฆ่าใครบางคนและรู้เกี่ยวกับอดีตอันดำมืดของเขา เธออาจจะถูกตระกูลฉีปิดปากก็ได้!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อออก
ฉีหยวนซานนำฉีจิ่นจือและเผ่ยอิ่งเดินเข้ามาหาเซี่ยเจิ้งกับเสิ่นอี้โจว และพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณเลขาธิการเสิ่นมากนะ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งจริง ๆ ที่คุณมาด้วย!”
เซี่ยเจิ้งและเสิ่นอี้โจวรีบพูดทักทายกลับอย่างสุภาพ และผู้ชายทั้งสามคนก็สนทนากลับไปมาอย่างให้เกียรติกันและกัน
คุณหญิงเผ่ยยืนเคียงข้างอย่างนิ่งเงียบ
เธอเสียลูกชายในขณะที่อายุเยอะ ดังนั้นสภาพของเธอจึงดูไม่ดีนัก
มือข้างหนึ่งของฉีจิ่นจือล้วงไว้ในกระเป๋ากางเกง หรี่ตาลง และดูเฉยเมยราวกับว่าไม่มีอะไรดึงดูดสายตาของเขาได้
แม้ว่าฉีหยวนซานและคนอื่น ๆ กำลังคุยกัน เขาก็ดึงปกเสื้อด้วยความเบื่อหน่าย
กระดุมสองเม็ดบนของเสื้อเชิ้ตไม่ได้ติดกระดุม และในขณะที่เขาเคลื่อนไหว รอยบุ๋มทั้งสองบนสะบักก็ปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นกระดูกไหปลาร้าที่ละเอียดอ่อนมาก
รูปลักษณ์ที่ดูขบถหน่อย ๆ และไม่ถูกจำกัดของเขาทำให้หูของเซี่ยจื่ออี้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอเคยเห็นเขาที่บ้านตระกูลฉีครั้งหนึ่งแล้ว
ตอนนั้นหญิงสาวได้ยินมาว่าเขาเพิ่งกลับมาจากเมืองหลวง และได้รับบาดเจ็บ ต้องใช้เวลานานกว่าจะหายดี
ส่วนเรื่องการเจรจาเรื่องการแต่งงานระหว่างทั้งสองครอบครัว เขาแค่ยิ้มอย่างมีความหมาย ไม่พูดอะไร พลันหันหลังกลับขึ้นไปชั้นบน
เธอยังคงไม่เข้าใจความคิดของฉีจิ่นจือ ทำให้หญิงสาวไม่สบายใจมาก
นอกจากเสิ่นอี้โจวแล้ว เขาเป็นคนที่สองที่ทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ได้
ความทุกข์ที่เกิดจากเซี่ยชิงหยวนเมื่อกี้มลายหายไปทันที เธอรีบดึงมือของฉินซูอวี้และส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายหยุดพูดเรื่องไร้สาระเหมือนเด็กสาวที่ไม่รู้ความ พลันส่งสายตาเขินอายไปที่ฉีจิ่นจือ
ฉีจิ่นจือมองไปทางอื่นราวกับว่าเขาไม่เห็นมัน
เซี่ยชิงหยวนก็มองไปที่ฉีจิ่นจือโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
ก่อนที่เธอจะละสายตาออกไป เธอก็ได้พบกับสายตาจ้องมองของฉีจิ่นจือ
เซี่ยชิงหยวนทำได้เพียงกัดฟันและพยักหน้าให้เขาเท่านั้น
ถ้าศัตรูไม่เคลื่อนไหว เธอเองก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เช่นกัน
การแสดงออกของฉีจิ่นจือยังคงเฉยเมย เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ให้เธอด้วยซ้ำ และหันหน้าหนีไป
นี่คืออะไร?
เขากำลังวางแผนที่จะชำระบัญชีหลังจากงานเลี้ยงเลิกรา หรือว่าเธอแต่งหน้าแล้วเขาก็จำเธอไม่ได้กัน?
ขณะที่กำลังงุนงง เธอก็ได้ยินเสิ่นอี้โจวเรียก
หญิงสาวดึงตัวเองออกจากความคิดของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้เสิ่นอี้โจวกำลังแนะนำตัวเธอกับทุกคน
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพยักหน้าให้ฉีหยวนซาน “สวัสดีค่ะผู้อำนวยการฉี”
ฉีหยวนซานก็พยักหน้าให้เธอเช่นกัน แล้วหันกลับไปเรียกลูกชาย “จิ่นจือมานี่และทักทายเลขาธิการเสิ่นสิ”
จากนั้นเขาผายมือไปที่เซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า ” นี่คือภรรยาของเลขาธิการเสิ่น”
ฉีจิ่นจือเดินมาที่ด้านข้างของฉีหยวนซาน พยักหน้าแล้วพูดทักทาย “เลขาธิการเสิ่น”
ดวงตาที่เย็นชาของเขาจ้องมองเซี่ยชิงหยวน ริมฝีปากของเขาพลันยกขึ้นและชมเชยเธอราวกับไม่สนใครที่อยู่รอบ ๆ “คุณนายเสิ่นงดงามราวกับดอกไม้จริง ๆ”
คำว่า ‘ราวกับดอกไม้’ ดูเหมือนจะม้วนอยู่ระหว่างริมฝีปากและฟันของเขา ซึ่งเมื่อพูดออกไปมันดูมีความหมายที่พิเศษ
เซี่ยชิงหยวน “!”
เขาชมเธอเหรอ?
หรือว่าเขากำลังเตือนตัวเธอว่าเขาจำได้ที่เธอเคยบอกกับเขาว่าชื่อหรูฮวา ซึ่งแปลว่าดอกไม้ก่อนหน้านี้?
ขณะเดียวกัน เซี่ยจื่ออี้ก็สังเกตเห็นคลื่นใต้น้ำระหว่างทั้งสองและยิ้มออกมา
“ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะเคยรู้จักกันมาก่อนนะคะ?”
“ไม่!”
“ไม่” เซี่ยชิงหยวนและฉีจิ่นจือพูดพร้อมกัน
เซี่ยจื่ออี้พยักหน้าและยิ้มอย่างขอโทษ “ฉันขอโทษด้วยนะคะ บางทีฉันก็เข้าใจผิดไปน่ะค่ะ”
จากนั้นเธอก็กล่าวเสริม “แต่มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วสิเนอะ จิ่นจือเคยอยู่แต่ที่เมืองหลวง เป็นไปไม่ได้ที่จะเคยพบกับชิงหยวน”
สายตาของเซี่ยจื่ออี้เฉียบคมมาก เธอสังเกตดวงตาของฉีจิ่นจือและเซี่ยชิงหยวนที่เปลี่ยนแปลงอยู่ครู่หนึ่ง
แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้ชอบเขามากนัก แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้ผู้ชายในอนาคตของตัวเองมีความคิดเกินเลยกับผู้หญิงคนอื่นหรอก
ประโยคคำถามที่เธอเพิ่งถามออกไปครึ่งหนึ่งเป็นการทดสอบเท่านั้น และครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องตลก
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉีจิ่นจือ เซี่ยชิงหยวนก็เม้มริมฝีปาก เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะตอบพร้อมกับเขาสักหน่อย
แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยเจิ้งก็หัวเราะเสียงดัง “ใช่แล้ว จิ่นจืออาศัยอยู่แต่ในเมืองหลวงมาตั้งแต่เด็ก และคุณนายเสิ่นอยู่แต่ในมณฑลยูนนาน เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักกันหรอก”
เสิ่นอี้โจวยังกล่าวเสริมอีกว่า “นั่นเป็นเรื่องที่ปกติเลยล่ะครับ”
หลายคนที่อยู่รอบ ๆ ยิ้มและเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
เสิ่นอี้โจวสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของเซี่ยชิงหยวน ขณะที่คนอื่นกำลังพูดกันอยู่
เขาหันไปแล้วถามเซี่ยชิงหยวนเบา ๆ ว่า “มีอะไรรึเปล่า?”
ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะพูดคุยกัน เซี่ยชิงหยวนจึงส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่มีอะไร”
เธอทำได้เพียงรอจนกว่าจะกลับถึงบ้านก่อนแล้วค่อยบอกเสิ่นอี้โจว
…
เมื่อแขกมาถึงงานเลี้ยงครบแล้ว อาหารค่ำก็จะเริ่มเร็ว ๆ นี้
ฉีหยวนซานขึ้นมาบนเวทีและพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นแนะนำฉีจิ่นจือให้กับทุกคนอย่างเป็นพิธีการ
นี่แสดงให้เห็นว่าลูกพี่ใหญ่ที่เคยปกครองโลกใต้ดินของกว่างโจวกำลังจะเปลี่ยนตัวตนกลายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐในนามลูกชายคนที่สองของตระกูลฉี
เซี่ยเจิ้งและเซี่ยจื่ออี้นั่งโต๊ะที่ใกล้ที่สุด พวกเขารอจนกระทั่งฉีหยวนซานและฉีจิ่นจือลงจากเวที แต่กลับไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาต้องการจะได้ยินเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของเซี่ยเจิ้งมืดหม่น และเซี่ยจื่ออี้กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น
ขณะที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ เซี่ยชิงหยวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของเซี่ยจื่ออี้ แต่ยังคงรักษารอยยิ้มที่ดีไว้ได้
เธออดไม่ได้ที่จะหันไปถามเสิ่นอี้โจวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฉันได้ยินมาว่าทั้งสองครอบครัวของพวกเขาอยากแต่งงานกันไม่ใช่เหรอ?”
เสิ่นอี้โจวเล่นกับแก้วในมือของเขาแล้วมองอย่างจริงจัง “ผมเกรงว่าลูกชายคนเล็กของตระกูลฉีจะไม่เห็นด้วยนะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอเข้าใจแล้ว จากนั้นก้มศีรษะลงแล้วกินอาหาร
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลฉีและฉีจิ่นจื่อ เธอจะต้องเติมอาหารให้ท้องของตัวเองก่อนเผื่อเวลาตายจะได้ไม่เป็นผีหิวโหย
นอกจากนี้ เสิ่นอี้โจวก็อยู่ที่นี่ด้วย
ถ้ากล้าแตะต้องเธอ ผู้ชายของเธอคงไม่อยู่เฉยแน่นอนใช่ไหม?
ใต้โต๊ะ หญิงสาวถอดรองเท้าส้นสูงออกเพื่อให้เท้าได้พัก
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอสวมรองเท้าส้นสูง และเมื่อกี้เธอติดตามเสิ่นอี้โจวและพบปะผู้คนมากมาย รองเท้าก็ใหม่ มันเลยกัดเท้าของเธอจนผิวหนังถลอกหมดแล้ว
ในช่วงบ่ายวันนี้ เธอล้างเท้าอย่างพิถีพิถัน และใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีกลิ่นหอม ซึ่งจะไม่ส่งกลิ่นเหม็น
ด้วยความกังวลว่าจะมีใครไม่พอใจหรือมองไม่ดี เธอจึงขยับเท้าไปในทิศทางของเสิ่นอี้โจว
ด้วยระยะการเคลื่อนไหวที่กว้างเกินไป เธอจึงไปโดนน่องของเสิ่นอี้โจวโดยไม่ได้ตั้งใจเข้า
เขาหยุดชะงักแล้วมองใต้โต๊ะ
รอยยิ้มพลันปรากฏบนคิ้วของเขาทันที
เขามองไปที่ภรรยา “เจ็บเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าทันที
เธอลูบเอวอีกครั้ง “เอวก็เจ็บเหมือนกันนะ”
หลังจากยืนบนรองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน มันจะเจ็บแน่นอน
เธอนั่งทางซ้ายมือของเสิ่นอี้โจว ทันทีที่พูดจบปลายนิ้วอันแข็งแกร่งของเขาก็แตะที่หลังเธอ จากนั้นเลื่อนไปที่เอวแล้วนวดด้วยแรงเล็กน้อย
เซี่ยชิงหยวน “!”
นี่คือที่สาธารณะนะ!
เธอตำหนิเขาด้วยสายตาอย่างรวดเร็ว
เสิ่นอี้โจวยิ้มอ่อน “ผมถูเอวภรรยาของผม มันผิดกฎหมายหรือไง?”
ท่าทางของเขาควบคุมอย่างดี มีเพียงปลายนิ้วที่อยู่ใกล้กับเอวของเซี่ยชิงหยวนเท่านั้น ซึ่งหากใช้ทั้งฝ่ามือแทนมันน่าจะชวนตื่นเต้นมากกว่านี้
ฉีจิ่นจือนั่งที่โต๊ะเดียวกับเซี่ยเจิ้งและลูกสาวของเขาพร้อมกับฉีหยวนซาน
ราวไม่ได้ตั้งใจ สายตาของเขาพลางเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งของโต๊ะถัดไป จากนั้นเขามองไล่ต่ำลงไปเรื่อย ๆ และหยุดชั่วครู่เมื่อเห็นมือของเสิ่นอี้โจววางบนเอวของเซี่ยชิงหยวน
เขาก้มศีรษะลงพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยบนริมฝีปาก พลันหยิบแก้วขึ้นมาแล้วดื่มลงคอ
———————